????????? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 103 | วันที่: 05/11/2005 @ 18:43:24 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต จับตาอนาคต แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ กำลังรอ แม่ทัพใหม่ หลังผู้บริหารชุดเก่าทยอยลาออก เหตุเดินหมากธุรกิจผิด..ยอดขายบ้านหรูสะดุด
แม้ว่าภาพลักษณ์ของ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังผู้บริหารออกมาแถลงข่าวความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน ซึ่งได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากสถาบันการเงิน 3 แห่ง รวมทั้งสิ้นกว่า 3,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันก็มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกองทุนต่างชาติ ทั้งจากยุโรป และสหรัฐอเมริกา และกลุ่มนิวเวิลด์ จากฮ่องกง รวมไปถึงกลุ่มสโลน โรบินสัน ฟันด์ ของ มร.จอร์จ โรบินสัน กลุ่มทุนจาก อังกฤษ
ไม่เพียงเท่านั้นแผ่นดินทอง ยังมีความแข็งแกร่งทางด้าน ที่ดิน ของบริษัท ซึ่งอยู่ในทำเลที่มีสถานนีรถไฟฟ้ารายล้อม
แต่ทว่า ทิศทางการทำรายได้ของบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขายบ้านระดับหรูราคาตั้งแต่ 50-100 ล้านบาท เข้าสู่ภาวะซบเซา เป็นปัญหาใหญ่ ที่แผ่นดินทองยังแก้ปัญหาไม่ตก
ปัญหานี้กลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ ทำให้ เลียแค็ท สุลต่าน แดนจี้ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท (CEO) ผู้เชี่ยวชาญการทำบ้านหรูต้องอำลาจากตำแหน่ง
ภายหลังไตรมาส 2 บริษัท ขาดทุนจำนวน 45.23 ล้านบาท และฉุดให้ผลงาน 6 เดือนที่ผ่านมา ขาดทุนถึง 47.63 ล้านบาท
นับเป็นมือบริหารระดับสูงอีกรายที่ลาออกตามหลัง วิษณุ สุชาติล้ำพงศ์ ที่ลาออกไปก่อนหน้าเพื่อไปนั่งที่บริษัทเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ (AP) ในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ
และ ธงชัย คุณากรปรมัตถ์ อดีตมือดี ที่เป็นผู้สร้างผลงานสะสมที่ดินให้กับบริษัท ออกไปถือหุ้น และร่วมนั่งบริหาร บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด
คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ตอบคำถาม ถึงเหตุผลการลาออกของ CEO ว่าไม่ทราบเหตุผล อาจจะเป็นการออกไปดำเนินงานของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของงานเลี้ยงที่ต้องมีวันเลิกรา เมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็ต้องจบ
ที่ผ่านมาคณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้ง นายคริส ดิลานีย์ เข้าดำรงตำแหน่ง กรรมการของบริษัท สำหรับตำแหน่งผู้บริหารที่ลาออกไปนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนสรรหา ใน 3 ตำแหน่ง คือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) , ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (ซีโอโอ) โดยตำแหน่ง ซีเอฟโอ นั้นจะเป็นคนไทย ที่มีประสบการณ์ด้านการเงิน และการทำอสังหาริมทรัพย์ในแนวสูง ขณะที่อีก 2 ตำแหน่งจะเป็นชาวต่างชาติ และมีประสบการณ์การทำงานในประเทศไทย
เรายังไม่สามารถบอกชื่อได้ตอนนี้ เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะตกลงกันได้หรือไม่ แต่ผู้บริหารใหม่ทั้งหมดจะเริ่มงานในเดือนมกราคม 2549 คุณหญิงศศิมา กล่าวและยืนยันว่า ยอดขายของบริษัทในปลายปีนี้จะตรงตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
โดยในปี 2548 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายจากบ้านเดี่ยว 4 โครงการประมาณ 3,500 ล้านบาท โดยมาจาก โครงการโกลเด้น เลเจ้นท์ ประมาณ 650 ล้านบาท โครงการโกลเด้นท์ นครา-บ้านศรีนคริทร์ ประมาณ 500 ล้านบาท โครงการย่านบางนา แกรนด์ โมนาโค ซึ่งเตรียมจะเปิดเฟสใหม่ภายใต้ชื่อ ?Princely Lakeside Residences? บ้านหรูริมทะเลสาบ จำนวน 22 ยูนิต ประมาณ 650 ล้านบาท และ โครงการ โกลเด้น เฮอริเทจ -บ้านปิ่นเกล้า ประมาณกว่า 800 ล้านบาท
แต่ในส่วนยอดรับรู้รายได้นั้น จะรับรู้จากบ้านเดี่ยวประมาณ 2,300-2,600 ล้านบาท และรับรู้รายได้จากการให้เช่าอาคารชุดพักอาศัยประมาณ 20% หรือประมาณ 400 ล้านบาท ส่วนรายได้จาก คอนโด ดิ อินฟินีตี้ (The Infinity) ซึ่งขายหมดไปแล้วรับรู้ได้ 30% หรือ 600 ล้านบาท และจะรับรู้ทั้งหมดก็ต่อเมื่อสร้างเสร็จ และโอน
คุณหญิงศศิมา เปิดเผยว่า ในส่วนกำไรที่ลดลงมามากนั้น ยังไม่พร้อมที่จะคุย แต่อาจจะเป็นผลมาจากที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดโครงการอย่างมาก และก็ยังพอมีเหลือรอการขายใน 4 โครงการ มากกว่า 50% มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท
ซึ่งจะขายหมดเมื่อไหร่นั้นยังไม่สามารถที่จะตอบได้ แต่เชื่อว่าในปีหน้าจะสามารถขายบ้านเดียวได้อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยยืนยันว่าฝ่ายมาร์เก็ตติ้ง ก็ยังคงทำงานกันอย่างหนัก
นักวิเคราะห์มองว่า ปัญหาของแผ่นดินทอง คือ การที่บริษัทสร้างบ้านในราคาที่สูงมาก และบ้านระดับนี้ซบเซาลงอย่างมาก ทำให้บริษัทมียอดขายที่ลดลง
สอดคล้องที่แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท ยอมรับว่า ปัญหาขณะนี้คือสร้างบ้านหรู จับตลาดบนมากเกินไป ซึ่งส่วนตัวมองว่า ตลาดระดับบนในปัจจุบันไม่ได้ใหญ่เพียงพอ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะแตกเซ็กเม้นท์สร้างบ้านราคาต่ำลงมาหน่อย
แต่ทั้งนี้การดำเนินงานต่างๆ จะต้องขึ้นอยู่กับผู้บริหารชุดใหม่ ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่จะเข้ามา
ถ้าวัดถึงความแข็งแกร่งทางด้านที่ดิน และด้านการเงิน คุณหญิงศศิมา ย้ำว่าขณะนี้บริษัทมีความพร้อม โดยเฉพาะด้าน แลนด์แบงก์ (ที่ดินเปล่า) ที่มีจำนวนมาก สามารถพัฒนาโครงการได้ถึง 20,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้รับการสนับสนุนวงเงินกู้ จาก ธนาคารไทยพาณิชย์ ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท เป็นวงเงินสำหรับการออกหุ้นกู้ และอีก 660 ล้านบาท เป็นวงเงินสนับสนุนโครงการ ดิ อินฟินีตี้ ซึ่งปัจจุบันขายหมดแล้ว และได้รับชำระเงินดาวน์ 30% รวมทั้งสิ้นกว่า 600 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมี ธนาคารนครหลวงไทย ที่ให้วงเงินกู้แก่บริษัท 904 ล้านบาท เพื่อดำเนิน โครงการโกลเด้นนครา พระรามเก้า ซึ่งปัจจุบันมียอดขายกว่า 1,470 ล้านบาท โดย 350 ล้านบาท จะเป็นเงินทุนหมุนเวียน และอีก 554 ล้านบาทจะเป็นวงเงินสนับสนุนโครงการ ส่วน ธนาคารธนชาต ได้รับวงเงินกู้ 500 ล้านบาท เพื่อดำเนิน โครงการโกลเด้น เลเจ้นท์ บ้านสาทร ทั้งนี้จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 350 ล้านบาท และใช้เป็นวงเงิน สนับสนุนโครงการอีก 150 ล้านบาท
?ส่วนเงินกู้ 1,000 ล้านบาทของธนาคารไทยพาณิชย์ หากตลาดบอนด์เปิดเมื่อไรเราก็จะเปลี่ยนมาออกหุ้นกู้ เพราะต้นทุนดอกเบี้ยถูกกว่า และหุ้นกู้ที่ออกจะมีหลักทรัพย์ค้ำประกันมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท เราก็ได้รับเกรด BBB เพียงแต่ว่าตอนนี้คนไม่ค่อยสนใจหุ้นกู้เท่าไร? คุณหญิงศศิมา กล่าว
ประมาณการยอดขาย โครงการบ้านเดียวของบริษัท ณ สิ้นปี 2548
โครงการ มูลค่า
โกลเด้น เลเจ้นท์ 650 ล้านบาท
โกลเด้นท์ นครา-บ้านศรีนคริทร์ 500 ล้านบาท
แกรนด์ โมนาโค ย่านบางนา 650 ล้านบาท
โกลเด้น เฮอริเทจ -บ้านปิ่นเกล้า 800 ล้านบาท
ข้อมูลสถานะทางการเงินของ GOLD
ณ วันที่ 2005 2004
30/6/2548 31/12/2547
สินทรัพย์รวม 14,239.60 14,006.15
หนี้สินรวม 8,248.86 7,935.67
ส่วนของผู้ถือหุ้น 5,930.80 5,978.44
รายได้รวม 1,029.92 4,135.05
กำไรสุทธิ -47.64 353.04
กำไรต่อหุ้น(บาท) -0.08 0.56
ROA(%)* 3.89 6.12
ROE(%)* 2.71 6.09
อัตรากำไรสุทธิ(%) -4.63 8.54 [/color:96913dd840">
|