*แม้อาการของตลาดหุ้นไทยจะไม่เป็นเหมือนกับที่ “โมนิก้า” ได้เกริ่นนำให้ฟังแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า ทุกอย่างยังเดินไปในทางที่ควรจะเป็น ! แถมแรงซื้อยังเข้ามารับหุ้นได้เวลาเหมาะเจาะ เดี๊ยนถึงแฮปปี้มาก ๆ ที่ดัชนีเด้งขึ้นจากจุดต่ำสุดของวันที่บริเวณ 1,276.38 จุด ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ 1,293.40 จุด ลบไป 0.40 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.75 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้ทุกคนรู้ว่า มีคนรอช้อนหุ้นเพียบนะจะบอกให้

*ในเมื่อโมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยยังดูดีในสายตาคนเล่นหุ้น “โมนิก้า” ย่อมต้องไหลตามกระแสแบบไม่ขัดข้อง เพราะข้อมูลที่ปรากฏให้เห็นในเที่ยวนี้ไม่มีอะไรต้องวอร์รี่สักอย่าง รวมทั้งข่าวร้ายที่เม้าท์แตกกันเรื่อยเปื่อย ก็เป็นเรื่องเดิม ๆ ที่คนในแวดวงธุรกิจรู้สึกชินชา และไม่สามารถหาสาระแก่นสารที่เกิดขึ้นได้สักอย่าง จึงอยากให้แฟนคลับตั้งมั่นอยู่กับเกมของตัวเองมากกว่าเกมของคนอื่นพะยะค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ชอบเม้าท์ถึงเรื่องราวของหุ้นมากหน้าหลายตา ซึ่งหุ้นแต่ละตัวก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไป จึงพยายามนำเสนอข้อมูลให้ครบทุกมิติ เพื่อแฟนคลับจะได้มีข้อมูลประกอบการเคาะขวา เพราะสถานการณ์ของหุ้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนบางคนเริ่มไล่ตามเหตุการณ์ไม่ทัน และไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นะซี

*เช่นเดียวกับในรายของ SAWAD ที่มีอาการอ่อนระทวยเป็นเวลานาน จู่ ๆ กลับทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 48.25 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.17 พันล้านบาท ท่ามกลางหุ้นบลูชิพแดงแป๊ดกันเป็นแถบ ย่อมสร้างความงงงวยให้กับแมงเม่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ แถมหนก่อนก็มาในแนวแรงสุด ๆ พอถัดมาอีกวันกลับแสดงอาการง่อยเปลี้ย และโค้งตัวลงทุกวัน จึงกลายเป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย (หากวันนี้ยืนได้ น่าจะไปได้ดี) นะออเจ้า

*กรณีข้างต้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ PRM อย่างไร..อย่างนั้น เพราะการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 9.30 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 610 ล้านบาท ทั้งที่ภาพรวมของหุ้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” จึงไม่ขอบรรยายอะไรให้รกสมอง และขอใช้กราฟหุ้นเป็นตัวชี้ว่า ก่อนหน้าก็เล่นกันดุดันแบบนี้ แต่หลังจากนั้นกลับหายจ๋อยไปเฉย ๆ คุณคิดว่า เที่ยวนี้จะเหมือนกับเที่ยวก่อนไหมล่ะจ๊ะ

*ไหน ๆ เม้าท์มาถึงประเด็นนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ย่อมกวาดสายตาไปที่หุ้นยางมะตอย TASCO เพื่อชี้ให้เห็นไซเคิลของหุ้นก็มีลักษณะ “ลุ่ม ๆ ดอน ๆ” อย่างที่ทราบกันดี จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดกันต่อไปว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 26 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 4.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 643 ล้านบาท ใช่จุดที่เหมาะต่อการไหลตามน้ำไหม ? หลังข้อมูลสถิติชี้ชัดว่า หุ้นมีโอกาสไปต่อเจ้าค่ะ

*ส่วนดาวรุ่งพุ่งแรงที่กลับมาเฉิดฉาย และเต็มไปด้วยความหวังอย่าง SMT กลายเป็นช็อตที่ทำให้แฟนคลับขาประจำได้เสียวกันอีกรอบ เพราะการขึ้นมาปิดที่ 2.86 บาท บวกไป 0.36 บาท หรือขึ้นไป 14.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 175 ล้านบาท มันเป็นการขึ้นมาปิดตรงยอดเก่า ซึ่งมีมือที่มองไม่เห็นถล่มใส่แบบไม่ยั้ง และถ้านับเที่ยวนี้ก็เป็นหนที่ 3 ของการทดสอบแนวต้านดังกล่าวนะนายจ๋า !

*สำหรับรายที่วิบวับสุดในเที่ยวนี้กลายเป็น DOD ภายใต้คอนเซ็ปต์ได้เวลาโตอย่างเป็นทางการอีกรอบ ผนวกกับในครึ่งปีหลังมียุทธวิธีปั๊มรายได้เพิ่มขึ้นแบบสุดซอย “โมนิก้า” ถึงเข้าใจเหตุผลที่ราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ 9.75 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 330 ล้านบาท แถมเมื่อนำสมมุติฐานกำไรทั้งปีอยู่ในระดับ 0.50 บาทต่อหุ้นมาเป็นที่ตั้ง ต่อจากนั้นนำมาเทียบบนค่า P/E 20 เท่า ก็จะได้ราคาเป้าหมายขั้นต่ำ 10 บาท ขณะเดียวกันหากผลงานออกมาดีกว่าคาด ก็ลองคิดกันดูว่า หุ้นควรจะไปถึงไหน ?..อิอิอิ

*ก่อนจากกันขอทิ้งท้ายที่กาลอวสานของเด็กเลี้ยงแกะอย่าง อาตี๋ ณ. ผู้กุมชะตากรรมของ WEH กันสักหน่อยดีกว่า ! เพราะหลังจากศาลแพ่งไม่รับคำร้องขอให้คุ้มครองชั่วคราว และอายัดหุ้นในส่วนของ เฮีย ป. ก็ทำให้ทุกคนเชื่อว่า วันนี้คนขี้จุ๊จะถูกเตะโด่งออกจากบริษัทแน่นอน เพราะเมื่อนับเสียงโหวตในเพลานี้ต้องบอกให้ทุกคนรู้ว่า เฮีย ป. มีคะแนนเสียงเยอะกว่า “โมนิก้า” เลยไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มากความ เพราะของมันเห็นกันเป็นเวลานานแล้วว่า ใคร ๆ ก็ไม่รักอาตี๋ และพร้อมใจรุมกระทืบให้จมดิน หลังทุกคนจับโกหกได้แล้วนะซี