May 6, 2024   7:32:03 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > มาร์เก็ตแค็ปหาย 1.3 ล้านล้านบาท หากถอนหุ้นแปรรูปออก
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 24/03/2006 @ 23:01:57
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ประเมินหากมีการถอน บจ.ที่แปรรูปออกจากตลาดหุ้นแค่ 7 แห่ง KTB-EGCOMP-PTT-PTTEP-MCOT-AOT-THAI ทำมาร์เก็ตแค็ปหายไปถึง 1.36 ล้านล้านบาท ทนงลั่น ถ้าเป็นจริงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตแน่ อาจถึงขั้นเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่วนวงการหุ้นชี้ส่งผลทางจิตวิทยาการการลงทุนและอาจต้องรื้อแผนแม่บทฉบับที่ 2 ใหม่ ในประเด็นเพิ่มมูลค่าตลาด ด้านผู้บริหาร บจ.เชื่อจะไม่มีการถอนหุ้นรัฐวิสาหกิจที่แปรรูปแล้วออกจากตลาดฯ [/color:209ba24b08">

-รมว.คลังระบุถ้าเพิกถอนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่มีการแปรรูปไปแล้ว กระทบศก.แน่และอาจก่อให้เกิดวิกฤติอีกรอบ
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาเพิกถอนพระราชกฤษฎีกาการแปรรูปบริษัท กฟผ. จำกัด มหาชน ทำให้มีกลุ่มคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจบางกลุ่มเรียกร้องให้เพิกถอนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอื่นๆที่มีการแปรรูปไปก่อนหน้านี้ด้วย อาทิ บมจ.ปตท.(PTT) ว่าการกระทำดังกล่าวจะมีผลกระทบมหาศาล ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจที่ สำคัญตลาดทุนจะล้มประเทศชาติก็จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ในอนาคต เพราะรัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการดูแลรัฐวิสาหกิจต่างๆ และทำให้ประเทศชาติมีหนี้สินเพิ่มขึ้นด้วย
ถ้าเอาบริษัท 7 แห่งออกจากตลาดก็จะทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ เพราะจะทำให้รัฐบาลมีภาระเพิ่มขึ้น การลงทุนทรุดตัวลง เศรษฐกิจก็จะกลับไปเป็นเหมือนช่วงก่อนเกิดวิกฤติ ซึ่งถ้าเกิดอะไรขึ้นผมจะไม่กลับมานั่ง รมว.คลังอีกแล้วนายทนง กล่าว

-ชี้แผนทวงคืนรัฐวิสาหกิจที่แปรรูปแล้ว กระทบจิตวิทยาการลงทุน
นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทีเอสอีซี เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องว่าจะทวงถามและติดตามให้ทางการพิจารณาเกี่ยวกับรัฐวิสาหกิจที่แปรรูปในตลาดหลักทรัพย์แล้ว เช่น บมจ.ปตท.(PTT), บมจ.อสมท.(MCOT), บมจ.การบินไทย(THAI), บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) เป็นต้น มองว่าถ้าหากกลุ่มผู้เรียกร้องสิทธิดำเนินการในลักษณะเดียวกับ กฟผ. คาดว่าคงจะส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมทั้งส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน นอกจากนี้ สำหรับแผนพัฒนาตลาดทุนก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ด้านนางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน เปิดเผยถึงกรณีเดียวกันว่า ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยก็ยังคงมีอยู่ เนื่องจากบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี รวมทั้งยังมี P/E ที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน
ถ้าหากผู้ชุมนุมเรียกร้องที่จะให้ทางการตรวจสอบเกี่ยวกับรัฐวิสาหกิจตัวอื่นๆ ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ก็มองว่าคงจะไม่มีผลกระทบอะไร เพราะตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจอยู่ เพราะ P/E ถูก รวมทั้งเมื่อวานที่ผ่านมาภาวะตลาดก็ไม่สะท้อนข่าวที่ศาลปกครองระงับการกระจายหุ้น กฟผ.เลย ซึ่งประเด็นหลัก ๆ ที่นักลงทุนให้ความสนใจก็ยังคงเป็นประเด็นทางการเมือง นางวิริยา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อแผนพัฒนาตลาดทุนมองว่าคงจะมีการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

-2 บิ๊ก บจ.เชื่อจะไม่มีการถอนหุ้นรัฐวิสาหกิจที่แปรรูปแล้วออกจากตลาดฯ
นายสมชาย คุลีเมฆิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด(มหาชน) หรือ GC เปิดเผยถึงกรณีที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ไม่สามารถเข้าจดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เนื่องจากศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้เพิกถอน พ.ร.ฎ.เกี่ยวกับการแปรรูป กฟผ.ทั้ง 2 ฉบับ เพราะศาลฯเห็นว่าการดำเนินการในสาระสำคัญไม่ชอบด้วยกฎหมายว่ากรณีดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อความน่าสนใจเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยบางส่วน อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายก็ได้คาดการณ์ไว้แล้วว่า กฟผ.จะไม่สามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้
ทั้งนี้การที่ บมจ.กฟผ. หรือ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ผู้ผลิตเครื่องดื่มเบียร์ช้างไม่ได้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดส่งผลให้มาร์เก็ตแค็ปประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่น้อย เมื่อเทียบกับหลายประเทศซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นของไทยมีความน่าสนใจเข้าลงทุนน้อยลง
อย่างไรก็ตาม มองว่าคงไม่มีการนำรัฐวิสาหกิจที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วออกตรวจสอบเช่นเดียวกับ กฟผ. เนื่องจากมีเงื่อนไขหลายอย่างที่แตกต่างกัน โดย กฟผ.ติดขัดกรณีคุณสมบัติกรรมการ แต่บริษัทอื่นอย่าง บมจ.ปตท.(PTT)ไม่ได้มีข้อติดขัดในเรื่องดังกล่าวแต่สำหรับรัฐวิสาหกิจที่เตรียมที่จะเข้าจดทะเบียนอย่าง บมจ.ทีโอที อาจจะมีผลกระทบจากการตรวจสอบขององค์กรต่างๆ ซึ่งอาจจะมีการตรวจสอบที่ละเอียดมากขึ้น
ด้านนายธีระ พุ่มเสนาะ กรรมการ บริษัท ซี.ไอ.กรุ๊ป จำกัด (CIG)เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อความน่าสนใจเข้าลงทุนของนักลงทุนบ้างส่วนอย่างไรก็ตามคงต้องมีการพิจารณานำบริษัทรายอื่นๆเข้ามาจดทะเบียนในตลาดแทนเพราะยังมีบริษัทเอกชนอีกหลายบริษัทที่ยังไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
พร้อมกันนี้คาดว่าคงไม่มีการนำรัฐวิสาหกิจที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วมาทำการตรวจสอบในกรณีดังกล่าวเพราะจะเป็นการตรวจสอบในเชิงลึกเกินไปแต่รัฐวิสาหกิจที่ยังไม่ได้เข้าจดทะเบียนอาจจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับ กฟผ.คือจะต้องมีการตรวจสอบที่มากขึ้น


แค่ 7 บจ.ที่เป็นรัฐวิสาหกิจมีมาร์เก็ตแค็ปมากถึง 13.6 ล้านลบ.

ผู้สื่อข่าว eFinanceThai.com ได้รวบรวมข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นรัฐวิสาหกิจบางส่วน เพียง7 บริษัท ปรากฎว่ามีมูลค่าตลาดรวม หรือมาร์เก็ตแคปมาหถึง 1.36 ล้านล้านบาท ดังนั้นหากมีการถอนบริษัทที่แปรรูปแล้วออกจากตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมาก จากมูลค่าตลาดรวมที่หายไป


มาร์เก็ตแคปของ บจ.ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ
หลักทรัพย์ จำนวนหุ้น ราคาปิด มูลค่าตลาดรวม(ลบ.)
KTB 11,179.75 11.70 130,803.07
EGCOMP 526.47 80.50 42,380.83
PTT 2,797.25 240.00 671,340.00
PTTEP 654.99 524.00 343,214.76
MCOT 687.50 36.75 25,265.62
AOT 1,428.57 49.25 70,357.07
THAI 1,698.90 46.50 78,958.85
รวม 1,362,360.20

ที่มา efinancethai.com[/color:209ba24b08">

 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 24/03/2006 @ 23:09:22 : re: มาร์เก็ตแค็ปหาย 1.3 ล้านล้านบาท หากถอนหุ้นแปรรูปออก
.0008 .0008

ต่อไปเหลือแต่หุ้นไทยป่าน........

แล้วฝาหรั่งมันจะปั่นไรฟะ

set ต้องปายเริ่มที่ 200 จุด

.0008 .0008
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com