ศาลปกครองสูงสุดเลื่อนพิจารณา กรณีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยื่นเรื่องขอให้ระงับการกระจายหุ้นกฟผ.เผยสาเหตุเพราะต้องขอเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติการทำงานของนายพรชัย นุชสุวรรณ นัดชี้ชะตา อีกครั้ง 23 มี.ค.นี้ ด้านมูลนิธิยังมั่นใจชนะแน่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น.วานนี้( 20 มี.ค.) คณะผู้พิพากษาศาลปกครองสูงสุดได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคดีเป็นครั้งแรกในคดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับพวกรวม 11คน ฟ้องนายกรัฐมนตรีกับพวกรวม 5 คน เกี่ยวกับการดำเนินการออกพระราชกฤษฎีกา 2ฉบับคือ พ.ร.ฎ.กำหนดอำนาจสิทธิและประโยชน์ของ บริษัท กฟผ.จำกัด(มหาชน) พ.ศ.2548และ พ.ร.ฎ.กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ.2548 ซึ่งเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจะมีผลต่อการเข้าตลาดของบริษัทกฟผ.จำกัด(มหาชน) จึงได้ฟ้องต่อศาลให้เพิกถอน

ฝ่ายผู้ฟ้องคดีได้แถลงต่อศาลฯ ด้วยวาจา โดยมีนายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ได้รับมอบอำนาจ โดยชี้ให้ศาลฯ เห็นว่าการตรา พ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากขัดกับรัฐธรรมนูญ และทำให้เอกชนมีโอกาสในกิจการไฟฟ้าซึ่งเป็นบริการสาธารณะ มีความสำคัญต่อประชาชนทั้งประเทศ จึงไม่ควรแปลงสภาพเป็นบริษัทแล้วเปิดโอกาสให้นายทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาถือครองกิจการ ส่วนฝ่ายผู้ถูกฟ้องไม่ได้อ่านคำแถลงปิดคดีเพียงแต่กล่าวสั้นๆ ว่าพ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับ ได้ผ่านการลงพระปรมาภิไธยแล้ว
หลังจากที่ศาลฯ รับฟังข้อมูลเพิ่มเติมจากทั้ง 2 ฝ่าย แล้วได้กำหนดวันพิพากษาเป็นวันที่ 23 มีนาคมนี้ เวลา 14.00 น. เนื่องจากศาลฯ ต้องการให้ผู้ถูกฟ้องคดีส่งเอกสารเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่เคยแต่งตั้งนายพรชัย นุชสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ โดยให้ส่งเอกสารภายในวันที่ 21 มีนาคม 2549 นี้

นางสาวสายรุ้ง ทองปลอน ผู้จัดการสหพันธ์องค์กรคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า ศาลปกครองได้ตั้งข้อสังเกตการเข้ามาทำงานในตำแหน่งคณะกรรมการที่เกี่ยวกับการแปรรูป กฟผ.ของนายพรชัย นุชสุวรรณ ว่าเข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะมีตำแหน่งทางการเมืองเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้ให้ฝ่ายผู้ถูกฟ้องส่งเอกสารการเข้ามาทำงานในทางการเมือง และเป็นคณะกรรมการที่เกี่ยวกับการแปรรูปกฟผ.ของนายพรชัยภายในวันที่ 21 มีนาคม ก่อนที่จะนัดฟังคำพิจารณาคดีในวันที่ 23 มีนาคม

ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ฟ้องได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองถึงการเข้ามาทำงานของนายโอฬาร ไชยประวัติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบมจ.กฟผ.ซึ่งมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) และนายปริญญา นุตาลัยประธานคณะกรรมการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการแปลงสภาพ กฟผ.ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าเข้าข่ายขัดต่อลักษณะต้องห้ามตามกฏหมาย เพียง 2 คนเท่านั้น ส่วนนายพรชัยนี้ศาลฯได้ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมเอง ซึ่งเข้าข่ายขัดต่อลักษณะต้องห้ามจริง ที่ผ่านมาการดำเนินการต่างๆที่เกี่ยวกับ 3 คนนี้ก็ถือเป็นโมฆะ ซึ่งก็จะส่งผลให้กระบวนการแปรรูปกฟผ.เป็นโมฆะไปด้วย

นายวิเศษ จูภิบาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า นายพรชัยได้เข้ามาเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการทุนรัฐวิสาหกิจที่มีดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งปกติแล้ว ผู้ที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ไม่ถือว่าเป็นนักการเมือง และไม่ได้มีอำนาจทางการเมืองแต่อย่างใด ยังคงเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่างๆได้
ในกรณีนี้นายพรชัย ก็ไม่น่าจะถือว่าเป็นนักการเมือง อย่างไรก็ตาม ต้องรอคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันที่ 23 มีนาคมนี้ว่าจะ ตัดสินให้กฟผ.กระจายหุ้นได้หรือไม่ ซึ่งหากเห็นชอบให้ กฟผ.กระจายหุ้นได้เรื่องนี้ก็คงจะต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาสานต่อเพราะรัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นเพีนงรัฐบาลรักษาการเท่านั้นและเรื่องนี้เป็นเรื่องนโยบายที่ต้องรอการตัดสินใจจากฝ่ายการเมืองด้วย