April 30, 2024   5:05:37 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ลดเป้ากำไรหุ้นบจ.ปีนี้ไม่ถึง4.8% :วิกฤติน้ำมันทำพิษ
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 27/04/2006 @ 07:49:46
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ก้องเกียรติลั่นพิษน้ำมันแพงปรับเป้ากำไรต่อหุ้นบจ.ปีนี้โตไม่ถึง 4.8% เหตุแบกภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น อนันต์ยอมรับยอดขายบ้านระดับกลาง-ล่าง เจอผลกระทบไปด้วย วิกรมชี้รัฐปรับบทบาทโครงสร้างบีโอไอ กระตุ้นภาคส่งออกมาช่วยชดเชย ประเสริฐหวั่นน้ำมันทะลุ 100 เหรียญสหรัฐ[/color:47cfa6aa21">

:บจ.กำไรต่อหุ้นลดฮวบ
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยและนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวในงานสัมมนาทางออกธุรกิจไทย ฝ่าวิกฤติน้ำมันแพงว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องอาจทำให้สมาคมนักวิเคราะห์ต้องปรับลดเป้าการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS) ของบริษัทจดทะเบียนรวมทั้งระบบในปีนี้ลงอีกจากเดิมที่เคยประเมินไว้ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ปีนี้บริษัทจดทะเบียนทั้งระบบจะมีกำไรต่อหุ้นเติบโตประมาณ 4.8%
อย่างไรก็ตามการปรับลดเป้าการเติบโตดังกล่าวถือว่าอยู่ในความคาดการณ์ของนักลงทุนอยู่แล้ว ส่วนจะปรับลดมากน้อยเพียงใดคงต้องพิจารณากันเป็นรายอุตสาหกรรม กลุ่มขนส่งหรือกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ที่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าจำนวนมากอาจ ตรงนี้อาจได้รับผลกระทบที่มากกว่ากลุ่มอื่น ส่วนกลุ่มธุรกิจบริการอาจได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สมาคมฯมีการทบทวนตัวเลขคาดการณ์ต่างๆ ทุกไตรมาสอยู่แล้วหลังจากที่บริษัทจดทะเบียนประกาศตัวเลข ผลการดำเนินงานออกมา ขณะนี้กำลังทบทวนตัวเลขคาดการณ์ผลการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนอยู่ หลังจากที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น และคงต้องปรับลดตัวเลขลงแน่นอนดร.ก้องเกียรติกล่าว
สำหรับเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติ ที่ไหลเข้าลงทุนในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทยนั้น ยังคงมีอย่างต่อเนื่องส่วนหนึ่งเป็นผลจากการประกาศลอยตัวของค่าเงินหยวนประเทศจีน ส่วนความกังวลที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยไปอีกนั้น ประเด็นนี้ไม่น่ากระทบต่อเม็ดเงินต่างชาติ ที่ไหลเข้ามายังภูมิภาคเอเชียเท่าไรนักเพราะเป็นเรื่องที่คาดการณ์กันล่วงหน้าอยู่แล้ว อีกทั้งดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ระดับที่ต่ำมากการปรับขึ้นของเฟด จึงเป็นการปรับเพื่อเข้าหาจุดสมดุลย์
ช่วงหลังมานี้พฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ เริ่มเปลี่ยนไป โดยหันมาลงทุนในหุ้นที่มี มาร์เก็ตแคปขนาดเล็ก และมีข่าวบวกเข้ามาสนับสนุนมากขึ้น แต่หากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายไปในทางทีดีแล้ว จะส่งผลให้ภาพรวมของทั้งตลาดสดขึ้นได้ดร.ก้องเกียรติกล่าว
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทางอ้อมเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ต้องนำเงินไปใช้จ่ายทางด้านพลังงานมากขึ้น ทำให้การจับจ่ายในด้านอื่นๆลดลง
ขณะที่การออมก็ลดลงตามไปด้วย ปัจจัยเหล่านี้ล้วน แต่มีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับปัญหาการเมือง เชื่อว่าจะจบลงได้โดยเร็ว และความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศจะกลับมา ต่อเรื่องนี้โดยส่วนตัวยอมรับว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของเอกชนบางแห่ง ที่ชะลอการลงทุนเอาไว้ เพื่อรอปัญหาทาการเมืองจบก่อน เนื่องจากนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจหลักของประเทศถูกกำหนดไว้ค่อนข้างแน่นอนแล้ว ดังนั้นภาคเอกชนก็ควรลงทุนไปตามกรอบที่รัฐบาลวางเอาไว้
ทั้งนี้ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์เอง ก็มีแผนแบ่งบทพัฒนาตลาดทุนที่กำหนดเอาไว้ชัดทางตลาดหลักทรัพย์ ก็เดินตามกรอบนโยบายนี้ต่อไป เช่น การเปิดตลาดอนุพันธ์ในวันแรกวันที่ 28 เมษายนนี้ ทางตลาดหลักทรัพย์ก็ยืนยันว่าจะเป็นไปตามกำหนดการที่วางเอาไว้แน่นอน:ยอดขายบ้านระดับล่างลด
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวยอมรับว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และความวุ่นวายทางการเมืองส่งผลให้ความต้องการซื้อบ้านโดยเฉพาะระดับกลางตั้งแต่ 10 ล้านบาทชะลอตัว ทำให้ผลประกอบการโดยรวมในไตรมาส 1/49 ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรแต่ในส่วนของบ้านระดับบนตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไปไม่ได้รับผลกระทบยังคงมีกำลังซื้อต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีปัญหาติดขัดขั้นตอนในการซื้อบ้าน และคอนโดมิเนียมที่ยุ่งยากขึ้น ทำให้มีส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าในครึ่งปีแรกจะมีปัจจัยลบต่างๆเข้ามารุมเร้า โดยคาดว่าในปีนี้จะมียอดขายรวมประมาณ 10%
นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงแนวทางออกของธุรกิจไทยในช่วงวิกฤตน้ำมันแพงว่า เน้นการส่งออกให้มากขึ้นประมาณ 20% จากปัจจุบันประมาณ 10% เพื่อนำมาชดเชยกับการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งภาครัฐจะต้องหันมาเน้นนโยบายส่งเสริมการส่งออกอย่างจริงจัง เหมือนกับประเทศจีนที่ให้ความสำคัญกับภาคการส่งออก ทำให้แม้ว่าราคาน้ำมันแพงแต่ไม่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะต้องให้การสนับสนุนด้านการลงทุน เช่น การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ การออกใบอนุญาตการลงทุนให้เร็วขึ้น และการออกกฎหมายพิเศษ เพื่อดึงนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทย และหากทำได้อย่างนี้จะทำให้มีเงินลงทุนเข้ามาปีละ 1 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันที่สัดส่วนการลงทุนประมาณ 7-8 แสนล้านบาท และจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของไทยขยายตัวประมาณ7% ต่อปี:หวั่นน้ำมันทะลุ100เหรียญ
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)หรือ PTTกล่าวในงานสัมมนาทางออกธุรกิจไทยฝ่าวิกฤติน้ำมันแพงว่าขณะนี้ราคาน้ำมันปรับฐานใหม่เป็นระดับ 60-70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลถือว่าสูงกว่าเป้าที่คาดไว้ระดับ 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตามขณะนี้ผู้ค้าน้ำมันได้ช่วยเหลือผู้บริโภคอยู่แล้ว เพราะราคาน้ำมันจริงจะสูงกว่าราคาปัจจุบันประมาณ 2 บาทต่อลิตรโดยขณธนี้ทุกฝ่ายกำลังรอดูมติของสหประชาชาติเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ในอิหร่าน คาดว่าจะไม่เกิดสงคราม แต่ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศจะมีต่อเนื่อง
ทั้งนี้คาดว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่หากสถานการณ์เลวร้ายราคาน้ำมันจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 80-100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งปริมาณน้ำมันสำรองในประเทศไทยสามารถใช้ได้ประมาณ 2 เดือน โดยภาวะเช่นนี้ปตท.ต้องเข้ามารับภาระเรื่องค่าการตลาด แต่ให้ความมั่นใจได้ว่าจะดูแลทั้งผู้ถือหุ้นและภาคประชาชนให้เกิดสมดุล

นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนลหรือ ICC เปิดเผยถึงทางออกในยุคน้ำมันแพงว่าบริษัทมีการปรับตัวระบบบริหารและจัดการภายในองค์กรอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันโดยบริษัทได้รับผลตอบรับดีสังเกตได้จากยอดขายไตรมาส 1/49 เพิ่มขึ้น 26%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเติบโตไม่ถึง 20%
ทั้งนี้ยังคงเป้ารายได้ปี 49 อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 10-15% เมื่อเทียบกับปีก่อนมีรายได้กว่า 1.1 หมื่นล้านบาทหรือมียอดขายเติบโตทุกไตรมาสประมาณ15%เพราะบริษัทจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ทำให้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากน้ำมันแพง เนื่องจากสินค้าดังกล่าว เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
นายธีระพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยนโฟรเซ่น จำกัด (มหาชน)หรือ TUF เปิดเผดถึงปัญหาน้ำมันแพงในขณะนี้ว่า ส่งผลต่อผู้ประกอบการหลายรายซึ่งบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบดังกล่าวเช่นกันจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ดังนั้นคงต้องมีการทบทวนเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะค่าขนส่ง นอกจากนั้นปัจจุบันอุตสาหกรรมการส่งออกประสบปัญหาเยอะไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นรวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ บริษัทต้องขยายตลาดรวมถึงปรับเพิ่มมูลค่าสินค้าเพื่อลดปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างไรก็ดี แม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์ แต่สกุลเงินยูโรยังคงแข็งค่าอยู่ดังนั้นถือว่ายังได้รับผลดีจากการส่งออกสินค้าไปยังอียู
เราจำเป็นต้องปรับราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น สินค้าส่งออกของบริษัทยังคงขยายตัวต่อเนื่อง เพราะเป็นที่นิยมมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะอเมริกานายธีระพงศ์กล่าว

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:47cfa6aa21">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com