1. เก็งกำไรอย่างสูง แปลว่า พื้นฐานไม่ดี แต่มี story ให้เล่น (ให้เข้าเร็วออกเร็ว มีโอกาสได้ผลตอบแทนเยอะ และมีความเสี่ยงเยอะเช่นกัน) เหมาะกับคนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น (ไม่สนใจพื้นฐาน)

2. เก็งกำไร แปลว่า พื้นฐานปานกลาง และมี story ให้เล่น (เหมือนข้อหนึ่ง แต่ความเสี่ยงน้อยกว่า)

3. Trading buy : แปลว่า พื้นฐานดี แต่ราคาปัจจุบันต่างจากเป้าหมายไม่มาก ดังนั้น หากจะลงทุน ก็ควรหาจังหวะให้ดี เพราะมี upside เหลืออีกไม่มาก

3. ซื้อ แปลว่า พื้นฐานดี ราคาจะปรับตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปตามภาวะตลาด ต้องใช้เวลาประมาณ 6 - 12 เดือน ราคาจึงจะปรับตัวไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

4. ซื้อลงทุน แปลว่า พื้นฐานดี แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการคืนทุน ราคาปรับขึ้นน้อยกว่าตลาด
ต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปีขึ้นไป ราคาจึงจะถึงเป้าหมาย

4. ซื้อเต็มที่ แปลว่า พื้นฐานดีมากและมี story ให้เล่นด้วย ราคาจะปรับตัวขึ้นอย่างเร็ว ต้องรีบซื้อเลย

5. ซื้ออ่อนตัว แปลว่า พื้นฐานดี แต่ราคาเข้าใกล้เป้าหมายมากแล้ว และพื้นฐานไม่เปลี่ยน ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงไปก่อน จึงต้องรอให้ราคาอ่อนตัวลงมาก่อน แล้วค่อย ปรับตัวกลับขึ้นมา (หมายถึงถ้าใครมีอยู่จะขายทำกำไรออกไปก่อน แล้วค่อยรับกลับทีหลังก็ได้)

6. TAKE PROFIT หรือราคาเต็มมูลค่า แปลว่า ราคาถึงเป้าหมายแล้ว และพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน จึงให้ขายทำกำไรไปก่อน เมื่อมีเหตุการณ์ที่ทำให้พื้นฐานเปลี่ยนเมื่อใหร่ ค่อยพิจารณากันใหม่อีกที

7. ขาย (SELL), หรือ หลีกเลี่ยง แปลว่า มูลค่าเกินพื้นฐานแล้ว หรือ พื้นฐานเปลี่ยนไปในทางแย่ลง ถ้ามีหุ้นอยู่ก็ให้ขายเลยทันทีเพื่อลดความเสียหาย หรือถ้ายังไม่มีหุ้นก็ห้ามเข้าไปซื้อเด็ดขาด

[b:0d5b4fa223">ที่สำคัญมันอยู่ที่การตัดสินใจของตัวเราเองอ่ะ...

ขอบคุณค่ะ.... .0005 [/color:0d5b4fa223">[/b:0d5b4fa223">

thanks lai na jao ka ฟฟฟฟ3