ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 พ.ย.63 ปิดที่ 1,349.81 จุด ลดลง 1.25 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 90,070.75 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,417.45 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าการซื้อขายสูงสุด STGT ปิด 72.75 บาท ลบ 2.25 บาท, KBANK ปิด 94 บาท ลบ 0.75 บาท, MINT ปิด 23.70 บาท ลบ 0.50 บาท, SCGP ปิด 39 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ AOT ปิด 66 บาท บวก 0.25 บาท

หุ้นไทยช่วงเช้าปรับขึ้นขานรับข่าววัคซีนของ Moderna เฟส 3 มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 ได้มากกว่า 94% แต่ตลาดปรับตัวลงในช่วงท้ายตลาด หลังนักลงทุนเทขายหุ้นเพราะกังวลกับสถานการณ์การชุมนุมในประเทศ

ขณะที่ บล.เอเซียพลัสระบุว่าบริษัท Moderna ที่ประกาศการทดสอบวัคซีน ซึ่งผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ทั้งอัตราความสำเร็จ รวมถึงความสะดวกในการขนส่งและเก็บรักษาที่ง่ายขึ้น

ดังนั้น จึงเชื่อว่าหุ้นในกลุ่ม Vaccine Play ยังมี Momentum ขึ้นต่อได้ แม้อาจจะไม่ได้แรงเหมือนช่วงที่ผ่านมา กลยุทธ์ยังคงชื่นชอบ 16 หุ้น Vaccine Play ที่ฝ่ายวิจัยฯเคยแนะนำดังนี้ KBANK-BBL-TISCO-AMATA-WHA-CPN-MAJOR-VGI-PLANB-BDMS-AAV-AOT-BEM-BTS-MINT และ CRC!!

ปิดท้ายมีมุมมองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ “ภากร ปีตธวัชชัย” ที่ระบุว่าปี 64 คาดว่าจะเห็นเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้นรวมทั้งตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเศรษฐกิจในตลาดเอเชียจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีกว่าฝั่งยุโรป โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่จะเติบโตแซงสหรัฐฯ และยังมีอินเดีย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซียด้วย

“ตั้งแต่ปีหน้าจะเห็นเม็ดเงินต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดเอเชีย หุ้นไทยก็ได้อานิสงส์ไปด้วย แม้การปรับตัวขึ้นของดัชนีจะยังไม่เห็นชัดเจน เพราะเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวในรูปตัว K มีทั้งฟื้นตัวเร็วกว่าคาด โดยบางธุรกิจฟื้นขณะที่บางธุรกิจยังไม่ฟื้นตัว”

นักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต้องศึกษาการปรับตัวของบริษัทจดทะเบียนที่ฟื้นตัวได้เร็วหลังโควิด เช่น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่สอดคล้องกับโลก new normal การปรับกระบวนการผลิต การพบลูกค้า โดยการเพิ่มประสิทธิภาพ การปรับบุคลากร และการบริหารความเสี่ยง เพิ่มสภาพคล่อง เพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต!!

อินเด็กซ์ 51