April 29, 2024   3:56:50 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ขุมทรัพย์.."เสี่ยอ้วน"
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 22/04/2006 @ 10:49:13
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เจ้าของพอร์ตหุ้นกว่า พันล้านบาท แต่แท้ที่จริงแล้ว ปูมหลัง แห่งความมั่งคั่งของเขา มาจากธุรกิจ พร็อพเพอร์ตี้ และได้ชื่อว่าเป็น แลนด์ลอร์ด (Landlord) อีกคนหนึ่งของเมืองไทย


ไฮไลต์ชีวิตของ ชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล หรือ เสี่ยอ้วน ไม่ได้จบลงที่ ตลาดหุ้น ในฐานะนักลงทุนระดับ พันล้านบาท เท่านั้น

เส้นทางแห่งความมั่งคั่งของเขา แท้จริงแล้วถูกปูลาดมาจาก ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และค้าที่ดิน

ด้วยเซ็นส์และคอนเนคชั่นทางสายพร็อพเพอร์ตี้ ชัยสิทธิ์ จึงมักแสวงโอกาสเพื่อปูอนาคตให้กับ รพ.วิภาวดี ตั้งแต่การซื้อ แมนชั่น ขนาด 50 ห้อง (ข้างโรงพยาบาล) มูลค่า 30 ล้านบาท เพื่อให้พนักงานที่อยู่เวรได้พัก โดยเสียค่าเช่าให้กับโรงพยาบาล การเจรจาซื้อ อาคาร 11 ชั้น มาจากเพื่อน (ที่ติดกัน) เพื่อขยายอาคารผู้ป่วย โดยต่อรองราคาจาก 90 ล้านบาท เหลือเพียง 62 ล้านบาท

ล่าสุดยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อซื้อที่ดินอีกแปลง (ช่วงหัวมุมติดถนนวิภาวดี ) ซึ่งจะสามารถรู้ผลภายในเดือน กันยายน 2549

ที่ดินแปลงนี้เราจะทำเป็น ชอปปิง เซ็นเตอร์ ให้ร้านค้าต่างๆ มาเช่า และมีได้ ทางเข้า สู่โรงพยาบาล ซึ่งเห็นง่ายและสะดวกกว่าเดิม จากเดิมที่ต้องเข้าซอยด้านหลัง

สิ่งที่ผมทำมาถึงวันนี้สามารถรองรับธุรกิจ (รพ.วิภาวดี) ไปได้อีก 5 ปี และเชื่อว่าในอีก 10 ปีจากนี้ ที่นี่จะเติบโตเป็นเท่าตัว เราจะรองรับคนไข้ได้มากถึงวันละ 2,000 คน จากปัจจุบัน เฉลี่ยที่วันละ 1,200 คน

เสี่ยอ้วน เล่าว่า ทุกวันนี้ตัวเองเข้ามาทำงานที่ รพ.วิภาวดี (ในฐานะกรรมการผู้จัดการ) เหลืออาทิตย์ละ 1-2 วัน เขาให้เหตุผลว่า เสรีภาพของผมมันหมดไป เส้นทางชีวิตของผมหลังจากนี้ จึงเตรียมรีไทร์ และถ่ายงานให้คนใหม่มารับต่อ

ชีวิตที่เหลือจะไป ตีกอล์ฟ และต่อสายป่านความมั่งคั่ง ด้วยธุรกิจ สร้างโกดังให้เช่า

ผมสะสม แลนด์แบงก์ ไว้เยอะ ก็คิดไว้ว่าจะสร้างโกดังให้ได้ประมาณ 6-10 แห่ง จะเป็นลักษณะของการทำพร็อพเพอร์ตี้ ไว้เก็บค่าเช่ากิน

อย่างแปลงที่ดินย่าน บางนา-ตราด กม.8 (หลังห้างโลตัส) ผมมีอยู่ประมาณ 9,000 ตารางเมตร และอีกแห่งที่ นวนคร แปลงนี้จะเยอะหน่อย

แต่ก่อนผมชอบซื้อขายที่ดิน...แล้วนำมาจัดสรร จึงมีบางส่วนที่ยังขายไม่หมด ซึ่งที่ดินเหล่านี้ก็จะเหลือจากโครงการ ผมก็จะนำมาปรับปรุงเพื่อสร้างเป็นโกดังเช่า

โดยตั้งใจไว้ว่าจะสร้าง โกดังเช่า ให้ได้พื้นที่ประมาณ 10,000 - 20,000 ตารางเมตรต่อปี

แลนด์แบงก์ที่ผมมีอยู่วันนี้ รองรับอนาคตไปได้อีก 10-20 ปี...สร้างยังไงก็ไม่หมด เพราะแลนด์แบงก์เรามีเยอะ

อย่างโกดังเช่าที่ซอยลาซาล (ประมาณ 40,000 ตารางเมตร) ผมกำลังเริ่มทำต่อในหลังที่สอง เพราะหลังแรกมีลูกค้ามาเช่าไปหมดแล้ว ขณะที่หลังที่สองก็เริ่มมีคนจองจนใกล้เต็ม ...เราก็ต้องเตรียมขึ้นโกดังหลังที่สามต่อไป รวมเฉพาะโครงการนี้มีพื้นที่ถึง 40,000 ตารางเมตร ตามแผนคือ เราจะเอามาทำโครงการปีละ 10,000 ตารางเมตร เพียงเท่านี้ก็กินระยะเวลาโครงการไปได้ถึง 4 ปี

ความน่าสนใจของธุรกิจนี้ (โกดังเช่า) อยู่ตรงที่ ผมไม่ต้องไปปวดหัวกับรายละเอียดของงาน และแผนการลงทุนทั้งหมดแทบจะไม่ได้กู้เงินธนาคาร...เพราะผมจะเอาค่าเช่าจากโกดังนี้ มาสร้างโกดังถัดไป

ธนาคารมักเข้ามาหาผม และชักชวนให้เรากู้เงินจากเขา แต่ถ้าหากไม่มีลูกค้ามาเช่าโครงการ ผมก็จะบอกธนาคารไปว่าอย่ามาให้ผมกู้เลย เดี๋ยวผมจะไม่มีจ่าย

ธุรกิจของผมค่อนข้างที่จะคอนเซอร์เวทีฟ...ผมจะไม่วิ่งหาเงินกู้ โดยที่เราไม่ได้ใช้ เพราะเงินที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็ใช้ไม่หมดแล้ว แค่เงินปันผลจากหุ้นไดนาสตี้ (DCC) ตัวเดียว เราก็ใช้ไม่ไหวแล้ว ได้มาปีละ 30-40 ล้านบาท ไม่รู้จะใช้ยังไงให้หมด

แต่แท้จริงแล้ว โครงการลงทุนสร้างโกดังเช่าที่ เสี่ยอ้วน วางแผนไว้ทั้งหมด ก็ยังเพื่อ ป้อนงาน ให้แก่กลุ่มบริษัทรับเหมาก่อสร้างของตัวเอง ตั้งแต่ บ.เทพารักษ์ พัฒนาการ บ.ไทยริม แอนด์ แอสโซซิเอทส์ และ บ.ทรัพย์ทวี พร็อพเพอร์ตี้ เป็นต้น

เราต้องเลี้ยงคน เพื่อนผมที่ไปช่วยคุมงานรับเหมาก่อสร้างให้ เขาก็มีลูกน้องที่รับงานกับเราอยู่ โดยไม่ต้องออกไปประมูลงานนอก ซึ่งบริษัทรับเหมาของผมจะไม่เคยไปรับงานที่อื่น...จะก็มีแค่ เอแบค บางนา แห่งเดียว นอกจากนั้นก็จะเป็นงานโครงการส่วนตัวของผม...ก็ทำไปเรื่อยๆ

ชัยสิทธิ์ ยอมรับว่า บ.เทพารักษ์ พัฒนาการ ถือเป็นหัวใจ เพราะมีบทบาทมากที่สุดในงานรับเหมาก่อสร้าง ขณะที่ บ.ไทยริมฯ ก็รับจำนวนงานรองลงมา เพราะบางส่วนก็สามารถหางานได้เอง ส่วน บ.ทรัพย์ทวีฯ หลังจากเสร็จโครงการใหญ่ที่ปทุมธานี...ก็เตรียมที่จะ ปิดตัวเอง

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา...ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของ ชัยสิทธิ์ จะมีพาร์ทเนอร์(เพื่อนและลูกน้องเก่า) ทำหน้าที่บริหารและดูแลผลประโยชน์ให้ โดยที่เจ้าของตัวจริงแทบจะไม่เคยเข้าไปยุ่งกับเนื้องาน รอรับส่วนแบ่งกำไรอย่างเดียว

ผมเคยถามเขาว่าผมเอาเปรียบเขาหรือเปล่า แต่เขาก็เข้าใจ และตอบสั้นๆ ว่า ถ้าวันนั้นเราไม่ตั้งบริษัทให้ เขาก็คงไม่มีวันนี้

อย่างไรก็ตาม การหางานของบริษัทรับเหมาของผม จะพยายามไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทต่างๆ ที่ผมเข้าไปบริหารงานอยู่ไม่ว่าจะเป็นที่ รพ.วิภาวดี หรือจะที่ บ.ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม (TFD) ก็ตาม

ส่วนตัวก็คือส่วนตัว ผมจะกลัวมากในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน...ผมไม่ทำ และผมจะไม่สบายใจมากๆ ถ้ามีชื่อของผมไปเกี่ยวพันกับการเมือง...ไม่ชอบเลย และผมก็ไม่ได้อยากเล่นการเมือง

ครั้งหนึ่ง เคยมีข้อเสนอให้เขา ได้เป็นถึง รัฐมนตรีว่าการ หรือแม้แต่ตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ก็ยังต้องเชิญ เสี่ยอ้วน ไปคุย

แต่ผมก็บอก พี่...การเมืองผมไม่ชอบเลย ให้ผมช่วยอย่างอื่นแล้วกัน การเมืองผมไม่รักเลยจริงๆ

ชัยสิทธิ์ แนะนำตอนหนึ่งในหนังสือเกี่ยวกับประวัตินายกฯทักษิณชื่อ ตามองดาว เท้าติดดิน

ในหนังสือจะเขียนชื่อผมอยู่เพียงคนเดียว...ว่าผมเป็นคนที่มีบุญคุณกับเขา (พ.ต.ท.ทักษิณ) แต่ถามว่าผมเคยไปรบกวนอะไรเขาหรือเปล่า...ไม่มี

ครั้งหนึ่ง เคยมีคนมาให้เราช่วยฝากฝัง (กับ พ.ต.ท.ทักษิณ) ผมก็บอกไปว่า...แม้แต่ตัวผมเดือดร้อน ยังไม่ไปรบกวนเลย เพราะเราต้องช่วยตัวเองก่อน แล้วจะให้ไปวิ่งตำแหน่งให้ใคร...ผมไม่เคย และไม่เอา

ทั้งหมดนี้คือ ตัวตน ของ เสี่ยอ้วน ชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล เศรษฐีพันล้าน ที่พิสมัยการใช้ชีวิตแบบ โลว์โฟรไฟล์

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com