ผู้บริหารแผนฯ TPI การันตี 26 เม.ย.นี้ ศาลล้มละลายกลางให้หลุดจาก
การฟื้นฟูกิจการ เหตุดำเนินการตามแผนครบถ้วนแล้ว ระบุหลังหลุดแผนพันธ
มิตรพร้อมทุ่มเงินหมื่นลบ.ปรับปรุงโรงกลั่น-ขยายท่าเรือ-สร้างโรงไฟฟ้าทันที
ฟุ้งจากนี้บริษัทมีศักยภาพเพียงพอที่จะจ่ายปันผลระหว่างกาล ขณะที่เซียนหุ้น ประสานเสียงอนาคตสดใส ระบุ เป็นหุ้นที่น่าสนสุดๆสตอรี่เพียบ แถมQ1/49
งบสวยแน่ แถมเชื่อมีลุ้นเติบโตตามรอยโรงกลั่นรุ่นพี่อย่าง TOP แนะนำนักลง
ทุนซื้อเก็งกำไรให้ราคาเหมาะสมที่ประมาณ 9 - 10 บาท
หลังจากอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการมาหลายปี วันที่ 26 เมษายนนี้จะเป็นวัน
ที่น่าติดตามอีกครั้งหนึ่งว่ารอบนี้ศาลล้มละลายกลางจะวินิจฉัยให้บมจ.อุตสาห
กรรม ปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) หลุดจากแผนฟื้นฟูได้หรือไม่จากก่อนหน้าที่เลื่อน
มาหลายครั้งเหลือเกิน อย่างไรก็ตามสำหรับการพิจารณาครั้งนี้เมื่อแผนเพิ่มทุน
ของบริษัทให้กับพันธมิตรร่วมทุนซึ่ง ประกอบด้วย บมจ.ปตท.(PTT) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ธนาคารออมสิน และกองทุนวายุภักษ์1โดย
มีกระทรวงการคลังเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการดำเนินการเรียบร้อยลงแล้วนั้นเชื่อ
ว่าการวินิจฉัยในสัปดาห์หน้าจึงน่าจะจบลงอย่างเรียบร้อย ซึ่งรวมไปถึงอนาคต
ในการประกอบธุรกิจของบริษัทจากนี้ก็น่าจะสดใสขึ้น



*ผู้บริหารมั่นใจ หลุดฟื้นฟูแน่ 26 เม.ย.
พลโทบัญชร ชวาลศิลป์ หนึ่งในคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ TPI เปิด
เผยว่า ในวันที่ 26 เม.ย. นี้ มั่นใจว่า TPI จะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้สำเร็จ เนื่องจากผู้บริหารแผนฯได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้และทุนตามที่ระบุ
ไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการครบถ้วนแล้ว ซึ่งก็อยู่ที่ดุลยพินิจของศาลล้มละลายกลาง
ว่าจะพิจารณาอย่างไร
สำหรับกรณีที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลฏีกาจะ
ส่งผลกระทบกับการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางในวันที่ 26 เม.ย. หรือไม่
ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของศาลฯ ว่าจะออกมาในทางใด แต่ทางผู้บริหารแผนฯ
ก็ต้องเตรียมการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 เม.ย. ไว้ล่วงหน้าเผื่อว่าในวันที่
26 เม.ย. ศาลฯ จะมีคำสั่งให้ TPI ออกจากแผน
ส่วนการปลดนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการของTPI ออกจากการเป็นกรรมการของบริษัทฯ นั้นเป็นหน้าที่ของกรรมการชุดใหม่จะดำเนินการ หรือผู้ถือ
หุ้นจะเสนอให้ถอดถอนในการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 เม.ย. นี้ อย่างไรก็ดีการ
ดำเนินการปลดนายประชัย ออกจากการเป็นกรรมการของบริษัทฯทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าจะต้องดำเนินการให้เสร็จภายในเมื่อไร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการชุดใหม่



* พันธมิตร เตรียมเงินหมื่นลบ.ปรับปรุง-ขยายโรงกลั่น สร้างโรงไฟฟ้า
ด้านนายวิชิต นิตยานนท์ ประธานสหภาพแรงงาน เครือ TPI กล่าวว่า
โดยส่วนตัวมั่นใจว่าในวันที่ 26 เม.ย.นี้ TPI น่าจะออกจากแผนฯ ได้เนื่องจาก
ได้ดำเนินการตามแผนฯ ภายใต้การบริหารของกระทรวงการคลังสำเร็จ คือชำ
ระหุ้นเพิ่มทุน พร้อมกับปรับโครงสร้างหนี้และทุนสำเร็จ ประมูลขายหุ้น TPIPL
250 ล้านหุ้น และออกหุ้น ESOP ให้กับพนักงาน
นายวิชิต กล่าวว่า ดร.ปิติ ลิ้มประเสริฐ ว่าที่กรรมการคนใหม่ของTPI ได้
ให้วิสัยทัศน์กับพนักงานของบริษัทฯ ว่าภายหลังจากที่ TPI พ้นจากแผนฟื้นฟูกิจการ ทางพันธมิตรร่วมทุนมีแผนการลงทุนโดยเตรียมเงิน 10,000 ล้านบาท
สำหรับปรับปรุงและขยายโรงกลั่น สร้างโรงไฟฟ้าอีก 1 แห่ง เนื่องจากปัจจุบัน
แม้ว่า TPI จะมีโรงไฟฟ้าอยู่แล้ว 1 แห่งแต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับกระบวนการผลิต
ปิโตรเคมียังต้องซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 120 เมกะวัตต์ต่อ
วัน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเพื่อลดต้นทุนการผลิตรวมถึงการ
ลงทุนขยายท่าเรือเชิงพาณิชย์ โดยขุดลอกร่องน้ำเพื่อให้เรือขนส่งน้ำมันดิบ
ขนาดใหญ่เข้ามาเทียบท่าได้
โดยส่วนตัวคาดว่าภายหลังจากที่ TPI ออกจากแผนฯทางพันธมิตรใหม่
น่าจะเริ่มดำเนินการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ได้ทันที เพราะบริษัทฯ ได้ดำเนินการศึกษาแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้ามาก่อนหน้านี้แล้วในเบื้องต้นคาดว่าโรงไฟฟ้าแห่งใหม่จะมีกำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ต่อวัน



*ฟุ้ง มีศักยภาพจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นได้
ทั้งนี้ พลโทบัญชร กล่าวเสริมด้วยว่า ปัจจุบัน TPI มีศักยภาพที่จะจ่ายเงิน
ปันผลระหว่างกาล โดยบริษัทฯมีกำไรสะสม และมีกระแสเงินสดในมือ 13,000 ล้านบาท ซึ่งการตัดสินใจว่าบริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลหรือไม่ อยู่ที่มติของคณะกรรมการชุดใหม่
เรื่องการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลนั้น เป็นสิ่งที่กฟผ. และวายุภักษ์ ซึ่ง
เป็นพันธมิตรใหม่ของบริษัทฯต้องการเพื่อที่จะนำเงินปันผลไปจ่ายคืนให้แก่ผู้ถือหน่วยแต่การตัดสินใจจ่ายปันผลอยู่ที่บอร์ดของ TPI ชุดใหม่พลโทบัญชรกล่าว
อย่างไรก็ดี แหล่งเงินทุนบางส่วนจะมาจากพันธมิตรร่วมทุนและอีกส่วนหนึ่งมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 13,000 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ TPI ได้รายงานการปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูกิจการและการฟื้นฟู
กิจการในช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2548 - 31 มีนาคม 2549 ประกอบด้วย
ก.การปรับปรุงโครงสร้างส่วนทุน
1) ตามที่กระทรวงการคลังได้จัดสรรหุ้นเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ร่วมลงทุน
หลักเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการและผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 17,548,453,660 หุ้น
ในราคาหุ้นละ 3.30 บาทนั้น เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2548 บริษัทได้รับชำระเงิน
ค่าหุ้นดังกล่าว ครบถ้วนแล้วเป็นเงิน 57,909 ล้านบาท
2) สำหรับหุ้นที่จดทะเบียนเพิ่มทุนจำนวน975,000,000 หุ้นเพื่อจำหน่าย
ให้แก่พนักงานของบริษัทตามโครงการออกหลักทรัพย์ให้แก่พนักงาน(ESOP) จำนวน 975,000,000 หุ้นนั้นสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีหนังสือลงวันที่ 25 มกราคม 2549 แจ้งไม่อนุญาตให้ดำเนินการ เนื่องจากนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการผู้หนึ่งของบริษัท อยู่ระหว่างถูกสำนักงาน กลต. กล่าวโทษในความผิดเรื่องการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งถือว่าขาดคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่สำนัก
งาน กลต. กำหนดตามประกาศของสำนักงาน ก.ล.ต.ที่ กจ.5/2548
ข. การออกจากแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2548 คณะผู้บริ
หารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้มีคำ
สั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากคณะผู้บริหารแผนฯได้ดำเนินการตามที่แผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทกำหนดไว้ครบถ้วนแล้วซึ่งศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่ง
นัดพิจารณาคำร้องในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 ต่อมาได้เลื่อนการพิจารณาออก
ไปเป็นวันที่ 26 เมษายน 2549
ค. การดำเนินการ
1) ด้านการเงิน
1.1) การขายเงินลงทุนในหุ้นของบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด(มหาชน)
เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 และปรากฎว่ามีผู้ยื่นซองประมูลรา
คารวม 2 ราย ซึ่งผู้เสนอราคาสูงสุดอยู่ที่หุ้นละ 17 บาททำให้เงินที่จะได้รับ
จากการขายหุ้นครั้งนี้ต่ำกว่าจำนวน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเหตุให้ราคา
เสนอซื้อหุ้นดังกล่าวตกอยู่ภายใต้ข้อกำหนดสิทธิการซื้อหุ้นก่อนของเจ้าหนี้
(Right of First Refusal) ตามที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท ดัง
นั้นผู้บริหารแผนจึงต้องนำเสนอผลการประมูลให้คณะกรรมการเจ้าหนี้พิจารณา
และเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2548 เจ้าหนี้แจ้งให้ทราบว่าต้องการใช้สิทธิในการ
ซื้อหุ้นทีพีไอโพลีน ทั้งหมดจำนวน 249,007,294 หุ้น ในราคาหุ้นละ 41.18 บาทจากบริษัทฉะนั้นบริษัทจึงได้ขายหุ้น ทีพีไอโพลีนทั้งหมดให้แก่เจ้าหนี้ทำ
ให้บริษัทได้รับเงินทั้งสิ้นเท่ากับ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ และบริษัทได้นำเงินดังกล่าวชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้บริษัทจึงได้รับการปลดภาระดอกเบี้ยคงค้างทั้งหมด
ทันทีพร้อมกัน
1.2) การชำระหนี้นอกจากที่คณะผู้บริหารแผนได้นำเงินจากการขายหุ้น
ทีพีไอโพลีน จำนวน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ชำระหนี้ไปแล้ว คณะผู้บริหาร
แผนได้นำเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 57,000 ล้านบาทชำระหนี้
คืนแก่เจ้าหนี้เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2548 ดังนั้นณ วันที่ 31 มีนา
คม 2549 ยอดหนี้ตามแผนคงค้างชำระอยู่ ทั้งสิ้นเป็นเงินประมาณ 37,895ล้านบาท
2.) ด้านการผลิตในช่วงระยะเวลา 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม2549 บริษัทได้ลดระดับ การผลิตในปี 2549ลงเหลือเฉลี่ยวันละ 178,000 บาร์เรลล์
เนื่องจากบริษัทจะทำการปิดโรงกลั่น 3 แห่งเพื่อทำการซ่อมแซมในช่วงครึ่ง
หลังของปี 2549 จึงประมาณการว่าอัตราการผลิตโดยเฉลี่ยปี 2549 จะต่ำกว่า
178,000 บาร์เรลล์ต่อวันบริษัทได้ต่อสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบระยะยาวโดยตรง
กับผู้ผลิตน้ำมันดิบในประเทศ ตะวันออกกลางและในภูมิภาค เพื่อให้เกิดความ
แน่นอนและสม่ำเสมอในการจัดส่งน้ำมันดิบ ที่จะใช้ในการผลิตให้กับโรงงาน
ง. การดำเนินการเกี่ยวกับคดีที่ค้างคดีที่คณะผู้บริหารแผนกำลังดำเนิน
การอยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2548 - 31 มีนาคม 2549 มีดังนี้
1. คดี/คำร้องเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของบริษํทและบริษัทในเครือที่อยู่
ในแผนฟื้นฟูกิจการสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ1 คดี/คำร้องเกี่ยวกับ
การฟื้นฟูกิจการที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางหรือศาลฏี
กา จำนวน 31 คดี และ 2 คดี ที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูกิจการหรือเกิดขึ้นในระ
หว่างการฟื้นฟูกิจการที่มิได้อยู่ในศาลล้มละลายกลางจำนวน 19 คดี
2. คดีที่ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินกิจการทั่วไป รวมถึงคดีเรียกร้องเงินฐาน
ผิดสัญญาซื้อขายคดีเรียกร้องให้ชำระค่าสินค้า คดีเช็ค และคดีแรงงาน 70คดี



* วงการ ชี้ หุ้น TPI จากนี้มีสตอรี่ให้เล่นเพียบ
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์รายหนึ่ง กล่าวกับ efinancethai.com ว่า
การที่ผู้บริหารออกมาการันตีความแน่ใจว่าในวันที่ 26 เมษายน ศาลฯจะอนุญาต
ให้หลุดจากแผนฟื้นฟูได้นั้น เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ เพราะขณะนี้การดำเนินการ
ในการฟื้นฟูกิจการของ TPI ก็เป็นไปตามแผนที่ทางผู้บริหารแผนฯของกระทรวงการคลังดำเนินการไปแล้ว โดยผลการดำเนินงานในปี 2548 TPI มีกำไรสุทธิสูง
ถึง 6.07 หมื่นล้านบาท จากปี 2547 ที่มีกำไรเพียง 1.22 หมื่นล้านบาท โดยกำ
ไรส่วนใหญ่มาจากการปรับโครงสร้างหนี้และการขายหุ้น TPIPL อีกทั้งล่าสุดการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับพันธมิตรทั้ง PTT ธนาคารออมสิน กบข. และกองทุนวายุภักษ์ ก็สำเร็จแล้วเพราะฉะนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาอะไรที่บริษัทจะออกจากแผนฟื้นฟูในวันที่ 26 เม.ย. ไม่ได้
แหล่งข่าวกล่าวว่า จากนี้หุ้น TPI น่าจะเป็นหุ้นที่น่าจับตามองมากที่สุด
หลังจากหลุดจากแผนฟื้นฟูเนื่องจากถือว่าเป็นหุ้นที่มีสตอรี่ให้นักลงทุนเข้ามา
ลงทุนมากไม่ว่าจะเป็นการออกจากกลุ่มรีแฮปโก้ หลังจากหลุดแผนฯ การได้พัน
ธมิตรที่มีศักยภาพในการเกื้อหนุนการทำธุรกิจให้กับบริษัทอย่างปตท.โดยเฉพาะธุรกิจปิโตรเคมี ที่จะเป็นทัพหน้าของ TPI จากนี้อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันยังเกื้อหนุนธุรกิจปิโตรเคมีของTPI เป็นอย่างดีและล่า
สุดยังเป็น 1 ใน 13 บริษัทจดทะเบียนขอลตลาดหลักทรัพย์ที่ติดอันดับ Forbes Global 2000 โดยติดอันดับที่ 1418
ผมเชื่อว่าจากนี้จะมีข่าวดีเข้ามาใน TPIมากทีเดียว ทั้งสตอรี่ที่บอกก่อนหน้านี้ อีกทั้งมองจากแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ที่น่าจะดีขึ้นกว่าปี 2548
อีกด้วย และภาระหนี้สินของ TPI ที่น่าจะลดลงได้เร็วๆนี้ ซึ่งเท่าที่ทราบเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผู้บริหารแผนฯ TPI เพิ่งจะชำระหนี้ก้อนแรก 250 ล้านเหรียญ
ไป ทำให้มูลหนี้ลดเหลือ700 ล้านเหรียญจากปัจจุบันที่มีอยู่ที่ 950 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าอนาคตของ TPI ค่อนข้างสดใสและก็ไม่น่ามีปัญหาอะ
ไรมากมายนัก และล่าสุดบริษัทก็ยังมีแผนปรับปรุงโรงกลั่นสร้างโรงไฟฟ้าอีกซึ่งเห็นว่าธุรกิจเริ่มเดินหน้า แหล่งข่าว กล่าว



* ทีเอสอีซี เชื่อ อนาคตสดใส มีสิทธิเดินตามรอย TOP
นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทีเอสอีซี
กล่าวถึง กรณีผู้บริหารแผน บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) มั่นใจว่า
จะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้สำเร็จในวันที่ 26 เม.ย.นี้ ว่าทางบริษัทฯ
มีแนวโน้มออกจากแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าวได้จริง เนื่องจากธุรกิจมีแนวโน้ม
ขยายตัวดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวขึ้นยิ่งทำให้บริ
ษัทฯได้ประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมัน
TPI แนวโน้มดี และช่วงนี้มีหลายประเด็นที่กระตุ้นลงการทุนทั้งในส่วนของการได้ PTT เข้ามาเป็นพันธมิตร รวมถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและเอื้อให้ธุร
กิจโรงกลั่นได้ประโยชน์เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการกลั่นสูงถึงประมาณ
1 แสนกว่าบาร์เรลต่อวัน
แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวอีกว่า ธุรกิจTPIจากนี้จะมีโอกาสเติบโตเช่นเดียว
กับธุรกิจของ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เนื่องจากดำเนินธุรกิจโรงกลั่นประเภทเดียวกัน โดยขณะนี้ราคาหุ้น TOP บนกระดานถือว่าสูงกว่ามูลค่าทางบัญชี( Book
Value) ถึง 2 เท่า ขณะที่หุ้นของTPI ก็มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน โดยแนะนำนักลงทุนซื้อเก็งกำไรหุ้น TPI ได้ตามราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง ประเมินราคาเหมาะสมปัจจุบันไว้ที่ประมาณ 9 - 10 บาท
เป็นไปได้ที่อนาคต TPI อาจเดินตามรอยของ TOP ได้เลย เพราะธุรกิจ
โรงกลั่นมีแนวโน้มเติบโตดีและตอนนี้ราคาซื้อขายของ TOP เกิน 2 เท่าของ
Book Value แล้ว และ TPI เองก็มีโอกาสซื้อขายเกินกว่า Book Value เหมือนกัน


* แอ๊ดคินซัน เชื่อ งบ Q1/49 สวย
นายอมเรศ สิงห์ณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน
บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวถึงกรณีที่ TPI เตรียมที่จะนำเงินจำนวน 10,000 ล้าน
บาท เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงโรงกลั่น ขยายท่าเรือและสร้างโรงไฟฟ้าว่าโอกาสในการเป็นไปได้สูงเนื่องจาก TPI มีแหล่งเงินลงทุนที่เพียงพอประกอบ
กับผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2549 ยังออกมาดีอีกด้วย โดยไตรมาสที่ 1/2549 TPI และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและรายได้รวมจำนวน 5,979 ล้านบาท และ7,389 ล้านบาท
เขาก็มีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ การที่จะไปลงทุนขยายอะไรก็มีโอกาส
ที่จะเป็นไปได้ไม่น่าที่จะมีปัญหาและข่าวที่ออกมานี้คงจะส่งผลบวกต่อจิตวิทยา
การลงทุนซึ่งน่าจะทำให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นTPI ช่วงบ่าย นายอมเรศ กล่าว
สัญญาเทคนิคคาดว่าราคาหุ้น TPI ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 7.70 -
8.40 บาท และมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ โดยแนะนำเก็งกำไร ให้แนวรับไว้ที่ 8
บาท ให้แนวรับถัดไปไว้ที่ 7.70 บาท ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 8.20 บาท ให้แนว
ต้านถัดไปไว้ที่ 8.40 บาท

ที่มา efinancethai.com[/color:72790ed964">

ผมก็มีไว้เหมือนกันพี่ อาฟง (ยังขาย GBXกับPicni ไม่ได้เลยครับพี่)
ไม่รู้หลังวันที่26 พี่อาฟงและ พี่ Nikkei พี่ gunman ว่าจะไปต่อได้ประมาณ
กี่วันครับ ผมว่าจะขายแล้ว หลังวันที่ 26 กะให้มันขึ้นสุด ๆก่อนครับ