????
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238 |  วันที่: 24/03/2006 @ 18:17:28 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้สั่งการให้ บมจ.อีสเทิร์นไวร์ (EWC) และ บมจ.สยาม
เจเนอรัลแฟคตอริ่ง(SGF) เปิดเผยข้อมูลการให้กู้ยืมระหว่างกัน ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2549 หลังพบว่า SGF นำเงินไปให้กู้ต่อแก่ลูกหนี้รายเดียวกับที่ EWC เคยให้กู้ยืมโดยตรงในอดีต ประกอบกับการชี้แจงของทั้งวองบริษัทที่ผ่านมายังมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนว่าความเสี่ยงของการกู้ยืมอยู่ที่ EWC หรือ SGF
ก.ล.ต. ได้ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม และเมื่อรวมกับข้อมูลที่เปิดเผยอยู่แล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 15 และ 16 ธ.ค. 2548 EWC ได้ให้ SGF กู้ยืมเงินในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวนรวม 500 ล้านบาท โดยเมื่อครบกำหนด SGF จะชำระคืนเป็นเงินสดหรือโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้ใด ๆ ของ SGF ให้แก่ EWC ก็ได้
การให้กู้ยืมของ EWC แก่ SGF เป็นการอนุมัติโดยกรรมการ 2 ราย และที่ประชุมคณะกรรมการ EWC รับทราบรายการดังกล่าวเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2548 โดยประธานคณะกรรมการตรวจสอบไม่เห็นด้วยกับการให้กู้ยืมเนื่องจากมีความเสี่ยงสูง และให้ EWC หาวิธีการลดความเสี่ยง แต่ EWC ยังคงทำรายการให้กู้ยืมแก่ SGF ต่อไปอีกในวันที่ 16 ธ.ค.2548
และต่อมาเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2548 ที่ประชุมคณะกรรมการ EWC มีมติให้ EWC ดำเนินการให้ธนาคารพาณิชย์ค้ำประกันตั๋วสัญญาใช้เงินของ SGF แต่ SGF และ EWC เห็นร่วมกันว่าไม่สามารถดำเนินการได้
ประกอบกับ ผู้สอบบัญชีของ EWC แสดงความเห็นว่า เงื่อนไขการชำระหนี้ข้างต้นทำให้ EWC มีความเสี่ยงในการได้รับเงินคืน เนื่องจากไม่สามารถควบคุมคุณภาพของลูกหนี้ที่ต้องรับโอนได้
หลังจากที่ SGF ได้เงินกู้จาก EWC แล้ว ในวันที่ 16, 20 และ 21 ธ.ค.2548 SGF ได้ให้กู้แก่ลูกหนี้จำนวนหนึ่ง โดยมูลค่ารวมที่ให้กู้เท่ากับจำนวนเงินที่กู้มาจาก EWC และลูกหนี้ดังกล่าวบางรายเป็นรายเดียวกับลูกหนี้ที่ EWC เคยให้กู้ยืมเงินหรือเคยมีเงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้าให้โดยไม่ได้รับสินค้า ในช่วงไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 3 ของปี 2548
ดังนั้น การให้กู้แก่ลูกหนี้ข้างต้นของ SGF แตกต่างจากลูกหนี้รายอื่น กล่าวคือลูกหนี้ส่วนใหญ่ของ SGF กู้ยืมเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท และเป็นลักษณะแฟคตอริ่ง ในขณะที่ SGF ให้กู้ยืมแก่ลูกหนี้ข้างต้นเป็นจำนวนเงินที่สูงเมื่อเทียบกับฐานะการเงิน โดยมีเพียงบุคคลค้ำประกัน
จากข้อเท็จจริงข้างต้น ก.ล.ต.จึงเห็นว่า ข้อมูลยังมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนว่า ความเสี่ยงในการกู้ยืมระหว่างกันอยู่ที่ EWC หรือ SGF เอกสารเผยแพร่ของ ก.ล.ต.ระบุ
เนื่องจาก EWC อาจต้องรับความเสี่ยงถ้าไม่สามารถเลือกลูกหนี้ที่ต้องรับโอนได้ ในขณะที่ SGF มีความเสี่ยงจากการนำเงินกู้จาก EWC ไปให้กู้แก่ลูกหนี้จำนวนหนึ่งที่มีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ การที่ EWC ให้กู้ยืมแก่ SGF ในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวมของ EWC (29% ของสินทรัพย์รวม) ทั้งที่ธุรกิจปกติของ EWC มิใช่สถาบันการเงิน จึงเป็นเรื่องผิดปกติที่ EWC มีสินทรัพย์หลักเป็นเงินให้สินเชื่อ
|
