April 29, 2024   5:30:18 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > Hard Landing @ ตลาดหุ้นไทย
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 01/06/2006 @ 16:00:24
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

Hard Landing @ ตลาดหุ้นไทย

--------------------------------------------------------------------------------

ทิศทางดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้นเกิดสัญญาณการอ่อนตัวของราคาหุ้นที่รุนแรงโดยมีการทำจุดต่ำ
ๆ กว่าแนวรับทางด้านจิตวิทยาบริเวณ 700 จุด ทำให้แนวโน้มการลงทุนในระยะสั้นยังค่อนข้างเปราะบางตามบรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นโลก และปัจจัยเดิม ๆ ที่ยังคงกระตุ้นให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเนื่องจากยังขาดความมั่นใจต่อทิศทางการเมืองและเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ในระยะสั้น

ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดที่ระดับ 709.43 ลดลง 4.53 จุดโดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 14,009 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่ราคาปิดเพิ่มขึ้นมี 78 หลักทรัพย์ ลดลงมี 320 หลักทรัพย์ อีก 45 หลักทรัพย์ราคาปิดไม่เปลี่ยนแปลง ดัชนีสูงสุดระหว่างวัน 710.36 ลดลง 3.60 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 698.30 ลดลง 15.66 จุด
ภาพการปิดของดัชนีอาจจะมีแรงซื้อกลับเข้าไปในช่วงปิดตลาดทำให้ภาพดัชนีในภาพสัญญาณ Candle Stick เกิดสัญญาณ Hammer ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่า มีแรงซื้อกลับเข้ามาบริเวณดัชนีต่ำกว่า 700 จุด แต่จะสามารถทำให้ตลาดหุ้น หยุดล่องใต้ และเดินทางขึ้นเหนือได้หรือไม่ต้องติดตามตอนต่อไป

ปัจจัยที่กดดันการลงทุนระยะสั้นนอกจากเป็นเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว ภาวะตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะการปรับตัวลงของตลาดหุ้นหลัก ๆ ทั่วโลกได้ทำให้กองทุนต่าง ๆ มีการปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดอเมริกา ยุโรปและเอเซีย ราคาหุ้นส่วนใหญ่ต่างมีแนวโน้มลดลง ซึ่งตัวแปรที่กดดันตลาดหุ้นโลกส่วนใหญ่เป็นเรื่อง ราคาน้ำมัน และทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในแนวโน้มขึ้นทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกแทบทุกประเทศ

สำหรับการปรับตัวของตลาดหุ้นไทยนั้น นอกเหนือจากปัจจัยที่กล่าวถึงส่วนหนึ่งยังเป็นผลจากแรงกดดันจากการบังคับขายหุ้น หรือ Force Sell ของเงินลงทุนในระบบเครดิตบาลานซ์ (Margin) ซึ่งหากมูลค่าหลักทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนของลูกค้าในส่วนของ Equity เทียบกับสินทรัพย์หรือเงินลงทุนในหุ้น (Assets) ต่ำกว่าระดับ 35 % จะมีการเรียกให้นักลงทุนมีการวางหลักประกันเพิ่ม หากลูกค้าไม่วางหลักประกันเพิ่มและราคาหุ้นลดลงจนอัตราส่วนมาร์จินต่ำกว่า 25% จะมีการบังคับขายหุ้นออกเพื่อลดความเสี่ยงของผู้ให้สินเชื่อและลูกค้าทำให้โบรกเกอร์ต้องบังคับขายหุ้นออกส่วนหนึ่งเพื่อลดความเสี่ยง

เป็นที่น่าสังเกตว่า ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีการฟื้นตัวในไตรมาสแรก ต่อเนื่องมาจนกลางไตรมาสที่สอง ประสบภาวะเดียวกันคือ ราคาหุ้นลดลงอย่างรุนแรง (Hard landing) ทั้งนี้คาดว่าเหตุผลหลักมาจากเรื่อง
ความไม่มีเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก อันเกิดจากวิกฤติราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยที่กระทบต่อต้นทุนการผลิต นอกจากนี้การเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน ทองคำ และโลหะมีค่า อย่างรุนแรง เมื่อมี ความผันผวนเกิดขึ้น จึงทำให้มีการปรับลดการลงทุนอย่างรุนแรง และกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากสวนใหญ่จะมีการเชื่อมโยงการลงทุนและการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่ผ่านตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับตลาดหุ้นไทย แม้ว่าไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากตามตลาดหุ้นโลก เนื่องจากมีข้อจำกัดด้วยปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ แต่เมื่อตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ก็มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เราจะพบว่า แรงขายจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติสะสมในช่วง 2 -3 สัปดาห์ที่ผ่านมายังคงเป็นไปอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ขณะที่ภาคทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะกองทุนรวมต่าง ๆ และนักลงทุนรายย่อยยังอยู่ในภาวะที่กำลังซื้อหดตัว

สำหรับตัวแปรที่นักลงทุนระยะสั้นยังคงต้องติดตามเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิดคือ 1.แรงขายของนักลงทุนต่างชาติมีหยุดสนิทแล้วหรือไม่ และมีการกลับทิศทางจากขายกลับมาซื้อหรือไม่ 2.ให้สังเกตดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ หากยังคงมีการทำจุดต่ำใหม่ ต่ำกว่า 698 แสดงว่าการลงยังไม่สิ้น หากจะมีการเก็งกำไรให้สังเกตุการทรงตัวของหุ้นนำตลาดขนาดใหญ่ หรือบริเวณดัชนี 680 ซึ่งเป็นแนวรับของเส้นแนวโน้มหลัก
หากต่ำกว่านี้แสดงว่าตลาดยังไม่คลายความกังวลเกี่ยวกับข่าวร้าย 3.ให้สังเกตเกี่ยวกับนโยบายของภาครัฐต่อตลาดหุ้น ว่ามีการริเริ่มนโยบายเกี่ยวกับการเข้ามาสนับสนุนตลาดระยะสั้นหรือไม่ เช่น การตั้งกองทุนใหม่เข้ามา หรือการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน หากยังไม่มีกิจกรรมดังกล่าวแสดงว่าตลาดระยะสั้นยังขาด ดีมานด์ ในลักษณะลงทุนเข้ามา 4.สังเกตุอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทและดอลลาร์หากแนวโน้มยังคงอ่อนตัวยังเป็นเหมือนดัชนีฟ้องการไหลออกของเงินทุน 5.บรรยากาศหุ้นของตลาดโลก มีโอกาสตีกลับทางเทคนิคหรือไม่ หากมีการฟื้นตัวแรง ๆ มากกว่า 100 จุดขึ้นไปสำหรับตลาดหุ้นหลัก เช่น อเมริกา ยุโรป และเอเซีย
อาจจะทำให้ตลาดฟื้นได้ในลักษณะ การเข้ามาเก็งกำไรของ Bargain Hunters ที่คงเข้ามาในลักษณะ ฉาบฉวย มากกว่าการถือครองหุ้นนาน ๆ เพราะเหตุผลที่เข้ามาเป็นเพียง การเก็งกำไรระยะสั้น
เนื่องจากราคาหุ้นปรับลดลงเร็วเกินไป

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักเก็งกำไรอาจจะเตรียมพร้อมสำหรับการคัดเลือกหุ้นที่จะเก็งกำไรการตีกลับทางเทคนิคระยะสั้น โดยหุ้นเป้าหมายควรเป็นหุ้น ปัจจัยพื้นฐานดี สภาพคล่องในการลงทุนสูง ราคาหุ้นมีส่วนต่างมากพอที่จะทำกำไรได้ และหากตลาดหุ้นไม่ดีอาจจะสามารถถือครองได้ โดยไม่ต้องวิตกเวลาต้องไปทำธุระส่วนตัวที่จำเป็น ส่วนนักลงทุนระยะกลางและนักลงทุนคาดว่ายังควรถือครองเงินสดรอให้ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพ
ด้านเศรษฐกิจและการเมืองจึงเพิ่มน้ำหนักการลงทุน

หุ้นเป้าหมายที่น่าติดตามให้เน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีประเภท แถวหน้า หลังจากตลาดนิ่ง ค่อยหันไปพิจารณาหุ้นเกรดรองลงมา และหุ้นกลุ่มเก็งกำไร คาดว่าจะอยู่ใน ท้ายขบวนของการลงทุน ตัวที่น่าติดตามเช่น BBL SCB KBANK SCC PTT PTTEP SCC KEST ASP PHATRA TOP เป็นต้น

ขอบพระคุณในข้อมูล / นสพ.ทันหุ้น

 กลับขึ้นบน
mr.w
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 490
#1 วันที่: 02/06/2006 @ 11:19:48 : re: Hard Landing @ ตลาดหุ้นไทย
หลักทรัพย์ มานดีเหรอครับท่านหลอด

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com