May 5, 2024   7:16:55 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นค้าปลีกขานรับ"ไฮซีซั่น" HMPRO-ROBINSโดดเด่น
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 14/02/2006 @ 07:06:19
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ช่วงไตรมาส 4 ถือเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจค้าปลีก เพราะตรงกับช่วงเทศกาลจำนวนมาก อาทิ วันคริสต์มาส วันส่งท้ายปีเก่าขึ้นปีใหม่ จึงเชื่อว่าหุ้นกลุ่มพาณิชย์จะมียอดขายดี[/color:4684f8e1b2">

บมจ.โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ หรือ HMPRO จัดเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตสูง เพราะเป็นผู้นำตลาดขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่มีสินค้าหลากหลาย แต่ภาวะการแข่งขันธุรกิจยังไม่สูงทำให้ยอดขายของสาขาเดิมยังโตต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีโอกาสขยายสาขาใหม่ เพื่อจับตลาดที่ยังมีช่องว่างผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี รายได้ HMPRO จะผันผวนมากกว่า บมจ.บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ หรือBIGC และบมจ.สยามแม็คโคร หรือ MAKRO เนื่องจาก HMPRO ขายสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ทำให้ยอดขายส่วนใหญ่อิงกับอัตราเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน คาดว่า HMPRO จะเป็นบริษัทที่มีกำไรสุทธิในปี48 อยู่ที่ 487.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน ถือว่าโตสูงสุดในกลุ่มพาณิชย์
โดยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/48 อยู่ที่ 141.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 9.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเปิดสาขาใหม่ที่บางนาเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และจากงานโฮมโปร เอ็กซ์โป ครั้งที่ 2 ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 48
เช่นเดียวกับบมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน หรือ ROBINS ที่จัดเป็นหุ้นมีแนวโน้มเติบโตสูง เพราะ ROBINS เป็นห้างสรรพสินค้าที่แม้จะขายสินค้าฟุ่มเฟือย แต่ใช้กลยุทธ์จับตลาดลูกค้ารายได้ปานกลาง ทำให้สามารถขายสินค้าราคาถูกได้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน คาดว่า ROBINS จะมีกำไรสุทธิในปี 48 โตสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจาก HMPRO ที่ 846.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน
โดยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/48 อยู่ที่ 255.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 42.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการเปิดสาขาใหม่ที่รัตนาธิเบศร์เมื่อเดือนมิถุนายน 48 และจากการปรับปรุงภาพลักษณ์ ตลอดจนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่อง
ขณะที่บมจ.ซี.พี.เซเว่น อีเลฟเว่น หรือ CP7-11 ก็จัดเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตสูงเช่นกัน เพราะเป็นผู้นำตลาดร้านสะดวกซื้อที่มีสินค้าหลากหลาย รวมทั้งจำนวนสาขาที่มีอยู่ก็ครอบคลุมทุกพื้นที่และสาขาใหม่ก็กำลังเปิดให้บริการต่อเนื่อง ทำให้แบรนด์ 7-11 ติดอยู่ในใจลูกค้าจำนวนมาก
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน คาดว่า CP7-11 จะมีกำไรสุทธิในปี 48 อยู่ที่1,623.14 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
โดยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/48 อยู่ที่ 393.19 ล้านบาท ลดลง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่คาดว่ายอดขายจะลดลงเล็กน้อย 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากภาวะการแข่งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะโลตัสที่เซียงไฮ้ ประเทศจีนคาดว่าจะยังไม่คุ้มทุนต่อเนื่อง
ขณะที่ BIGC และ MAKRO แม้จะไม่จัดเป็นหุ้นที่มีการเติบโตโดดเด่นเช่น HMPROROBINS และ CP7-11 แต่ก็เชื่อว่าจะทำกำไรเติบโตดีไม่แพ้กัน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน คาดว่า BIGC จะมีกำไรสุทธิในปี 48 โตสูงสุดเป็นอันดับ 3 รองจาก HMPRO และ ROBINS ที่ 1,894.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%เมื่อเทียบกับปีก่อน
โดยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/48 อยู่ที่ 556.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 58.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการเปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง คือ ที่เอกมัยและสกลนครเมื่อเดือนพฤศจิกายน 48 และจากสาขาเดิมเติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คาดว่า MAKRO จะมีกำไรสุทธิในปี 48 อยู่ที่ 1,623.14 ล้านบาท ลดลง 4%เมื่อเทียบกับปีก่อนโดยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/48 อยู่ที่ 308.4 ล้านบาท ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:4684f8e1b2">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com