May 4, 2024   4:11:32 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เกมราคาหุ้นN-PARKรอบใหม่
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 04/05/2006 @ 07:18:15
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

จากรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่หลังการปิดสมุดทะเบียนครั้งล่าสุด ของบริษัท แนเชอรัลพาร์คจำกัด(มหาชน)หรือN-PARK มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างเห็นได้ชัดโดยจะแบ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นในส่วนของนักลงทุนสถาบันต่างชาติ กับกลุ่มตระกูล จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีความเกี่ยวข้องการเมือง โดยที่ทั้ง 2 กลุ่มมีสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น[/color:0a42a368f1">

โดยสิ่งที่น่าจับตาเป็นพิเศษของการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของต่างชาติ ที่เข้ามาในนามของ MORGAN STANLEY & CO INTERNATIONAL LIMITED ครั้งนี้จะเป็นตัวจริงที่เข้ามาลงทุนโดยตรงหรือไม่ หรือไม่เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกตีความได้ว่าเป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์(custodian) ที่ถือหุ้นแทนใครบ้างคนที่ไม่ต้องการออกหน้า เพราะยังไม่มีเหตุผลที่แน่ชัดของการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น

ในขณะที่อีกด้านของกลุ่มตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีน้าหลานนักลงทุนขาใหญ่ประจำตลาดหุ้นไทยอย่าง โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ และทวีฉัตร จุฬางกูร ที่เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มในครั้งนี้ จะเป็นการเข้ามาถัวเฉลี่ยต้นทุนราคาหุ้นที่ถืออยู่เดิม ให้ต่ำลงหรือไม่
ทั้งนี้จะมีความเป็นไปได้เพียงใด ที่มีกระแสข่าวลืออย่างหนาหูว่า ทั้ง 2 กลุ่มเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกัน โดยมีความต้องการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่ม แต่ต้องการหลีกเลี่ยงการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ซึ่งมีเป้าหมายการลงทุนแบบระยะสั้น ที่พุ่งเป้าไปที่ประเด็นของ N-PARK ที่จะได้รับส่วนต่างกำไรหลังการขายหุ้นบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือBMCL ที่ถืออยู่ในมือจำนวน 1,066 ล้านหุ้น ก่อนที่จะดันตลาดหุ้นในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม คำถามดังกล่าวข้างต้นยังหาผู้ตอบอย่างชัดเจนไม่ได้ มีแต่เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์


-ต่างชาติถือหุ้น
จากรายชื่อโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ล่าสุดของบมจ. แนเชอรัล พาร์ค หรือ N-PARKมีการเปลี่ยนโครงสร้างแบบมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของ MORGANSTANLEY & CO INTERNATIONAL LIMITED กลายเป็น 8.19 % จากเดิมถืออยู่ 1.29% จากสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวทำให้กองทุนสัญชาติอเมริกัน ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 รองจาก E-STREET PRORERTIES LIMITED ในขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ก็มีสัดส่วนการถือหุ้นที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

การเข้ามาถือหุ้นของ MORGAN STANLEY ครั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นคัสโตเดียนที่ผู้ลงทุนไม่ต้องการที่จะออกหน้า เพราะจากการสอบถามผู้บริหารของบริษัทถึงประเด็นการเข้ามาถือหุ้นของกลุ่มนักลงทุนสถาบันดังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการเข้ามาพูดคุยบ้างหรือไม่ ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับเป็นว่า ไม่ได้รับการติดต่อหรือพูดคุยกับผู้บริหารกองทุนดังกล่าวเลย
เพราะโดยปกติแล้ววิสัยทัศน์การลงทุนของสถาบันก่อนที่จะเข้ามาลงทุนในบริษัทใดก็ตามจะต้องมีการศึกษา และมีการขอเข้าพบกับผู้บริหารของบริษัทนั้นๆ เพื่อขอทราบถึงทิศทางและแผนธุรกิจการเติบโตในอนาคต ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด

ทั้งนี้มีความเป็นไปได้อีกทางว่า MORGAN STANLEY ต้องการเข้ามาถัวเฉลี่ยต้นทุนราคาหุ้นที่ติดอยู่ในราคาที่สูงกว่า 1 บาท ซึ่งการโยนเม็ดเงินลงทุนเข้ามา 100 ล้านบาทถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้กองทุนสัญชาติอเมริกัน สนใจเข้ามาลงทุนในหุ้น N-PARKในเมื่อพื้นฐานของบริษัทยังคงมีปัญหาเรื้อรังให้แก้อยู่อีกมาก
นอกจากนี้ยังมีบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด เข้ามาถือหุ้นรวมเป็น 7.01 %จากเดิมที่มีอยู่ 1.34 % ซึ่งคงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมบริษัทประกันภัยแห่งนี้ถึงเข้าไปลงทุนในหุ้นพร็อพเพอร์ตี้ตัวนี้เพิ่มเติม เพราะเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่ากลุ่มตระกูลวิริยะพันธ์ มีความสัมพันธ์ในเชิงพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มของทางกลุ่มผู้ถือหุ้นของN-PARK

โดยเป็นที่สังเกตว่าการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนของN-PARK เรามักจะเห็นการเข้าไปถือหุ้นของกลุ่มวิริยะพันธ์ ตามไปด้วยทุกครั้งเสมอ อาทิ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)หรือSIRI บริษัท ฟินันซ่า จำกัด(มหาชน)หรือFNS ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ในขณะที่ยังมีธุรกิจนอกตลาดของกลุ่มN-PARK ที่จะมีพันธมิตรอย่างกลุ่มวิริยะประกันภัย เข้าไปถือหุ้น ซึ่งถือเป็นตัวแทนของกลุ่มตระกูลวิริยะพันธ์อย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม เรายังได้เห็นการเข้ามาของกลุ่มคัสโตเดียน อย่าง THAILANDSECURITIES DEPOSITORY COMPANY LIMITED FOR DEPOSITOR ก็เข้ามาถือหุ้นเพิ่มเป็น 2.68 % จากเดิมถืออยู่ 1.24 % รวมถึงกลุ่ม UBS AG SINGAPORE,BRANCH-PBSECURITIES CLIENT CUSTODY ก็ถือเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ถือหุ้น 1.09 %

จากรายชื่อผู้ถือหุ้นที่เปิดเผยในนามของศูนย์รับฝากรับทรัพย์แห่งประเทศไทย กับ UBSของสิงคโปร์ 2 รายนี้ คงจะกล้าฟันธงได้อย่างเต็มปากเลยทีเดียว ว่าเป็นคัสโตเดียนอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้ กลุ่มที่สร้างความน่าประหลาดใจที่เข้ามาถือหุ้นครั้งนี้ด้วย คือนายทวีฉัตรจุฬางกูร หลานชายของนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นพี่ชายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อุตสาหกรรม ในฐานะรักษาการ

โดยนายทวีฉัตร กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 9 โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 3.02 %จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ 0.53 % .ในขณะที่นายโกมล ได้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 1.08 % จากเดิมถือหุ้นอยู่ 0.97 %

ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่า นายทวีฉัตรนักลงทุนรายใหญ่ของตลาดหุ้นไทย มักจะมีพอร์ตการลงทุน โดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทจดทะเบียนที่มากถึง 23 บริษัท ซึ่งแต่ละบริษัทล้วนแล้วแต่จะเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงสูงทั้งนั้น อาทิ SAFARI ,BFIT ,NWR ,TRAF ,MIDA ,KMC,WIN,FNS ,NMG,CNT , PONG,RS,BLC,ASP,SAMART,GRAND, CSL, SAMTEL,NOBLE, SIM และMACO

ขณะที่นายโกมลก็มีความโด่งดังในเรื่องของการเข้าไปลงทุนในหุ้นเก็งกำไรไม่แพ้กันโดยล่าสุดได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ EWC ไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามเป็นที่สังเกตว่า การเข้ามาถือหุ้นของกองทุนต่างชาติแบบคัสโตเดียนนั้นรวมถึงการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของกลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจ ครั้งนี้ จะเป็นการกระทำที่สวนทางกับนางสว่าง มั่นคงเจริญ อดีตผู้บริหารที่ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงจากเดิม 8.94 % เหลือเพียง5.21 %

-คัสโตเดียนกลุ่มการเมือง??
จากกระแสข่าวลืออย่างหนาหู บวกกับสมมิตฐานที่ถูกตั้งขึ้นมาจากผู้ที่อยู่ในวงการโบรกเกอร์ มีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามา อย่าง MORGAN STANLEY & COINTERNATIONAL LIMITED , THAILAND SECURITIES DEPOSITORY COMPANYLIMITED FOR DEPOSITOR และ UBS AG SINGAPORE,BRANCH-PB SECURITIESCLIENT CUSTODY ล้วนแล้วเป็นตัวแทนของกลุ่มการเมืองที่ลงทุนในหุ้น N-PARK

สำหรับเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น เนื่องจากต้องการที่จะหลีกเลี่ยงเกณฑ์การทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ เพื่อครอบงำกิจการ หลังจากที่กลุ่มบุคคลๆ เดียวถือหุ้นเกิน 25 %ประกอบกับไม่ต้องการที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับการเข้าไปลงทุนในหุ้น N-PARK ที่มากมายขนาดนี้

การเข้าลงทุนของกลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องการเมืองครั้งนี้ เพื่อต้องการหวังผลจากการเก็งกำไรในราคาหุ้นเท่านั้น เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้จากการแกว่งตัวของราคาหุ้นจะมีสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่า หุ้นที่มีราคาสูงกว่า 1 บาท ซึ่งแน่นอนเลยว่าผลตอบแทนที่ตามมาก็จะมากขึ้นตามด้วย

ทั้งนี้ในปัจจุบันยังไม่มีการชี้ชัดว่ากลุ่มจะเป็นกลุ่มทุนใดที่อยู่เบื้องหลังคัสโตเดียนเหล่านั้นรู้แต่เพียงว่าเป้าหมายของเกมราคาหุ้นรอบใหม่นี้ จะมีประเด็นของการเข้ามาไล่เก็บหุ้นก่อนหน้าที่ N-PARK จะรับรู้ส่วนต่างจากการขายหุ้น BMCL
นอกเหนือจากประเด็นดังกล่าวแล้ว ยังไม่เห็นอะไรที่เป็นดอกผลที่จะหวังเป็นแหล่งที่เพิ่งในการเติบโตของบริษัทในอนาคต

-ข่าวดีที่เหลืออยู่
จากการเปิดเผยข้อมูลของนาย เสริมสิน สมะลาภา ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ. แนเชอรัล พาร์ค หรือ N-PARK ยอมรับว่า ตอนนี้บริษัทถือหุ้นบมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) อยู่ 1,066 ล้านหุ้น มีที่ต้นทุน 1.52 บาท
โดยประเมินว่าบริษัทน่าจะได้เงินจากการขายหุ้น BMCL ประมาณ 1,800-1,900ล้านบาท ที่จะนำมาลดหนี้ให้กับบริษัท ในปีนี้ได้

ทั้งนี้บริษัท ได้มีการพยายามที่จะเร่ง บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการขายหุ้น BMCL จากแผนเดิมที่จะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม เพื่อนำเม็ดเงินที่ได้จากการขายหุ้นไปใช้ในการชำระหนี้กับสถาบันการเงิน ซึ่งการที่ BMCL ยังไม่สามารถขายหุ้นได้ เนื่องจากปัญหาทางการเมือง ส่งผลให้นักลงทุนที่สนใจซื้อหุ้น BMCL ทั้งนักลงทุนจากประเทศอังกฤษหรือเอเชีย ได้ชะลอการการตัดสินใจซื้อหุ้นออกไปซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อแผนการชำระหนี้ของบริษัท

โดยบริษัทเป็นหนี้กับธนาคารกรุงไทยและธนาคารนครหลวงไทยซึ่งรวมกันมีมูลหนี้ประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท และบริษัทจะนำเม็ดเงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอ BMCL ไปใช้ในการชำระหนี้ซึ่งคาดว่าจะสามารถชำระหนี้กับธนาคารนครหลวงไทยได้หมด ส่วนหนี้กับธนาคารกรุงไทยนั้นคงชำระได้บางส่วน

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:0a42a368f1">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com