???? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,238 | วันที่: 21/04/2006 @ 06:38:56 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ATC ปลื้มหลังปิดโรงงานซ่อมบำรุงเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์กว่า 390 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ส่วนโครงการไซโคลเฮกเซน ได้ฤกษ์เดินเครื่องเดือนพ.ค.นี้ ส้มหล่นฟันกำไรค่าบาท ไตรมาสแรกกว่า 300 ล้านบาท[/color:9b2d6a0c4d">
นายเพิ่มศักดิ์ ชีวาวัฒนานนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ ATC กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้หยุดการผลิตเพื่อซ่อมบำรุงและปรับปรุงอุปกรณ์ ตามแผนงานตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 49 ที่ผ่านมา เป็นระยะเวลา30 วัน ทำให้มูลค่าผลิตภัณฑ์รวมเพิ่มกว่า 390 ล้านเหรียฐสหรัฐต่อปี (ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท)
ทั้งนี้บริษัทได้เริ่มเดินเครื่องผลิตเต็มกำลังเมื่อวันที่ 13 เมษายน 49 ที่ผ่านมา และจากการหยุดซ่อมบำรุง และปรับปรุงอุปกรณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการสูญเสียพลังงานในขั้นตอนการผลิตคิดเป็นมูลค่ารวม 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มกำลังการผลิตหน่วยกลั่นแยกวัตถุดิบคอนเดนเสทจาก 5 หมื่นบาร์เรลต่อวันเป็น 7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้บริษัทสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเช่น ก๊าซแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) ผลิตภัณฑ์แนฟทาชนิดเบา เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานโอเลฟินส์ภายในประเทศ และคอนเดนเสทเรซิดิว ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันดีเซลของโรงกลั่นในประเทศเพิ่มขึ้น จากเดิมประมาณ 40% คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 179 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
ขณะเดียวกันยังสามารถผลิตแนฟทาชนิดหนัก ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ และส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้ปริมาณรวม 360,000 เมตริกตันต่อปีคิดเป็นมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับโครงการผลิตสารไซโคลเฮกเซน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทจากการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์เบนซีนที่ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายน 47 ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการเดินเครื่อง คาดว่าจะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยจะมีกำลังการผลิต 150,000 เมตริกตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าเพิ่ม 400 ล้านบาทต่อปี
หลังจากการหยุดซ่อมบำรุงครั้งนี้แล้ว บริษัทจะเดินเครื่องจักรการผลิตเต็มที่เพราะผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ โดยเฉพาะพาราไซลีนในประเทศอยู่ในภาวะขาดแคลน ดังนั้นตั้งแต่ไตรมาส 2/49 เป็นต้นไป โรงงานอะโรเมติกส์หน่วยที่ 1 จะมีกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ คือ พาราไซลีน 5 แสนเมตริกตันต่อปี เบนซีน 3.2 แสนเมตริกตันต่อปี ไซโคลเฮกเซน 1.5 แสนเมตริกตันต่อปี และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ รวมกันประมาณ 2.15 ล้านเมตริกตันต่อปี
โดยปัจจุบันสถานการณ์ราคาผลิตภัณฑ์พาราไซลีน ทรงตัวที่ระดับประมาณ 1,000เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน และราคาผลิตภัณฑ์เบนซีน อยู่ที่ระดับประมาณ 800 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตันสูงกว่าราคาเฉลี่ยจากไตรมาส 1 ประมาณ 50 และ 55 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตันตามลำดับ
สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงงานอะโรเมติกส์หน่วยที่ 2 ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการเมื่อเดือนสิงหาคม 48 ปัจจุบันการปรับพื้นที่แล้วเสร็จ และกำลังเริ่มงานก่อสร้างฐานราก ทั้งนี้โรงงานกำหนดจะแล้วเสร็จสามารถดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนสิงหาคม 51 และทำให้กำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์พาราไซลีน และเบนซีนรวมทั้ง 2 โรงงาน เป็น 1.111 ล้าน และ 8.31 แสนเมตริกตันต่อปีตามลำดับ
นายอธิคม เติบศิริ รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายแผนธุรกิจและการเงิน กล่าวยอมรับว่าจากค่าเงินบาทที่ปรับแข็งค่าขึ้นส่งผลดีกับบริษัท เพราะปัจจุบันมีหนี้สินต่างประเทศ และจากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาททำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะในไตรมาสแรกของปีนี้บันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 300 ล้านบาท
ขณะนี้ยังสรุปไม่ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อไปถึงเมื่อใด แต่เท่าที่ดูจากแนวโน้มของค่าเงินหยวนของจีนที่แข็งค่าขึ้นช่วยดึงให้สกุลเงินของประเทศต่างๆ ในเอเชียปรับตัวแข็งค่าขึ้นตาม ซึ่งหากค่าเงินบาทยังแข็งต่อไปอีกก็เชื่อว่าจะทำให้ไตรมาส 2 บริษัทจะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตาในครึ่งปีหลังนั้น นายอธิคม กล่าวว่า เป็นเรื่องของราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่าเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าจะลดลงจากปีที่ผ่านมาก็ตาม
ที่มา ข่าวหุ้น[/color:9b2d6a0c4d">
|