????
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238 |  วันที่: 17/04/2006 @ 07:09:34 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ไทยแบงก์รอครม.ชุดใหม่สรุปค่าตอบแทนบริหารแคปส์ ก่อนล้างขาดทุนสะสมใช้วิธีลดพาร์ เล็งขายหุ้นเพิ่มทุนให้พันธมิตรใหม่มั่นใจสิ้นปีนี้เสร็จ พร้อมออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิดึงต่างชาติลงทุนไม่เกิน 7 ราย หวังเพิ่ม BIS ถึง 10% ส่วนแบงก์กรุงเทพ โดนผู้ถือหุ้นซักเทมาเซคถือหุ้น 10% ผู้บริหารยันไม่พบ แต่อ้ำอึ้งถือผ่านนอมินี[/color:04071140ba">
นายพีรศิลป์ ศุภผลศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด มหาชนหรือ BT เปิดเผยว่าหากการสะสางสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มาจากการควบรวม (CoceredAsset Pool) หรือแคปส์ได้ผลสรุปเสร็จสิ้นธนาคารจะดำเนินการเรื่องหาพันธมิตรต่อ โดยการออกหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้
ทั้งนี้คาดว่าการชดเชยปันส่วนกำไร/ขาดทุนจากการบริหารแคปส์จะสรุปผลได้ในเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2549 นี้ ซึ่งที่มีความล่าช้าจากเดิม เพราะปัญหาการเมือง ที่มีการยุบสภา ทำให้การบริหารหนี้ของธนาคารยังไม่สามารถเสนอให้ครม.พิจารณาได้
สำหรับการบริหารหนี้ซึ่งมีการโอนหนี้ในราคาต่ำให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย หรือบสท. ทางธนาคารคาดว่ากำไรจากการบริหารจะได้กำไรหรือขาดทุนไม่เกิน 300 ล้านบาทเนื่องจากมีการโอนแคปส์บางส่วนไปให้ บสท. ในอัตราเรียกคืนเพียง 22% เมื่อรวมกับแคปส์ส่วนที่ธนาคารบริหารได้เองแล้วจะได้กำไรจากอัตราเรียกเก็บ 52% ของแคปส์จึงทำให้โดยรวมแล้วมีกำไรหรือขาดทุนเพียงเล็กน้อย
ส่วนแนวทางในการล้างขาดทุนสะสมที่มีประมาณ 2,800 ล้านกว่าบาทนั้น อาจจะใช้วิธีลดทุน โดยลดพาร์ลง จากนั้นก็ออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ผู้บริหารของธนาคารจะต้องนำไปเสนอให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งก็คือกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือ FIDFที่ถือหุ้นในธนาคารประมาณ 49% เพื่อพิจารณาให้อนุมัติ ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าว จะเกิดขึ้นหลังจากเรื่องการบริการแคปเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมกันนี้ธนาคารก็จะหาพันธมิตรใหม่
โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะหาพันธมิตรได้แล้วเสร็จ เนื่องจากผู้ถือหุ้นรายใหม่ยังรอเรื่องการเคลียร์บัญชีกับกองทุนฟื้นฟูฯ ให้จบก่อน
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาก็มีนักลงทุนต่างประเทศทั้งในแถบเอเซีย และยุโรปเข้ามาทำการตรวจสอบฐานะของธนาคารอย่างต่อเนื่อง แต่ธนาคารจะขายหุ้นให้กับใครก็ขึ้นอยู่กับกองทุนฟื้นฟูฯ จะพิจารณา แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้นดังกล่าวออกไป
นอกจากนี้ในการประชุมผู้ถือหุ้นธนาคาร ในวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติให้ออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิ วงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท อายุตราสารไม่เกิน 10 ปีขายเฉพาะเจาะจงให้กับนักลงทุนต่างประเทศไม่เกิน 7 ราย เพื่อใช้รองรับการขยายตัวของสินทรัพย์ และการให้สินเชื่อของธนาคาร ซึ่งตราสารหนี้ดังกล่าวก็จะนับเป็นเงินกองทุนขั้นที่2 โดยหลังการออกตราสารหนี้ดังกล่าว ก็จะทำให้สัดส่วนกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) ของธนาคารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 10% จากเดิมที่อยู่ 8.7% ในสิ้นปี 2548
อย่างไรก็ตาม การออกตราสารหนี้ดังกล่าว ธนาคารจะรอให้ตลาดเอื้ออำนวยก่อนอีกทั้งปัจจัยการเมืองที่ต้องคลี่คลายลง เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างประเทศ อีกทั้งค่าเงินบาทที่แข็งตัวจะกระทบต่ออัตราดอกเบี้ย จึงจะต้องศึกษาให้รอบคอบเนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว
ทางด้านการประชุมผู้ถือหุ้นธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มีผู้ถือหุ้นลุกขึ้นซักถามเรื่องข่าวลือว่าจริงหรือไม่ที่กองทุนเทมาเซกได้เข้ามาซื้อหุ้นของธนาคารไว้แล้ว10%
นายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ ได้ตอบคำถามผู้ถือหุ้นว่า เท่าที่ตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดของธนาคาร ยังไม่พบรายชื่อกองทุนเทมาเซคเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคาร แต่ถ้าเป็นการถือผ่านตัวแทน หรือ นอมินี ก็คงจะตรวจสอบได้ลำบาก
ส่วนปีนี้ยังคงเป้าหมายสินเชื่อไว้ที่ 3-4 หมื่นล้านบาท หรือเป็นการขยายตัว 3-4%จากปีก่อน ทั้งนี้อยู่ภายใต้สมมติฐานว่าเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวอยู่ที่ 4-4.5% และการส่งออกเติบโต 10%
สำหรับสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คาดว่าถึงสิ้นปี 49 นี้จะปรับลดลงเหลือ 7% จากเดิม 10.9% ในสิ้นปี 48 โดยธนาคารได้มีการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้มากขึ้น รวมทั้งจะมีการขายสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันออกไป
ที่มา ข่าวหุ้น[/color:04071140ba">
|
