ไทยฮีทเอ็กซ์เช้นจ์ หุ้นร้อนที่กำลังถูกจับตาว่าจะเป็นหนทางสร้างความมั่งคั่งของ ขาใหญ่ 16 ราย ที่เข้ามาลงทุน ด้วยการเดินเกมใหม่ของ ชำนิ จันทร์ฉาย หนึ่ง ใน 10 อรหันต์วงการเหล็ก


บมจ. ไทยฮีทเอ็กซ์เช้นจ์ (THECO) นับเป็นหุ้นร้อนอีกตัวที่ถูกส่งตรงมาจาก กลุ่มฟื้นฟูกิจการ ผู้ผลิตชิ้นส่วนแอร์บ้าน แอร์รถยนต์ ที่จ่อคิวย้ายกลับมาโลดแล่นบนกระดาน หมวดยานยนต์ ในเดือนพฤษภาคม นี้

หุ้นนี้กำลังถูกจับตาว่า จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการสร้างความมั่งคั่งให้กับ คนเฉพาะกลุ่ม

โฟกัสไปที่ กลุ่มทุนใหม่ 16 ราย ซึ่งเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจงรวม 513 ล้านหุ้น ในราคา 1 บาท ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ ในเดือนเมษายน 2549 ท่ามกลางราคาหุ้นในตลาด ขณะนั้นที่ยืนอยู่เหนือระดับ 1.80 บาท

โดยบริษัทได้เปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนจากเดิม 232.27 ล้านบาทเป็น 1,000 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่า บริษัทยังสามารถเพิ่มทุนได้อีก 282 ล้านหุ้น ทั้งการขายเฉพาะเจาะจง หรือ ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ

การเพิ่มทุนที่ผ่านมาส่งผลให้ ตระกูลชัยวิกรัย กลุ่มผู้ผลิตสิ่งทอรายใหญ่ของประเทศ (กลุ่มฟาร์อีสท์) และ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บล.ฟาร์อีสท์ กลายเป็นผู้ครอบครองหุ้น THECO มากที่สุด ผ่าน ยุพิน ชัยวิกรัย และ โสพิน ชัยวิกรัย จำนวนกว่า 264 ล้านหุ้น คิดเป็น 38.6%

ทั้งนี้ กลุ่มชัยวิกรัย ยังได้ชวนพรรคพวกอย่าง นิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร หรือรู้จักกันดีในชื่อ เสี่ยไฮเทค กรรมการบริหารบริษัท ไฮ-เทค แอพพาเรล จำกัด เข้ามาร่วมถือหุ้นด้วยจำนวน 34 ล้านหุ้น หรือ 4.97%

สมศักดิ์ ศรีธนวิบุญชัย เป็นนักลงทุนกระเป๋าหนักอีกรายที่ เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน THECO จำนวน 60 ล้านหุ้น หรือ 8.77% เขาผู้นี้คือขาใหญ่ซื้อขายหนักมากในปีที่ผ่านมา โดยทุ่มเงินเป็นร้อยล้าน เพื่อเข้าซื้อหุ้น SOLAR (ช่วงราคาสูงกว่า 10 บาท) ก่อนขายทำกำไรอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับ หุ้น ASP ที่เขาเคยถือมากถึง 18 ล้านหุ้น หรือ 0.91% และยังเคยถือหุ้น GBX ยุคเฟื่องฟูมากถึง 22.87 ล้านหุ้น หรือ 2.15%

ยังมี ชำนิ จันทร์ฉาย อดีตมือขวาของ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ที่หันไปเอาดีทางด้านการเป็นบริษัทที่ปรึกษา ซี.เจ.มอร์แกน เคยอยู่เบื้องหลังการการปรับโครงสร้าง บมจ. ปุ๋ยเอ็นเอฟซี (NFC) เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน THECO จำนวน 39.5 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.77% พร้อมกับการเข้ารับตำแหน่ง ประธานกรรมการ ขับเคลื่อนบริษัท

นอกจากนี้ยังปรากฏชื่อกลุ่มนักธุรกิจชื่อดังเข้าร่วมถือหุ้น อาทิเช่น สุมิตร ชาญเมธี กรรมการและอดีตผู้ถือหุ้น บริษัท ระยองเพียวรีฟายเออร์ (RPC) สมาน อิทธิจารุกุล ญาติ สุชาดา อิทธิจารุกุล กรรมการผู้จัดการ สยามแม็คโคร (MAKRO) รวมไปถึง ศิริวัฒน์ อนันต์คูศรี กลุ่มของ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง

การตัดสินใจลงทุนของบรรดานักลงทุนกลุ่มนี้ในหุ้น THECO ดูเหมือนจะซื้อเพียงแค่สภาพการเป็นบริษัทจดทะเบียน มากกว่าการเข้ามาเพราะเห็นอนาคตธุรกิจดั่งเดิม อย่าง ชิ้นส่วนแอร์บ้าน แอร์รถยนต์ แต่อย่างใด

...เพราะจะว่ากันตามจริง ธุรกิจชิ้นส่วนแอร์ นี้ยังต้องเผชิญกับภาวะแข่งขันที่สูงมาก และรายได้จากธุรกิจปีละ 300 ล้านบาท หรือเต็มที่ 800 ล้านบาท (เต็มกำลังการผลิต) นี้ก็ดูเหมือนจะน้อยเกินไป กับจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาล

จุดมุ่งหมายของนักลงทุนเหล่านี้จึงมุ่งไปสู่ ราคาหุ้น มากกว่าสิ่งอื่นใด

ชำนิ จันทร์ฉาย ประธานกรรมการ บริษัท บอกว่า ขณะนี้ ไทยฮีทเอ็กซ์เช้นจ์ กำลังอยู่ในขั้นการเจรจาลงทุนในธุรกิจเหล็ก กำลังผลิต 2-3 แสนตันต่อปี โดยมีความคืบหน้าในการเจรจาถึง 90% แล้ว จะใช้งบลงทุนประมาณ 200-300 ล้านบาท

เขาบอกว่า การดำเนินธุรกิจเหล็กขณะนี้ จะสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัทอย่างมาก เนื่องจากราคาเหล็กเส้นปัจจุบันอยู่ในช่วงขาขึ้น จาก 2 เดือนก่อนราคาตันละ 15,300 บาท ปัจจุบันราคาได้ปรับตัวขึ้นเป็นตันละ 18,500 บาท

ทั้งนี้เนื่องจากผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของจีนได้ปรับราคาเหล็กทุกชนิดขึ้น 15-20% ขณะที่ความต้องการเหล็กโลกก็ยังมีอยู่

อยากจะให้ดูว่าเป็นโอกาส แม้เมกะโปรเจคจะดีเลย์ แต่การลงทุนตอนนี้เมื่อถึงเวลาเราก็สามารถที่จะคว้างานได้ทันที ซึ่งผมมีความถนัดเรื่องเหล็กดี ถือว่าเป็นบุคลากร 1 ใน 10 ของประเทศที่มีความรู้จริงเรื่องเหล็ก

ไม่เพียงเท่านั้น ชำนิ ยังมองการณ์ไกลไปถึงขั้นการก้าวกระโดด ด้วยการเข้าลงทุนในบริษัทเหล็กต่างๆ ตามเทรนด์ควบรวมเหล็กที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้

เราอยากให้การเติบโตของ ไทยฮีท เป็นเจ้าของโรงเหล็กหลายแห่ง ผมอยากที่จะโตทางนี้

ชำนิ ยอมรับว่า การดำเนินธุรกิจเหล็กเส้น จะทำให้มีรายได้มากกว่าธุรกิจดั่งเดิมมาก และในอนาคตอาจทำให้บริษัทต้องย้ายมาอยู่หมวดก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นผลดีกับบริษัท เพราะค่าเฉลี่ยพี/อีของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง สูงถึง 10-14 เท่า สูงกว่ากลุ่มยานยนต์

คุณก็เดาได้ง่ายๆ รายได้จะเป็นเท่าไหร่ เอาราคาต่อตันมาคูณกับกำลังการผลิต ความจริงมูลค่าเหล็กมันใหญ่กว่าแอร์มาก

นี่คือสัญญาณการก้าวกระโดด ท่ามกลางความกังวลว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ จะอาศัยการโหมกระแส ชิ่งหนีบริษัทนี้หลังครบไซเลนท์พีเรียด 1 ปีหรือไม่

ชำนิ บอกว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ได้มีการพูดคุยกันว่าจะลงทุนระยะยาว ไม่ใช่ตีหัวเข้าบ้าน แต่โอกาสที่จะขายหุ้นก็เป็นไปได้ หากในอนาคตบริษัทมีกำไรและราคาหุ้นขึ้นไปสูง แต่ไม่ใช่ในระยะสั้น แน่นอน

เขาบอกว่า กลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนเป็นกลุ่มที่มีเงินเย็น ซึ่งพวกเขาต้องการผลตอบแทนที่มากกว่า 8-9% ผลตอบแทนที่จะได้จากการลงทุนบอกได้เลยว่ามากกว่า ตัวเลขสองหลัก

ส่วนการเข้ามาของกลุ่มชัยวิกรัย ซึ่งมีประวัติการเก็บหุ้นร้อนนั้นเชื่อว่า ไม่ใช่กลุ่มปั่นหุ้นแน่นอน

ผมไม่วิจารณ์เขานะ แต่ถ้าผมมีเงินเย็น ก็มาลงทุนในหุ้นเทิร์นอะราวด์แล้วมีโอกาสกำไร 100% เป็นผมผมก็เอา สำหรับกลุ่มชัยวิกรัยจะเป็นไงไม่สำคัญ สำคัญอยู่แค่ว่า เรื่องปั่นหุ้นจะต้องไม่มี มือระดับนี้ ผมรู้ว่าใครปั่นหุ้น ผมไม่เอาเข้ามา มันเสียชื่อผม

ชำนิ บอกด้วยว่า การขึ้นมาของหุ้น THECO ที่ผ่านมานั้น เป็นเพราะว่าเกิดจากการเก็งกำไรของคนที่รู้ข่าวว่าเราจะกลับมา ซึ่งทางบริษัทก็ได้มีการส่งรายชื่อต่างๆ ไปให้ตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบย้อนหลังแล้วในช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ไม่มีการเกี่ยวข้องของกลุ่มนักลงทุนใหม่

หลังจากหุ้น THECO ออกจากฟื้นฟูกิจการแล้ว อาจจะส่งผลทางจิตวิทยา ให้นักลงทุนสนใจมากขึ้น เพราะทิศทางธุรกิจชัดเจน ส่วนจำนวนหุ้นที่เยอะขึ้นมาจากการเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นใหม่นั้นจะไม่มีผลอะไร เนื่องจากทุกคนติดไซเลนท์ พีเรียด ดังนั้นจำนวนหุ้นหมุนเวียนในตลาดจึงมีอยู่เท่าเดิม

ฟฟฟฟ3

ขอบคุณค่ะ ... ( ตอบคนที่สอง..... .0008 .0008 .0008 )