- จ่อลดค่าคอมฯ ตั้งมาร์เก็ต เมกเกอร์ดึงลูกค้า
โบรกเกอร์อนุพันธ์เร่งเสริมมาตรการจูงใจนักเก็งกำไร หวังดึงเข้ามาเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด ระบุขอเวลาประเมินภาวะการซื้อขาย 1-2 เดือนก่อนทบทวนการจัดเก็บค่าคอมมิชชั่น พร้อมตั้งมาร์เก็ตเมกเกอร์ขึ้นมาดูแลการซื้อขาย ระบุปัจจุบันมีโบรกไม่ต่ำกว่า10 รายสนใจ พร้อมยื่นขออนุญาต TFEX เร็วๆนี้

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ดีบีเอสวิคเคอร์ส ประเทศไทย จำกัด ในฐานะประธานชมรมผู้ประกอบการธุรกิจซื้อขายสัญญาล่วงหน้า กล่าวว่าบริษัทสมาชิกของตลาดอนุพันธ์จะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน เพื่อประเมินทิศทางและมูลค่าการซื้อขายของตลาดอนุพันธ์ หลังจากนั้นจะมีการทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการซื้อขายตราสารอนุพันธ์(ค่าคอมมิชั่น)ที่เรียกเก็บจากลูกค้าทั่วไปและลูกค้าสถาบันว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ และจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรให้เหมาะสมกับสภาพตลาด

ตอนนี้เป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของตลาดอนุพันธ์ต้องให้เวลาซักระยะประมาณ 1-2เดือน ทางชมรมอาจจะมีการทบทวนค่าคอมมิชั่นว่าระดับที่เรียกเก็บปัจจุบัน เหมาะสมหรือไม่ และมีวิธีใดที่จะใช้เพิ่มสภาพความคล่องให้ตลาดนางภัทธีรา กล่าว

ทั้งนี้ปัจจุบันทางชมรมกำหนดให้บริษัทสมาชิกจัดเก็บค่าคอมมิชชั่นมาตรฐาน สำหรับลูกค้าทั่วไป 500 บาทต่อสัญญา แต่หากใน 1 เดือนลูกค้ามีการซื้อขายมากกว่า 100 สัญญาจะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 300 บาทต่อสัญญา ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่เรียกเก็บจากนักลงทุนสถาบัน ขณะเดียวกันบริษัทสมาชิกยังได้มีการหารือกันถึงแนวทางที่จะเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดอนุพันธ์

โดยโบรกเกอร์สมาชิกส่วนใหญ่ได้เสนอให้มีการจัดตั้งผู้ดูแลสภาพคล่อง (มาร์เก็ตเมกเกอร์)ขึ้นมาทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้มีโบรกเกอร์ไม่น้อยกว่า 10 ราย ที่แสดงความสนใจรับเป็นมาร์เก็ตเม็กเกอร์ โดยจะมีการยื่นขออนุญาตกับบริษัทตลาดอนุพันธ์(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX เร็วๆ นี้

นางภัทธีรา กล่าวต่อว่าเชื่อว่าไม่เกิน 1 ปีตลาดอนุพันธ์จะมีทิศทางที่ดีขึ้น มูลค่าการซื้อขายในตลาดเพิ่มขึ้น เฉลี่ยอยู่ในระดับ 1,000 สัญญาต่อวันแน่นอน เนื่องจากตลาดอนุพันธ์ถือว่าเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงที่ดีและเป็นเครื่องมือที่สำคัญ แต่สาเหตุที่ในช่วงนี้ตลาดอนุพันธ์ยังมีสภาพคล่องต่ำ เพราะเพิ่งเปิดดำเนินการได้เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ขณะที่นักลงทุนยังเข้ามาเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์สมาชิกไม่มาก ส่วนนักลงทุนสถาบันก็ยังเข้ามาซื้อขายในตลาดไม่มากเช่นกัน

เนื่องจากต้องรอทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)อนุญาตให้ซื้อขายก่อน และมีนักลงทุนสถาบันบางส่วนรอให้ตลาดมีสภาพคล่องมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก่อนจึงจะเข้ามาซื้อขาย

ระยะแรกต้องยอมรับว่าโบรกเกอร์ยังประสบผลขาดทุนอยู่ เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ยังเบาบาง โดยหากมูลค่าการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์อยู่ในระดับ 1 พันสัญญาต่อวัน คาดว่าโบรกเกอร์จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ที่จะถึงจุดคุ้มทุนนางภัทธีรา กล่าว

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจำนวนโบรกเกอร์สมาชิกในตลาดอนุพันธ์จำนวน 20 แห่ง เพียงพอสำหรับรองรับการซื้อขายในระดับ 1,000 สัญญาต่อวัน และหากจะมีโบรกเกอร์สมาชิกเพิ่มเข้ามาอีก 6 แห่ง ก็เชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มสภาพคล่องของตลาดให้มากขึ้น เนื่องจากเวลานี้ยังมีนักลงทุนในตลาดอนุพันธ์ไม่มากนัก

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:6e0a13a557">