จับตาเกมต่อรองราคาหุ้น ไอทีวี ระหว่าง เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ กับ เศรษฐีคนไทย หลังศาลปกครองกลางตัดสิน ไอทีวี แพ้คดี โบรกฯคาดราคาหุ้นมีสิทธิดิ่งลงต่อ ต่ำกว่า 5 บาท..ขณะที่ ชินคอร์ป อาจโดนกดราคา (ขาย) ได้เท่าราคา ต้นทุน หุ้นละ 6 บาท


ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าว(ลือ)มาตลอดว่ามี เศรษฐีใหญ่ระดับชาติ สนใจหุ้น ไอทีวี โดยต้องการสถานีโทรทัศน์แห่งนี้มาต่อยอดอาณาจักรธุรกิจ (แสนล้าน) ของตัวเอง โดยรอให้ผลการตัดสินของศาลปกครองกลางออกมาก่อน ซึ่งคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า..ไอทีวี จะ แพ้คดี

จากนั้นราคาหุ้นก็จะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง มาสู่ระดับราคาที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ประเมินกันไว้ว่า ราคาเหมาะสมของหุ้นไอทีวี น่าจะต่ำกว่า 5 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาต้นทุนของ ชินคอร์ป อยู่ที่หุ้นละ 6 บาท ทำให้การเจรจาต่อรอง เพื่อเสนอซื้อที่ราคา ต้นทุน 6 บาท ทำได้ง่ายขึ้น

ในเบื้องลึกมีการประเมินกันว่า ไม่ว่าผลตัดสินจะ แพ้ หรือ ชนะ เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ของรัฐบาลสิงคโปร์ คงไม่ยอมขายหุ้น ขาดทุน..ทั้งๆที่อยากขายออกไป แต่ต้องการขายในราคา 10 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาเดียวกันกับที่ ชินคอร์ป เคยเสนอขาย (หุ้นเพิ่มทุนจำนวน 300 ล้านหุ้น) ให้กับ ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์ และ บริษัท กันตนา กรุ๊ป

ตัวแปรของเกมการต่อรองราคาของฝ่าย ชินคอร์ป น่าจะอยู่ที่ อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม แห่งแกรมมี่ ที่ก่อนหน้านี้ ก็มีการ โยนหินถามทาง ไปแล้วครั้งหนึ่งว่า สนใจ..ไอทีวี เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจบันเทิงครบวงจรของตัวเอง

ส่วนจะเป็น ฉากหน้า ให้ใคร..? หรือไม่นั้น ก็เป็นประเด็นที่คาดว่า อากู๋ จะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน..เหมือนเคสซื้อ ลิเวอร์พูล

ถ้าพิจารณาในแง่ราคาหุ้น หาก ไอทีวี ยังเป็นของรัฐบาลสิงคโปร์อยู่ ไม่ว่าจะพลิกเกมต่อสู้รูปแบบไหน ก็ไม่มีทางชนะคดี นั่นเท่ากับว่า ราคาหุ้นไอทีวีจะถูก กด ให้ต่ำเตี้ย..โดยไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้

แต่ถ้าไอทีวีกลับมาเป็นของ คนไทย (ปัจจุบันชินคอร์ปของสิงคโปร์ถืออยู่ 52.93%) โอกาสที่ ไอทีวีจะยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุด..แล้วผลลัพธ์จะออกมาแบบ บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น ใช่ว่าจะไม่มีทาง

...นั่นแสดงว่าราคาหุ้นไอทีวี ย่อมไม่ใช่ 4-5 บาท อย่างที่โบรกเกอร์ประเมินแน่ๆ

ประเด็นที่น่าสนใจที่สุด ก็คือ มูลค่ากิจการไอทีวี ควรจะเป็นเท่าไร

หากประเมินด้วยวิธีการเทียบเคียงกับ ช่อง 3 และ ช่อง 9 ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เหมือนกัน

ขณะนี้ บีอีซี เวิลด์ (BEC) ของตระกูลมาลีนนท์ มีมูลค่ากิจการ (มาร์เก็ตแคป) 30,000 ล้านบาท เทรดกันที่ พี/อี 34 เท่า แพงที่สุดในกลุ่ม ส่วน อสมท (MCOT) ของรัฐบาล มีมูลค่ากิจการ 25,000 ล้านบาท เทรดกันที่ พี/อี 22 เท่า ย่อมเยาลงมาหน่อย

ขณะที่ ไอทีวี มีมาร์เก็ตแคป 7,900 ล้านบาท (ณ ราคาปิด 6.55 บาท) เทรดกันที่ พี/อี 11-12 เท่า เพราะฉะนั้นถ้า ไอทีวี กลับมาเป็นของ คนไทย แล้ว ไอทีวี ยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุด..ผลออกมาแบบ พบกันครึ่งทาง ถ้าราคาหุ้นไอทีวี เทรดกันที่ พี/อี ประมาณ 20 เท่า ราคาหุ้นก็มีสิทธิที่จะกระโดดขึ้นไปยืนแถวๆ 12-13 บาทได้ไม่ยาก และไม่เหนื่อย

...เหตุนี้ ไอทีวี ยังมีราคาค่างวดซ่อนอยู่ (มาก) อยู่ที่ว่า ใคร..? จะเป็น ตัวแปร (คนไทยที่ไม่ใช่นอมินีสิงคโปร์)

ขณะที่ในมุมมองของโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ แนะนำให้ หลีกเลี่ยงการลงทุน เพราะการที่ศาลปกครองพิจารณาเพิกถอนคำตัดสินของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่ตัดสินให้ไอทีวีชำระค่าสัปทานลดลงจากปีละ 1 พันล้านบาท เหลือ 230 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นจะทำให้ไอทีวีจะต้องจ่ายค่าสัปทานย้อนหลังและภาระอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ปีย้อนหลัง รวมแล้วประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท

และจะทำให้กิจการของ ไอทีวี กลับมา ขาดทุน เหมือนเดิม

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของบล.ซิกโก้ ได้กำหนดราคาเป้าหมายไว้ กรณีที่ไอทีวีแพ้คดี โดยปรับลดราคาเป้าหมายเหลือเพียง 1.50 บาท (กรณี Worst Case) บล.พัฒนสิน ปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 2.04 บาท บล.ซีมิโก้ ให้ราคาเป้าหมาย 4 บาท บล.ธนชาติกำหนดราคาเป้าหมาย 4.50 บาท และบล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เหลือ 5.20 บาท

ภาพที่โบรกเกอร์มองนั้นดูค่อนข้าง น่ากลัว และ เข้าทางปืน ของ เจ้าสัวใหญ่ ซึ่งมีกระแสข่าวว่า ก็ต้องการเห็นผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้เหมือนกัน

ยิ่งมีรายงานของ นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช ที่ระบุว่าเม็ดโฆษณาในช่วงไตรมาส 1 ของ ไอทีวี ลดลงประมาณ 6.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน สวนทางกับอุตสาหกรรมที่โตขึ้น 6% ก็ยิ่งทำให้หุ้นไอทีวีน่าจะ ทรง กับ ทรุด ต่อ

ภายใต้วิกฤติกลับแฝงไว้ซึ่งโอกาส ถ้าผลการเจรจาต่อรอง (คาดว่าที่สิงคโปร์) เป็นจริงดังที่มีกระแสข่าวเล็ดลอดออกมาก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นไอทีวี จะดีดตัวขึ้น หักปากกาเซียน ทุกด้ามให้เห็น

ความหูไวของ ณฤทธิ์ เจียอาภา เจ้าของบริษัท ซีเฟรชอินดัสตรี (CFRESH) ที่เข้ามาแอบเก็บหุ้นไอทีวี ไว้ก่อนหน้า จำนวนมากถึง 24.58 ล้านหุ้น (2.04%) และ เสี่ยปู่ สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล ที่เข้ามาเก็บหุ้นไว้จำนวนถึง 8.30 ล้านหุ้น (0.69%) แม้จะมาถูกทาง..แต่อาจจะเข้าเร็วไปนิด ซึ่งทั้ง 2 คนย่อมต้องเห็นแสงสว่างอะไรบางอย่างที่อยู่ปลายอุโมงค์..ที่นักวิเคราะห์ก็ยังมองไม่เห็น

ประเด็นที่ซ่อนปมไว้..คำตัดสินของศาลปกครอง ยังไม่ใช่ข้อยุติทางด้านกฎหมาย ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไอทีวีในเชิงโครงสร้างได้ เกมนี้จะยืดไปถึงการพิจารณาจนถึงขั้นสูงสุด และอาจนำไปสู่การที่ให้ ไอทีวี แก้ไขข้อผิดพลาดในสัญญาได้

ระหว่างนี้ก็จะมีแรงกดดันมาจาก คณะกรรมการรณรงค์เพื่อปฏิรูปสื่อ (คปส.) ที่ต้องการดึง ไอทีวี กลับมาสู่เจตนารมณ์ตามสัญญา โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการห้ามต่างชาติถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารมวลชน ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 40

บทสรุปชัดเจนว่า เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ของสิงคโปร์ ต้องออกจาก ไอทีวี (แน่ๆ) แต่ก็ยากที่ ไอทีวีจะกลับมาสู่เจตนารมณ์เดิมในการเป็น ทีวีเสรี ที่มีพื้นที่ ข่าว มากกว่า สาระบันเทิง

สิ่งที่นักลงทุนจะได้เห็น ก็คือ นายทุน คนใหม่ ที่เป็นคนไทย ที่ไม่มีวันนำ ไอทีวี กลับมาเป็น ทีวีเสรี อย่างที่คนไทยฝันอยากให้เป็น

[b:f7aae8a384">เกมส์ซ้อนซ่อนเงื่อน....แมงเม่าตามไม่ทันง่ะ...

ดีนะที่ไม่หลงติดบ่วงเกมส์นี้... .0006 [/color:f7aae8a384">[/b:f7aae8a384">

[quote:4047186539">บทสรุปชัดเจนว่า เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ของสิงคโปร์ ต้องออกจาก ไอทีวี (แน่ๆ) แต่ก็ยากที่ ไอทีวีจะกลับมาสู่เจตนารมณ์เดิมในการเป็น ทีวีเสรี ที่มีพื้นที่ ข่าว มากกว่า สาระบันเทิง

สิ่งที่นักลงทุนจะได้เห็น ก็คือ นายทุน คนใหม่ ที่เป็นคนไทย ที่ไม่มีวันนำ ไอทีวี กลับมาเป็น ทีวีเสรี อย่างที่คนไทยฝันอยากให้เป็น[/quote:4047186539">

อืมมมมมม......[/color:4047186539">[/size:4047186539">

อย่างนี้การตัดสินของศาลมันก็ยังไงอยู่ ถ้าเป็นของต่างชาติถือหุ้นก็เป็นอีกแบบ ถ้าเป็นของคนไทยก็อีกแบบ น่าจะเป็นการตัดสินที่ใช้ความรู้สึกมากไปหน่อยนะ แต่อย่างไรสุดท้ายรายย่อยตายอย่างเดียวหุ้นอย่างนี้ต้องหนีให้ไกลแบบอย่างของ ไอทีวี เริ่มเหมือนกับ ทีพีไอ นอกจากใครคิดว่าตัวเองไวกว่าคนอื่นๆ ก็เข้าไปได้ แต่ส่วนตัวไม่เอาดีกว่าจ๊ะ .0001 .0001 .0001

มีความเห็นเช่นเดียวกะคุณย่าค่ะ หุ้นแบบนี้ ไปไกล ๆ ดีก่าค่ะ

.0009 .0003