เจ้าหนี้ทีพีไอแบไต๋ พร้อมขายคืนหนี้ราคาส่วนลด 30% ด้าน SCIB ยอมรับข้อเสนอขายคืนทันที 2,300 ล้านบาท ขณะที่บางส่วนยังยื้อให้ส่วนลดไม่เกิน 10% ผู้บริหารแผนย้ำเงินสดในมือกว่า 14,000 ล้านบาท ยันเดินหน้าไม่ถอย

นางสาวอังคณา สวัสดิ์พูน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน)หรือ SCIB เปิดเผยว่าหากบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด(มหาชน)หรือ TPI ยื่นข้อเสนอขอซื้อหนี้คืน SCIB ยินดีขายคืนเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะทำให้ยอดสินเชื่อลดลงบ้างคงไม่มีปัญหาอะไรโดยทีพีไอมียอดหนี้ค้างชำระกับ SCIB ประมาณ 2,300 ล้านบาท

นอกจากนี้หากทีพีไอต้องการจะกู้เงินแบงก์ เพื่อนำมารีไฟแนนซ์หนี้ก้อนเดิมธนาคารก็ยินดี แต่ขึ้นอยู่กับว่าทีพีไอจะต้องการสินเชื่อต่อหรือไม่ อย่างไรก็ตามการขอสินเชื่อทีพีไอจะใช้เครดิตบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)หรือ PTT ทำให้ได้ดอกเบี้ยในอัตราที่ถูกลง

ถึงแม้ว่าเราอยากได้เขาเป็นลูกค้าต่อไป แต่หากเขาต้องการว่าต้องการซื้อหนี้คืนเราคงไม่ขัดข้องยินดีอยู่แล้วนางสาวอังคณากล่าว

แหล่งข่าวจากบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับข่าวหุ้นธุรกิจว่า หากบริษัทต้องเสียค่าดำเนินการในระดับสูง และทางเจ้าหนี้ไม่ลดหนี้ให้ TPI ก็จะไม่ชำระหนี้คืนก่อนกำหนด ล่าสุดอยู่ระหว่างติดต่อและตรวจสอบรายละเอียดในการขอชำระหนี้

หากพิจารณารายละเอียดแล้วเห็นว่าการใช้หนี้คืนก่อนกำหนดไม่คุ้ม บริษัทก็จะนำเงินไปลงทุนในด้านอื่นที่ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เพราะหากทำไปแล้วไม่ได้อะไรกลับคืนมาก็คงไม่ดำเนินการแหล่งข่าว กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเจ้าหนี้ทีพีไอหลายราย เริ่มยอมรับเงื่อนไขการซื้อหนี้คืนบ้างแล้ว โดยเฉพาะเจ้าหนี้ต่างประเทศ ที่ต้องการรับชำระหนี้ที่เหลือให้เร็วที่สุดและยินดีขายหนี้คืนในส่วนลดถึง 30% อย่างไรก็ตามเจ้าหนี้ในประเทศบางส่วน ยังติดเงื่อนไขส่วนลด เพราะต้องการขายหนี้คืนเต็มจำนวนหรือหากมีส่วนลดก็ไม่เกิน 10% ประเด็นดังกล่าวผู้บริหารแผน และตัวแทนจากพันธมิตรใหม่กำลังหารือเรื่องดังกล่าว โดยทีพีไอมีแผนซื้อคืนหนี้ประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ

ผู้บริหารทีพีไอ ระบุว่าปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดในมือประมาณ 12,000-14,000 ล้านบาท หรือประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐเบื้องต้นคาดว่าจะนำเงินไปชำระหนี้บางส่วนจากที่มีหนี้ทั้งหมด 950 ล้านเหรียญสหรัฐแบ่งเป็นสกุลเงินดอลลาร์ 50%อัตราดอกเบี้ยไลบอร์+1 และสกุลเงินบาทดอเบี้ย MLR 50% ซึ่งมีกรอบเวลาที่ต้องชำระภายใน 5-6 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้แผนฟื้นฟูกิจการ ระบุว่า ช่วงเดือนมี.ค.49 บริษัทต้องชำระหนี้ล่วงหน้าก่อนกำหนด 75% ของกระแสเงินสดดังนั้นช่วงดังกล่าวคณะผู้บริหารแผนฯจะหารือกับพันธมิตรใหม่ถึงการชำระหนี้ก้อนดังกล่าวว่า จะจ่ายตามสูตร คือจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือนโดยจะจ่ายดอกเบี้ยประมาณเดือนละ 5 ล้านเหรียญต่อเดือน หรือประมาณ 200 ล้านบาทต่อเดือนหรือจ่ายเร็วกว่ากำหนด เบื้องต้นไม่สามารถสรุปได้ว่าจะแฮร์คัตหนี้กับเจ้าหนี้หรือไม่

สำหรับผลประกอบการปี48 บริษัทมั่นใจว่าจะมีกำไรสุทธิตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 61,000 ล้านบาท โดยจะมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานประมาณ 7,000 ล้านบาทส่วนที่เหลือเป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ กำไรจากการขายหุ้น TPI ส่วนของเจ้าหนี้ กำไรจากการขายหุ้น TPIPL ได้เกินกว่าราคาต้นทุนและกำไรจากการ ที่ไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุน TPIPL เพราะบริษัทไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ TPIPL แล้ว

สาเหตุบริษัทมีกำไรจากผลการดำเนินงานลดลงจากปีก่อน ที่มีกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 11,000 ล้านบาทเนื่องจากปี 48 มีมาร์จิ้นลดลง รวมถึงมีต้นทุนสูงขึ้นอย่างไรก็ดีการพิจารณาจ่ายเงินปันประจำปี 48 ต้องอยู่ที่มติประชุมผู้ถือหุ้นหลังออกจากแผน

ที่มา:
ข่าวหุ้น