IRP โอ่ปีหน้ารายได้โตก้าวกระโดด หลังเปิดโรงงานใหม่-คำสั่งซื้อเพิ่ม ล่าสุดกู้ยืมเงินจากธนาคารไทย-ต่างประเทศ 31 ล้านเหรียญสหรัฐ หวังเพิ่มกำลังผลิตรับออเดอร์พุ่ง โบรกมองเป็นแค่แผนลงทุนตามปกติ ชี้จับตาราคาวัตถุดิบ-การแข่งขัน ฉุดมาร์จิ้นร่วงแนะนำซื้อเป้าหมาย 6.40 บาท

นายปราโมด นารายณ์ ดูเบย์ ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายการตลาดบมจ. อินโดรามาโพลีเมอร์ส หรือ IRP กล่าวกับ ข่าวหุ้นธุรกิจ ว่า ในช่วงปลายปี 2549 คาดว่าจะมีรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด หลังจากบริษัท สตาร์เพ็ท จำกัดหรือ SPT ซึ่งเป็นบริษัทในเครือในประเทศสหรัฐ เตรียมขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติก PET ช่วงปี 2549รวมถึงและการเปิดโรงงานแห่งใหม่ในประเทศลิธัวเนีย เนื่องจากปัจจุบันความต้องการเม็ดพลาสติกในตลาดโลกมีเพิ่มมากขึ้น

เรายังไม่รู้ว่ายอดขายจากโรงงานแห่งนี้ จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเท่าใด เพราะการกำหนดยอดขายจะต้องขึ้นอยู่กับภาวะของตลาดเม็ดพลาสติกและราคาวัตถุดิบในตลาดโลกด้วยว่าในช่วงนั้นเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่ารายได้น่าจะเพิ่มขึ้น เพราะความต้องการมีมากขึ้นนายปราโมดกล่าว

ทั้งนี้นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฎิบัติการ และเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IRP ผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการทำสัญญากู้ยืมเงินของบริษัท สตาร์เพ็ท จำกัดหรือ SPT ในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็น IRP ถือหุ้นทั้งหมด กับธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) และสถาบันการเงิน KFW ประเทศเยอรมนีจำนวน 31 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเงินกู้ของสถาบันการเงิน KFW ส่วนหนึ่ง จะมาในรูปของเงินกู้เพื่อการพาณิชย์ และส่วนหนึ่งจะได้รับการค้ำประกัน

สำหรับวัตถุประสงค์ของการเข้าทำสัญญากู้ยืมเงินครั้งนี้ เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการผลิต และเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต (Amorphous Polymers) จากเดิม80,000 ตันต่อปี เป็น 200,000 ตันต่อปีและเม็ดพลาสติก PET (PETPolymers) จากเดิม 116,000 ตันต่อปีเป็น 200,000 ตันต่อปี ซึ่งเงินกู้ระยะยาวได้ค้ำประกันโดยสินทรัพย์ถาวรของบริษัทสตาร์เพ็ท

โดยสัญญาการส่งมอบวัตถุดิบ อัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ดังกล่าว คือ อัตราลอยตัวยึดกับอัตราดอกเบี้ยของ LIBOR บวกด้วยส่วนต่างที่ตกลงกัน และการจ่ายชำระคืนเงินกู้จะเริ่มในปี 2550 ซึ่งจะครบกำหนดในช่วงระหว่างปี 2555-58 อย่างไรก็ตามการขยายกำลังการผลิตดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการในเดือนธันวาคมปี 2549 ทั้งนี้การที่ SPT มีนโยบายในการเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อที่จะรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ในอนาคต ซึ่งมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7-8% ต่อปีในตลาดสหรัฐอเมริกาและอเมริกาเหนือ

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวถึงแผนการลงทุนเพิ่มในบริษัทสตาร์เพ็ทในสหรัฐฯ ของ IRP ว่า เป็นไปตามแผนการลงทุนโดยปกติไม่มีนัยสำคัญอะไร ซึ่งหลังจากการลงทุนในบริษัทดังกล่าวแล้ว คาดว่าจะทำให้การเติบโตของ IRP เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเริ่มเดินเครื่องผลิตของโรงงานในประเทศลิธัวเนียคาดว่าจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

ต้องจับตาดูการเปิดโรงงานแห่งใหม่ในลิธัวเนียว่าจะเป็นไปตามแผนที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ รวมถึงปัจจัยเรื่องของราคาวัตถุดิบและการแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งจะมีผลทำให้มาร์จิ้นของบริษัทลดลงได้ แต่อย่างไรก็ตามเรายังแนะนำซื้อที่เป้าหมาย 6.40 บาท ซึ่งราคา ณ ปัจจุบันมีโอกาสปรับตัว(อัพไซด์) 36% นักวิเคราะห์ กล่าว

นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวทำนองเดียวกันว่า การที่ IRP กู้ยืมเงินจากธนาคารและสถาบันการเงินมาลงทุนในบริษัทลูกไม่มีนัยสำคัญ ดังนั้นยังคงคำแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 5.46 บาท

ที่มา:
ข่าวหุ้น

อยากทราบว่าถ้าจะเข้าวันนี้จะได้มั๊ยครับ