16 พ.ค.ลุ้นไทยออพติคอลฯ รอดหรือร่อแร่ตามหุ้น TRT
* ผู้บริหารโว ยืนเหนือจองได้ คุยลูกค้าต่างชาติเตรียมลุยซื้อ...


ได้ฤกษ์น้องใหม่ หุ้นแว่นตาไทยออพติคอล กรุ๊ปเข้าเทรดอีกราย อังคารที่16 พ.ค.นี้
หลังรุ่นพี่ TRTเทรดต่ำจองไปก่อนหน้าเมื่อสัปดาห์ก่อน
บิ๊กTOG ยัน หุ้นไม่ซ้ำรอย TRT ยืนเหนือจองที่ 2.80 บาทแน่
เหตุศักยภาพบริษัท ฟุ้งมีลูกค้าต่างชาติของบริษัทจ่อคิวซื้อแน่เชื่อภาวะตลาดรวมไม่สะเทือนหุ้น
เพราะมั่นใจสถานการเมืองก็คลี่คลายแล้วตั้งเป้ารายได้ปีนี้ โตมากกว่า 5-10%
ขณะที่อันเดอร์ไรท์ เชื่อหุ้นเหนือจองเช่นกัน หลังเปิด จองได้รับการตอบรับจากนักลงทุนดี

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2549 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ได้แจ้งว่าคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ได้สั่งให้รับหุ้นสามัญของบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2549 เป็นต้นไป
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงเห็นควรกำหนดให้หุ้นสามัญของบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)
จำนวน 400,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 400,000,000 บาท
ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้โดยจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคหมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์
และใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า TOG โดยกำหนดให้เริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2549 เป็นต้นไป

ทั้งนี้หุ้น TOG ถือเป็นหุ้นตัวที่ 2 ซึ่งจะเข้าซื้อขายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
หลังจากเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา บมจ.ถิรไทย (TRT) เพิ่งเข้าซื้อขายมา
และก็น่าผิดหวังสำหรับราคาหุ้นที่ไม่สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 5.75 บาท
เพราะฉะนั้นการการเข้าซื้อขายของ TOG ในวันอังคารที่จะถึงนี้ จึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่าจะเดินรอยตามหุ้น TRT หรือไม่
เมื่อมองจากภาวะโดยรวมในขณะนี้ทั้งเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นแม้าจะส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มน้ำมัน
แต่ขณะเดียวกันราคาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจมากรวมไปถึงปัจจัยการเมือง
ซึ่งดูเหมือนจะคลี่คลายเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีวินิจฉัยให้เลือกตั้งใหม่

และการแนะนำให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลาออกเพื่อเปิดทางให้มีกกต.ชุดใหม่เข้ามาดูแลการเลือกตั้งแทน
แต่เมื่อยังไม่ทีท่าจากกกต. ชุดปัจจุบัน และท่ามกลางการกดดันจากหลายฝ่าย
และล่าสุดการออกมาบอยคอตของพรรคฝ่ายค้านอีกครั้งหนึ่งที่จะไม่ยอมเข้าร่วมประชุมกับกกต. เพื่อกำหนดวันเลือกตั้งในวันจันทร์ที่ 15 พ.ค.นี้
จึงทำให้สถานการณ์ทางการเมืองเกิดความอึมครึมขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะฉะนั้นในภาวะเช่นนี้จึงย่อมส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้นในวันที่ 16 พ.ค.นี้จึงต้องติดตามภาวะการเมืองในวันที่ 15 พ.ค.อย่างใกล้ชิดว่าจะออกมาในรูปแบบใด
หากสามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ และได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายได้
ก็จะส่งผลดีต่อภาวะตลาดโดยรวม และน่าจะส่งผลต่อเนื่องมายังหุ้น TOG ที่จะเข้าซื้อขายด้วยเช่นกัน
หากภาวะตลาดโดยรวมดีแต่หากความชัดเจนยังไม่เกิดขึ้น และยังมีปัจจัยลบอื่นๆตามมาอีกก็คงต้องพึ่งพื้นฐานของธุรกิจเป็นหลัก

* ผู้บริหาร เชียร์นลท.ซื้อ ระบุพื้นฐานแจ่ม-แนวโน้มโตต่อเนื่อง

ดร.สว่าง ประจักษ์ธรรม ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยออพติคอล กรุ๊ป หรือ (TOG)
เปิดเผยกับ eFinancethai.com ว่าบริษัทมีความมั่นใจว่า...
ราคาหุ้น TOGเมื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 16 พ.ค. 2549 จะสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2.80 บาทได้
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้หุ้นบมจ.ถิรไทย (TRT) เข้าซื้อขายในตลาดฯแล้วราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจอง
โดยมองว่านักลงทุนมีความเข้าใจในธุรกิจ อีกทั้งบริษัทยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีมีแนวโน้มการการเติบโตที่มั่นคง

อย่างไรก็ดี การที่หุ้นTOG ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โดยจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคหมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์นั้น
แม้ว่าจะเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยมีนักลงทุนเข้ามาซื้อขายมากนักแต่เชื่อว่าหุ้น TOG จะทำให้กลุ่มดังกล่าวได้รับความสนใจมากขึ้น

เชื่อว่ากลุ่มเวชภัณฑ์ เป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยแอ๊กทีฟ
แต่เราเชื่อว่าหุ้นTOGน่าจะทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในกลุ่มนี้มากขึ้น ด้วยชื่อเสียงของบริษัทที่เป็นที่รู้จักของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
และมองว่าน่าจะมีลูกค้าต่างประเทศสนใจเข้ามาซื้อหุ้น TOG ดูจากการที่ได้มีการพูดคุยและสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก ดร.สว่าง กล่าว
เขากล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า5-10% จากปีก่อนที่มี รายได้ 1,022 ล้านบาท
เนื่องจากบริษัทฯจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่และได้คำสั่งเสนอซื้อจากลูกค้ารายใหม่เพิ่มเข้ามาโดยจะเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้

สำหรับสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ไม่ส่งผลกระทบกับมาร์จิ้นและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ
เนื่องจากบริษัทฯ มีการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ทำให้มีความสมดุลระหว่างรายรับกับรายจ่าย

หากปีนี้ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 38-40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะไม่ส่งผลกระทบกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯมากเท่าไร
แต่หากแข็งค่าขึ้นมากกว่านี้ บริษัทฯก็จะพยายามขายสินค้าในประเทศให้มากขึ้นดร.สว่าง กล่าว

สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้เพื่อนำเงินที่ได้มาชำระค่าที่ดิน
ตามสัญญาซื้อขายที่ดินลงทุนขยายกำลังการผลิตเลนส์นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูงในสายการผลิตที่4
โดยทำการลงทุนซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มเติม
และเงินทุนที่เหลืออีกส่วนหนึ่งจะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯและบริษัทย่อย ทดแทนเงินกู้จากสถาบันการเงิน

*อันเดอร์ไรท์-ที่ปรึกษา ประสานเสียงหุ้นแจ๋ว เหนือจองชัวร์

นายพรทัต อมตะวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บล.กรุงศรีอยุธยา (AYS)ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น TOG
กล่าวว่ามีความมั่นใจว่าราคาหุ้นไอพีโอที่ 2.80 บาท จะยืนเหนือจองได้เมื่อหุ้นเข้าทำการซื้อขาย
เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีโดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเลนส์แว่นตาเป็นอันดับ 4 ของโลก
และปัจจุบันบริษัทมียอดการจำหน่ายในต่างประเทศ 93% และในประเทศ7%
แต่สำหรับในส่วนของในประเทศนั้นแม้ว่าจะมีสัดส่วนการจำหน่ายน้อยแต่กลับมีวอลุ่มการสั่งซื้อเข้ามามากถึง 30% ของยอดขายที่มี
อีกทั้งขณะนี้บริษัทยังหันมาผลิตเลนส์กันกระแทกที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าเลนส์ปกติอีกด้วย

เรามั่นใจในพื้นฐานของบริษัท อีกทั้งตอนเปิดจองก็ได้รับการตอบรับสูง
ดังนั้นจึงเชื่อว่าการเข้าเทรดวันแรกราคาหุ้นจะยืนเหนือจองได้แน่นายพรทัตกล่าว

สำหรับในกรณีที่บริษัทเข้าเทรดอยู่ในกลุ่มเวฃภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมนั้น
เขากล่าวว่าแม้ในประเทศจะไม่ได้รับความสนใจ
แต่สำหรับในต่างประเทศแล้วกลุ่มนี้ถือว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากโดยมีค่าพี/อี และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง
เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจเมื่อหุ้น TOGเข้าซื้อขายน่าจะทำให้กลุ่มนี้กลับมาคึกคักมากขึ้น

ด้านม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบล.กรุงศรีอยุธยา(AYS)
ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของ TOG กล่าวว่า ในวันเปิดเทรดวันแรกราคาหุ้น TOG จะสามารถยืนเหนือราคาจองซื้อได้
เนื่องจากราคาไอพีโอเป็นระดับราคาที่ต่ำ และราคาดังกล่าวกำหนดในช่วงทีสถานการณ์การเมืองยังไม่คลี่คลาย
หากในวันที่ 16 พ.ค. 2549 การเมืองคลี่คลายมากขึ้นก็จะเป็นปัจจัยบวกกับการซื้อขาย
นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งที่มีความต้องการหุ้นTOG แต่อาจจะไม่ได้จองซื้อ น่าจะเข้ามาซื้อหุ้นในกระดาน

สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัทฯ ณ วันที่ 10 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2549 มีดังนี้

ชื่อ จำนวนหุ้น ร้อยละของทุนชำระแล้ว
1. กลุ่มตระกูลประจักษ์ธรรม 1/ 283,130,000 70.79
2. ซิน ควาน ออพติคอล พีทีอี ลิมิตเต็ด 5,000,000 1.25
3. นางศรีสมร อัศวนิก 5,000,000 1.25
4. นางเสาวภา ปุณวัฒนวิทย์ 5,000,000 1.25
5. นางวิไล ชัยอำนวย 4,500,000 1.13
6. นายปริญญ์ จิราธิวัฒน์ 3,500,000 0.88
7. บริษัท นิฮอน เซมิสุ จำกัด 3,000,000 0.75
8. นายไพรัช เมฆอาภรณ์ 2,500,000 0.63
9. นายศักดิ์ชัย อนันตประกร 2,500,000 0.63
10. นายภิญโญ วิชยภิญโญ 2,005,000 0.50
รวม 316,135,000 79.06

ส่วนผู้ถือหุ้นต่างด้าว ณ วันที่ 10 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2549
บริษัทมีผู้ถือหุ้นต่างด้าว 26 ราย ถือหุ้นรวมกัน14,329,400 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 3.58 ของทุนจดชำระแล้ว

** หมายเหตุ บริษัทมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นต่างด้าวตามข้อบังคับของบริษัทฯหมวดที่3 ในข้อ 16. ว่า
หุ้นของบริษัทสามารถโอนได้โดยไม่มีข้อจำกัด
เว้นแต่การโอนหุ้นนั้นเป็นเหตุให้มีคนต่างด้าวถือหุ้นในบริษัทเกินกว่าร้อยละ 49ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด

[b:c0f866f784">ขอบคุณค่ะ.... .0005

ส่งออกเยอะตั้ง 93% ค่าเงินแข็ง ๆ ก็ไม่ค่อยจะดีจิ..
แต่มีออเดอร์ในประเทศเพิ่ม... แถมจะผลิตเลนซ์กันกระแทกเพิ่มด้วย...ดูดีนิ
ขอแนะนำหลานดำไปซื้อเลนซ์ใหม่ดีก่า..ป้องกันหมัดกระแทกหน้างัย.... .000b

ใครจาซื้อหุ้นตัวนี้ก็ตัดสินใจเองนะจ๊ะ ..อิอิ ไม่รุ่งก็ร่วง..แหง๋ ๆ .0000 [/color:c0f866f784">[/b:c0f866f784">

ลุ้นให้เปิดเหนือจองได้ก็ยังดี สงสารคนจองจัง ถ้าเปิดต่ำกว่าจองไม่รู้จะออกยังไง เล่นหุ้นจองเดี๋ยวนี้เหนือยจังนะ ตัวนี้รอดหรือไม่รอด วันที่ 18 มีหุ้น sec เข้ามาอีกตัว ตัวนี้ได้จองมาเห็นหุ้นนำร่องไปก่อนหน้าแล้ว หนาวจังเลย ไม่น่าเกรงใจรับมาเลย ไม่จำ ไม่จำ แบบนี้ต้องตีตัวเองซะแล้ว .0002 .0002 .0002 .0002 .0002 .0002

[quote:5e1121f860=innocent">[b:5e1121f860">ขอบคุณค่ะ.... .0005


ขอแนะนำหลานดำไปซื้อเลนซ์ใหม่ดีก่า..ป้องกันหมัดกระแทกหน้างัย.... .000b [/color:5e1121f860">[/b:5e1121f860">[/quote:5e1121f860">

หลอกล่อๆๆ
อย่างมากก้อ...ตีหลังกาเล่น[/color:5e1121f860">[/size:5e1121f860">