ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 พ.ย.63 ปิดที่ 1,202.16 จุด เพิ่มขึ้น 7.21 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 40,738.51 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 766.35 ล้านบาท
Powered by Streamlyn

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด STA ปิด 33.50 บาท ลบ 2.25 บาท, CPALL ปิด 54.25 บาท บวก 0.50 บาท, STARK ปิด 1.66 บาท บวก 0.12 บาท, AOT ปิด 52.75 บาท บวก 1 บาท และ STGT ปิด 89.25 บาท ลบ 2.25 บาท

บล.ทรีนีตี้ ประเมินการลงทุนเดือน พ.ย. ว่าดีกว่าเดือน ต.ค.หลังดัชนีปรับลงมาพอสมควรแล้ว คาดดัชนีจะสร้างฐานช่วงต้นเดือน ก่อนทยอยปรับขึ้นช่วงที่เหลือของเดือนนี้ มีเป้าหมายดัชนีที่ 1,250 จุด ส่วนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,160 จุด

“ขณะนี้ไม่ใช่จังหวะลดพอร์ตลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่ถือเงินสดสูง ส่วนการเข้าซื้อ ยังคงแนะโฟกัสไปที่หุ้นใหญ่มากขึ้น หลัง Valuation ลงมาค่อนข้างลึก สะท้อนผลประกอบการที่ลดลงไปพอสมควรแล้ว”

ธีมลงทุนหุ้น เดือน พ.ย คือ 1.สะสมหุ้นใหญ่ แนะนำ 6 หุ้นเด่น คือ SCC เพราะ Spread ของ HDPE มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง และราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง, หุ้น DELTA มีโอกาสเข้าคำนวณดัชนี SET50-SET100 รอบถัดไป รวมถึงดัชนี MSCI Standard Index ที่จะมีการปรับเดือนนี้, หุ้น CPF ราคาหุ้นลงแรงจน Valuation น่าสนใจ โดย Forward PE ลงมาเท่าช่วงวิกฤติโควิดแล้ว

หุ้น HMPRO ได้อานิสงส์จาก “ช้อปดีมีคืน” และการซ่อมบ้านจากน้ำท่วม, หุ้น STGT มีแนวโน้มกำไรโตต่อเนื่องช่วง 3-4 ไตรมาสข้างหน้า และได้อานิสงส์จากการกลับมาระบาดของโควิดมากขึ้น รวมถึงความเป็นไปได้ในการเข้าดัชนี MSCI และหุ้น BAM กำไรจะฟื้นตัวครึ่งปีหลังและมีกระแสเงินสดเข้ามามากขึ้น รวมถึงมีโอกาสเข้าดัชนี SET50 และ SET100 ด้วย

ธีมลงทุนที่ 2 คือลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ได้แก่ กลุ่มค้าปลีกและบัตรเครดิต เช่น HMPRO, COM7 และ KTC ส่วนธีมที่ 3 คือหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Social distancing ในต่างประเทศ หุ้นที่ได้ประโยชน์คือ ASIAN, XO, และ PTL!!

อินเด็กซ์ 51