???? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,238 | วันที่: 26/05/2006 @ 23:49:41 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต แนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี 2549 จะชะลอตัว เนื่องจากผลกระทบของราคาน้ำมันแพง อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มชะลอลงแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง การส่งออกและการท่องเที่ยวจะได้รับผลดีจากการขยายตัวของประเทศคู่ค้า ได้แก่ สหรัฐ ญี่ปุ่น อังกฤษ จีน และ อินเดีย ที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสูง
การลงทุนมีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากภาวะการเมืองที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้การเบิกจ่ายงบลงทุนในโครงการลงทุนใหม่ต้องล่าช้าออกไป
ส่วนการลงทุนภาคเอกชน ภาคการก่อสร้างมีแนวโน้มชะลอตัวลง จากภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง และต้นทุนการก่อสร้างพิ่มขึ้น ขณะที่การลงทุนเพื่อขยายการผลิตในบางอุตสาหกรรมมีแนวโน้มจะต้องขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีการใช้กำลังการผลิตใกล้เต็มกำลังการผลิตแล้ว ได้แก่ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นกลาง, อุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่เป็น Down stream, รถยนต์เพื่อการพาณิชย์, รถมอเตอร์ไซค์, ยางรถยนต์, เครื่องปรับอากาศ และแผงวงจรไฟฟ้า
แนวทางการลงทุน
เศรษฐกิจไทยถูกกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น ภาวะราคาน้ำมันแพง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐได้ปรับเพิ่ม FED FUND Rate ในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในระยะยาว จากการอ่อนลงของค่าเงินดอลลาร์ เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยให้มีแนวโน้มชะลอตัวลงในครึ่งหลังของปี 2549
เราคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น การบริโภคและการลงทุนที่ชะลอตัว ปัจจัยบวกที่ยังสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเพิ่มขึ้นได้ ได้แก่ การขยายตัวในอัตราสูงของประเทศคู่ค้า เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น อังกฤษ จีน และอินเดีย ซึ่งจะมีผลให้การส่งออกและการท่องเที่ยวในปีนี้ขยายตัวดี
เราคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวประมาณ 4 - 4.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจาก 4 - 5% จากการประมาณการครั้งก่อนเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2548
เรายังเชื่อมั่นในจุดแข็งของเศรษฐกิจไทย ได้แก่ ศักยภาพการผลิตและส่งออก ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และ อุตสาหกรรมรถยนต์ การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มสูงขึ้น พิจารณาได้จากอัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับสูง โดยมีค่าเฉลี่ยประมาณ 79.8% ซึ่งทำให้การจ้างงานเพิ่มขึ้น ยังไม่มีปัญหาการว่างงาน ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาวในระดับ 4-5%
แนวโน้มไตรมาสสอง และครึ่งปีหลัง
เราคาดว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้จะชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 1 โดยมีปัจจัยราคาน้ำมันแพง เงินเฟ้อสูง อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้การบริโภคและการลงทุนชะลอตัว และคาดว่าเศรษฐกิจจะยังชะลอตัวต่อเนื่องไปถึง ไตรมาสที่ 3-4 เนื่องจากการเมืองยังไม่นิ่ง การเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลต้องล่าช้าออกไป ทำให้การใช้จ่ายลงทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจทำได้ไม่เต็มที่
ในขณะที่เศรษฐกิจเริ่มส่อเค้าจะชะลอตัวลงยาวนานกว่า 2 ไตรมาส ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองเริ่มส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ จะเห็นได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์เริ่มปรับตัวลง และนักลงทุนต่างประเทศมีการขายหุ้นทำกำไร
|