ภัทรน้ำตาตกใน กฟผ.อึมครึม ศาลเลื่อนพิจารณาการเข้าตลาดเป็น 15 พ.ย.หวั่นเข้าไม่ทันปีนี้ ฉุดรายได้ไตรมาส 4 หายกว่า 100 ล้านบาท โบรกฯลดเป้ารายได้เหลือแค่ 500 ล้านบาท ดัชนีตลาดจะปรับไกลแค่ 700 จุด จากที่คาดไว้ 730 จุดบล.ไทยพาณิชย์แย่ไม่แพ้กัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(10 พ.ย.)หุ้น PHATRA ราคารูดลง 1.65 % ปริมาณซื้อขายหนาแน่นมาก โดยเปิดตลาดที่ 44.75 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 46.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 44.50 บาท เมื่อเวลา เมื่อเวลา 15.54 น.ราคาหุ้นดังกล่าวเคลื่อนไหวอยู่ที่ 44.25 บาท ปรับลดลง 1.25 บาท ทั้งนี้เนื่องจากการรับรู้ข่าวที่ศาลปกครองได้เลื่อนการพิจารณาคำร้องขอให้ระงับการขายหุ้น กฟผ.ไปเป็นวันที่ 15 พฤศจิกายน
เนื่องจากศาลต้องใช้เวลาในการสืบหาข้อมูลให้ครบถ้วนเสียก่อน เพื่อประกอบการพิจารณา โดยศาลจะเรียกนายวิเศษ จูภิบาล รมว.พลังงานเข้ามาชี้แจงข้อมูล ในวันที่14 พฤศจิกายน 2548 เวลา 10.00 น.
นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ภัทร หรือPHATRA เปิดเผยว่า หากมีการเลื่อนเทรดหุ้น กฟผ.จากกำหนดเดิมที่จะมีการจองในวันที่ 16พฤศจิกายน ปีนี้ไปเป็นต้นปีหน้าแทน ก็จะทำให้รายได้ไตรมาส 4 หายไปประมาณ 100กว่าล้านบาท และจะไปรับรู้รายได้ส่วนนี้ในไตรมาสแรกปีหน้าแทน
นายสุวิทย์ กล่าวว่าไม่มีความเห็นต่อการเลื่อนพิจารณาของศาล และไม่ได้คาดการณ์ว่าหุ้นกฟผ.จะเข้าตลาดได้เมื่อไรแน่ เพียงแต่กล่าวยืนยันในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินว่า ทุกอย่างดำเนินไปอย่างถูกต้อง เป็นทำหน้าที่ตามปรกติ ส่วนหุ้นไทยเบฟเวอเรจนั้นนายสุวิทย์ กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เท่านั้น
ส่วนรายได้ไตรมาส 4 ปีนี้ จะเป็นเท่าไรนั้น นายสุวิทย์ ไม่ได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากต้องรอดูมูลค่าและปริมาณซื้อขายในตลาดฯ
ด้านนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า หากรายได้ในไตรมาส 4 ของบล.ภัทรหายไปเนื่องจากกฟผ.เลื่อนเทรด ก็จะทำให้ PHATRA มีรายได้เหลืออยู่ประมาณ 500 ล้านบาท จากเดิมที่เคยทำประมาณการณ์ไว้โดยคิดรวมกฟผ.แล้วประมาณ 600-700 ล้านบาท
นักวิเคราะห์กล่าวเสิรมว่า ถ้ากฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ในช่วงเวลาที่กำหนดไว้เดิม คือ ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่จะให้จอง และเข้าเทรดในตลาดฯในช่วงปลายเดือน ก็จะไม่ส่งผลดีต่อหุ้น PHATRA ซึ่งเห็นได้ชัดในเรื่องของราคาที่ปรับตัวลดลงวานนี้ อีกทั้งจะส่งผลต่อสภาวะวิสัยของตลาดหุ้นไทย
ด้านนายอดิพงศ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า หากหุ้น กฟผ.เข้าเข้าตลาดไม่ได้ในปีนี้ จะทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่เกิน 700 จุด โดยมีค่า P/E 9 เท่า แต่ถ้าเข้าตลาดได้ในปีนี้ก็น่าจะทำให้ดัชนีตลาดฯเพิ่มขึ้นถึง 730 จุด และมี P/E ที่เพิ่มขึ้นเป็น 9.6 เท่า
อย่างไรก็ตาม การที่หุ้น กฟผ.จะเข้าตลาดฯได้หรือไม่ อยู่ที่ว่าศาลจะใช้วิธีการไตร่สวนแบบไหน ถ้าหากใช้วิธีไตร่สวนแบบฉุกเฉิน ก็อาจจะทำให้เข้าตลาดฯไม่ได้ในปีนี้แต่ถ้าหากใช้วิธีการไตร่สวนแบบปรกติก็น่าจะเข้าได้ในปีนี้
นักวิเคราะห์ บล.หลักทรัพย์แห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า เนื่องจาก บล.ไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ กฟผ.ด้วยเช่นกัน ถ้าหากหุ้นดังกล่าวเข้าตลาดฯไม่ได้ในปลายปีนี้ ก็จะทำให้รายได้ของบริษัทในไตรมาส 4 หายไปไม่ต่ำกว่า 100 กว่าล้านบาท หรือมากกว่าที่หายไปจาก บล.ภัทร เพียงเล็กน้อย