ความผันผวนเที่ยวนี้ เกิดจากปัจจัยด้านต่างประเทศ
ที่เฮดจ์ฟันด์ทั่วโลก โยกเงินออกจากตลาดทุนไปเข้าตลาดเงิน
เพราะเก็งกันว่าเฟดจะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นอีก
เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ ดอลลาร์ก็พลอยแข็งค่าขึ้นอย่างเฉียบพลัน

* หากตลาดหุ้นไทย มีขนาดใหญ่กว่านี้สักหน่อย ก็คงพอรับมือไหวกับการทุบหุ้นของต่างชาติ
แต่นี่เป็นตลาดไซส์เล็ก ฝรั่งทุบหุ้นเมื่อใด ก็พร้อมจะยุบตัวเมื่อนั้น
ในขณะเดียวกันยามฝรั่งจะปั่นหุ้น ก็ใช้เงินนิดเดียว โยกหุ้นไม่กี่ตัว เดี๋ยวหุ้นก็เขียวได้ทั้งตลาด

* ภารกิจหาหุ้นขนาดใหญ่ เข้ามาเสริมฐานรากตลาด ที่กิตติรัตน์ ณ ระนอง ทำค้างไว้
จำเป็นต้องได้รับการสานต่อจากภัทรียา เบญจพลชัย ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่

* เมื่อไหร่ตลาดหุ้นไทย มีมาร์เก็ต แคปส์สัก 6-7 ล้านล้านบาท
เทียบเท่ากับจีดีพีของประเทศ ก็มีความหวังจะลดความแปรปรวนของตลาดได้มากกว่านี้

* กรณีเบียร์ช้าง ที่ปล่อยมาร์เก็ต แคปส์ หลุดลอยไปให้สิงคโปร์ถึง 2 แสนล้านบาท
ถ้าทนง พิทยะ และ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาลสวมหัวใจผู้กล้าสักหน่อย
ตลาดทุนไทย ก็คงไม่พลาดโอกาสใหญ่หลวงขนาดนี้

และขอโทษที! ประเทศชาติก็คงไม่ต้องสูญเสียคนดีมีฝีมืออย่างกิตติรัตน์ ณ ระนองไป
แต่นี่ดูจะเสียดายกิตติรัตน์กันแต่ปาก ไม่กล้าจะคิดชนกับความงี่เง่าไร้เหตุผลของกลุ่มกองทัพธรรม มหาจำลอง
ถึงต้องสูญเสียทั้งคนและโอกาสไปเช่นนี้

* เบียร์ช้างไม่เข้าตลาดหุ้นไทย แต่ก็ได้เงินจากการระดมทุน 3 หมื่นกว่าล้านบาท
กลับเข้ามาขยายงานในประเทศอยู่ดี แล้วจะต่อต้านไปหาพระแสงอะไร

* เสียเบียร์ช้างไป 2 แสนล้าน แต่ได้โรงกลั่นระยอง 5 หมื่นล้านเข้ามา ดูยังไง ก็ได้ไม่คุ้มเสีย
ตลาดหลักทรัพย์น่ะใช้ความพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว
แต่รัฐมนตรีคลังและเลขาฯก.ล.ต. เอาแต่ลอยตัวเหนือปัญหา
ขอให้เป็นบทเรียนราคาแพงครั้งสุดท้ายเถอะ

* ตลาดหุ้นรอดตัวอย่างหวุดหวิดจากการหลุด 700 จุด เอาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ต่างชาติลดการเทขายลงมา จากระดับ 4-5 พันล้านบาท เหลือ 2 พันกว่าล้าน
ดัชนีดีดกลับขึ้นมา 16 จุด ช่วยคลายอารมณ์ท้อแท้ได้ทันเวลาดีแท้

* เบื้องหลังความใจดีผิดปกติ ที่โอราฬ คูหาเปรมกิจ
ยอมยกมาร์เก็ตติ้ง 114 คน ติดตามช่วงชัย ณะวงษ์ไปอยู่ฟินันซ่า
ที่แท้ก็เพื่อการแลกเปลี่ยนให้ฟินันซ่า ซื้อห้องค้า 11 สาขาของบล.โกลเบล็กซ์ไปนั่นเอง
มิน่าเล่า ถึงจากกันด้วยดีแบบผิดปกติอีกเหมือนกัน

* โอราฬก็ได้ดาวน์ไซส์ธุรกิจ เป็นโบรกเกอร์เรจ เฮ้าส์เพื่อรายใหญ่สมประสงค์
ส่วนช่วงชัย ก็ได้ทำงานในแนวรักแนวถนัด คือ ปั๊มลูกค้ารายย่อยให้กับฟินันซ่าต่อไป
ส่วนสองหนุ่มดูโอวราห์ สุจริตกุล และ วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ก็ได้งานลูกค้ารายย่อย มาเสริมงานไอบี
ที่เชี่ยวชาญอยู่แล้วให้ครบเครื่อง หุ้น FNS ถึงได้ขึ้นเอาๆ

* เจอความผันผวนของตลาด หุ้นเอกรัฐวิศวกรรม ก็ถอดใจ
ขอเลื่อนกระจายหุ้น เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้วพร้อมกับหุ้นอีก 2 ตัว
คือ จัสมิน เทเลคอม ซิสเทม และ เจแปน เรนท์ ขอเลื่อนไม่มีกำหนด
ส่วน BMCL จะรอดูใจอีกทีว่า จะขอเลื่อนอีกหรือไม่

* ยามนี้หุ้นน้องเปิ้ล สดใสกาววาวมาก หมดห่วงเรื่องจังซีลอนไปแล้ว
เพราะกองทุนรีแคปจากสิงคโปร์เข้ามาใช้หนี้แทนให้

* เงินสกุลต่างๆในเอเซีย เริ่มแข็งค่ากลับคืนสู่ระดับปกติอีกแล้ว
ดอลลาร์ก็ไหลอ่อนลงไปอย่างที่เคยเป็น น่าจะถือเป็นสัญญาณว่า
การแตกตื่นโยกย้ายเงินของเฮดจ์ฟันด์ออกจากตลาดทุนไปยังตลาดเงิน เพลามือลงไปบ้างแล้ว
ตลาดหุ้นไทย น่าจะมีรีบาวน์ดกันได้ในสัปดาห์นี้

....