P_aud สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 531 | วันที่: 26/05/2006 @ 11:06:59 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ผู้ถือหุ้นรายใหญ่1. กระทรวงการคลัง 1,000,000,000 หุ้น 70.00%2. STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY 42,512,097 หุ้น 2.98%3. HSBC BANK PLC-CLIENTS GENERAL A/C 41,959,400 หุ้น 2.94%4. DBS NOMINEES A/C SELETAR INVESTMENT PTE 31,697,000 หุ้น 2.22%5. NORTRUST NOMINEES LTD. 31,481,400 หุ้น 2.20%คณะกรรมการ1. ดร.ศรีสุข จันทรางศุ ประธานกรรมการ 2. นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ 3. ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม กรรมการ 4. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กรรมการ5. ศาสตราจารย์วรศักดิ์ กนกนุกูลชัย กรรมการ
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ AOT ได้ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2549 มีกำไรสุทธิ 3,731 ล้านบาท หรือ 2.61 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,619 ล้านบาท หรือ 1.83 บาทต่อหุ้น
สาเหตุที่กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมสนามบินและค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินเพิ่มขึ้นมาที่ 2,664 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,177 ล้านบาท
ประกอบกับค่าเครื่องอำนวยความสะดวก ค่าเช่าสำนักงานและอสังหาริมทรัพย์รายได้เกี่ยวกับบริการ และรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ ล้วนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้รวมปรับมาที่ 4,278 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3,611 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งสูงถึง 1,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 956 ล้านบาท ซึ่งเป็นอีกกำลังหนุนให้กำไรสุทธิเติบโต
ขณะที่ค่าใช้จ่ายพนักงานอยู่ที่ 505 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 458 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับมาที่ 648 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 525 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้นเพียง 10% เท่านั้น จาก 1,549 ล้านบาท ปรับมาที่ 1,722 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของยอดรายได้รวม ถือว่าอยู่ในสัดส่วนที่น้อยมาก
แม้ว่ากำหนดการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิจะเลื่อนออกไป คาดว่ามีผลกระทบน้อยมากกับAOT เพียงแต่การรับรู้รายได้อาจลดลงไปบางส่วนเท่านั้น ด้วยเหตุที่ว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจผูกขาด และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งคาดว่าแนวโน้มการขยายตัวของการท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ปัจจัยร้ายๆ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
เมื่อพิจารณาในส่วนของกำไรสะสม 40,247 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้นที่ระดับ 69,072ล้านบาท เทียบกับหนี้สินที่มีอยู่ 73,328 ล้านบาท ต้องถือว่า ค่า D/E ที่ระดับ 1.06 เท่าสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีความเสี่ยงในการดำเนินงานพอสมควร แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้สำหรับธุรกิจที่จะมีผลกำไรเติบโตในอนาคต
รวมทั้งสินทรัพย์หมุนเวียนที่มีเป็นจำนวน 26,832 ล้านบาท โดยอยู่ในรูปเงินสดและเงินฝากธนาคาร 20,368 ล้านบาท คือ เครื่องการันตีอัตราหมุนเวียนทางการเงินที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ
ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นในช่วงนี้ต่างชาติเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ยากที่ AOT จะสามารถสวนกระแสมาได้ซึ่งทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาที่ 55 บาท แนวโน้มคาดว่าจะยังคงทรุดตัวลงไปอีกโดยมีแนวรับสำคัญที่ 50 บาท นักลงทุนที่อยากได้หุ้นดีพื้นฐานแกร่งต้องไม่พลาด
ที่มา:
ข่าวหุ้น
|