ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 23 พ.ย.63 ปิดที่ 1,420.43 จุด บวก 31.09 จุดมีมูลค่าการซื้อขาย 105,036.78 ล้านบาท

นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศซื้อสุทธิทั้งหมด โดยต่างชาติซื้อสุทธิ 2,769.91 ล้านบาท กองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,342.07 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 1,572.19 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 40.50 บาท บวก 2.25 บาท, KBANK ปิด 108 บาท บวก 2 บาท, ADVANC ปิด 179.50 บาท บวก 4 บาท, PTTEP ปิด 98.50 บาท บวก 4.75 บาท, MINT ปิด 24.30 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

หุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาแรงจาก Fund flow ที่ไหลเข้าหลังปัจจัยลบหลายตัวผ่อนคลายลงตอบรับความสำเร็จวัคซีน COVID-19 มีความหวังว่าจะเริ่มใช้วัคซีนเร็วๆนี้

บล.เอเซียพลัสชี้ว่า แม้กำไรตลาดยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่มี Fund Flow คอยช่วยพยุง แม้ภาพรวมเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องมากขึ้น แต่ภาพของกำไรบริษัทจดทะเบียนยังฟื้นตัวช้ากว่าที่คิด โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กหรือหุ้นนอก SET100

โดยกำไรสุทธิงวด 3Q63 ลดลงแรง โดยเฉพาะหุ้นนอก SET100 ภาพรวมกำไรสุทธิงวด 3Q63 อยู่ที่ 1.47 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% qoq, ลดลงถึง 31% yoy ขณะที่หุ้นนอก SET100 Underperform กว่ามาก คือ มีกำไรสุทธิเพียง 2.18 หมื่นล้านบาท ลดลงทั้ง 12.6% qoq และลดลงถึง 48.6% yoy

ขณะที่สัดส่วนกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 63 ของหุ้นนอก SET100 ลดลงเหลือ 15.8% เท่านั้นจากระดับปกติ 24.1% โดยประเด็น COVID–19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ โดยหุ้นขนาดเล็กยังไม่สามารถรับมือกับวิกฤติได้ดีเท่าหุ้นใหญ่ ส่งผลให้กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 63 ของหุ้นนอก SET100 ลดลงเหลือ 15.8% เท่านั้น จากระดับปกติ 24.1%

แนะกลยุทธ์การลงทุนเน้น Selective Buy โดยเจาะจงไปที่หุ้นขนาดใหญ่กำไรฟื้นตัวคาดว่าจะได้แรงหนุนจาก Fund Flowต่อเนื่อง อย่าง OSP, SCC, GULF, CPF, BAM, TISCO และ STGT รวมถึงหุ้นที่แนวโน้มการฟื้นตัวเด่นในปีหน้า PR9!!

อินเด็กซ์ 51