May 4, 2024   12:04:38 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ***....รวบรวมข่าว ....***
 

??????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
วันที่: 02/06/2006 @ 09:01:11
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

กสท.โทรคมนาคมเลื่อนเข้าตลาดหุ้นอย่างไม่มีกำหนด

กสท.กำหนดเข้าตลาดหลักทรัพย์ในเดือนพ.ค.49
แต่ต้องเลื่อนแบบไม่มีกำหนดเนื่องจากต้องรอนโยบายของรัฐบาลใหม่
รวมถึงกฎเกณฑ์ของกทช.ไม่นิ่ง

นายสมพล จันทร์ประเสริฐ รักษาการกรรมการผู้จัดกรใหญ่ บมจ.กสท.โทรคมนาคม กล่าวว่า
การเข้าตลาดหุ้นของกสท.คงจะต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ทั้งจากที่บริษัทต้องรอนโยบายของรัฐบาลใหม่
รวมถึงกฎเกณฑ์ของกทช.ยังไม่นิ่ง และกสท.ยังอยู่ระหว่างการสรรหา CEO คนใหม่

ประกอบกับบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย
ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ CDMA ภายใต้ชื่อ HUTCH

นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงินกสท.กล่าวว่า
กสท.จะเจรจากับ HUTCH แล้วเสร็จใน 4-5 เดือนข้างหน้า
โดยจะเจรจาทั้งเรื่องโครงข่ายและการตลาดว่าจะร่วมกันทำธุรกิจต่อไปอย่างไร
เนื่องจาก CDMA ของกสท.ที่จะให้บริการในส่วนภูมิภาค 51 จังหวัด
คาดว่าจะเปิดให้บริการในปีหน้านั้นจะทำการตลาดด้วยกันอย่างไร

ปัจจุบัน HUTCH ให้บริการอยู่ใน 25 จังหวัดในภาคกลาง
ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแบรนด์ใหม่ หรืออาจใช้แบรนด์ของ HUTCH

 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#1 วันที่: 02/06/2006 @ 09:03:37 : re: ***....รวบรวมข่าว ....***
โรงกลั่นน้ำมันระยองซื้อขายในตลาดดีเดย์ 5 มิ.ย.นี้

บริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) (RRC)
เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป

ตลาดหลักทรัพย์จึงเห็นควรกำหนดให้หุ้นสามัญของบริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน)
จำนวน 2,794,989,202 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท
รวม 27,949,892,020 บาท ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้

โดยจัดอยู่ในกลุ่ม อุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค
และใช้ชื่อย่อ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า RRC
ทั้งนี้กำหนดให้เริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป

หมายเหตุ : ผู้ลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลบริษัทได้จากสรุปข้อสนเทศของบริษัท
นระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ (SETSMART) และhttp://www.set.or.th nt-rrc.txt
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#2 วันที่: 02/06/2006 @ 09:06:38 : re: ***....รวบรวมข่าว ....***
บสก.ซื้อเอ็นพีแอลจาก บบส.ออมทรัพย์ มูลค่า 200 ล้านบาท

บสก.ลงนามในสัญญารับซื้อรับโอนเอ็นพีแอลจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ออมทรัพย์
มูลค่า 200 ล้านบาทจากจำนวนลูกหนี้ 40 ราย

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) กล่าวว่า
วันนี้ (1 มิ.ย.) บสก.ได้ลงนามในสัญญารับซื้อรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (เอ็นพีแอล)
จากบริษัทบริหารสินทรัพย์ออมทรัพย์ มูลค่า 200 ล้านบาทจากจำนวนลูกหนี้ 40 ราย
โดยเอ็นพีแอลที่รับซื้อครั้งนี้เป็นสินเชื่อประเภทพาณิชยกรรมและสินเชื่อที่อยู่อาศัย
ซึ่งขั้นตอนต่อไป บสก.จะแจ้งไปยังลูกหนี้ให้รับทราบเพื่อเข้ามาเจรจา

โดยยึดแนวทางการประนีประนอมตามแนวนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
มีเป้าหมายปรับลูกหนี้ให้เป็นลูกหนี้ดีและส่งกลับคืนระบบเศรษฐกิจตามปกติ
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บสก.ได้รับซื้อรับโอนเอ็นพีแอลจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ รัตนสิน จำกัด
ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. เมื่อปี 2547 จำนวน 9,762 ล้านบาท
และทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) จำนวน 1,347 ล้านบาท

โดยในอนาคต บสก.จะเจรจากับบริษัทบริหารสินทรัพย์อีกหลายแห่ง
เพื่อรับซื้อสินทรัพย์ในลักษณะเดียวกัน
รวมถึงการเจรจารับซื้อรับโอนเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอจากสถาบันการเงิน
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางสมาคมธนาคารไทย.
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#3 วันที่: 02/06/2006 @ 09:18:47 : re: ***....รวบรวมข่าว ....***
ไทยพาณิชย์พบผลพวงภาวะศก.ลูกค้าเริ่มผิดนัดชำระหนี้


แบงก์ไทยพาณิชย์ชี้ภาวะเศรษฐกิจเริ่มส่งผลกระทบการชำระหนี้ของลูกค้าแล้ว
แต่ยังมีปัจจัยบวกด้านภาคเกษตร การท่องเที่ยวและส่งออกขยายตัว

คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนี้กระทบกับความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกค้าธนาคาร
โดยเริ่มเห็นสัญญาณการผิดนัดชำระแล้ว แต่ยังไม่อยู่ในระดับที่เป็นสาระสำคัญ

ทั้งนี้ ธนาคารจะเร่งติดตามลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
ส่วนข้อดีของเศรษฐกิจไทย ยังมีภาคเกษตร การท่องเที่ยว และการส่งออกที่ขยายตัวได้ดี
แต่ยังมีความน่ากังวลใจในเรื่องของราคาน้ำมันที่จะต้องขึ้นกับปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก
ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นคือภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น
ทำให้การบริโภคในประเทศขณะนี้ชะลอตัวลง
เนื่องจากผู้บริโภคมีความรอบคอบในการใช้จ่ายมากขึ้น

นอกจากนี้เพื่อช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัย
ธนาคารได้จับมือกับบริษัทบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ เสนอแคมเปญ Amazing Zero
ซึ่งเป็นการสนับสนุนสินเชื่อในอัตราพิเศษยกเว้นดอกเบี้ยเป็นเวลา 1 ปี
ให้กับลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการของ เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ทั้ง 7 โครงการ

โดยธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อจากแคมเปญนี้ประมาณ 100 ล้านบาท
จากเป้าหมายสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งปีที่ตั้งเป้าว่าจะขยายสินเชื่อบ้าน 50,000 ล้านบาท ในปีนี้
ขณะที่ไตรมาสแรกธนาคารสามารถขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้ถึงร้อยละ 27

?ที่อยู่อาศัยเป็นความจำเป็นพื้นฐานของประชาชน
ซึ่งธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ร้อยละ 30
ธนาคารจึงร่วมมือกับพันธมิตร ช่วยเหลือผู้บริโภคที่ประสบภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น
เนื่องจากผลกระทบด้านราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น? คุณหญิงชฎา กล่าว
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#4 วันที่: 02/06/2006 @ 09:39:57 : re: ***....รวบรวมข่าว ....***
น้ำมันดันเงินเฟ้อพุ่ง 6.2% พาณิชย์วอนธปท.ตรึงดบ.

2 มิถุนายน 2549 07:21 น.
เลขาฯ สภาพัฒน์ เตือนแบงก์ชาติรอบด้านก่อนขึ้นดอกเบี้ย ชี้ไม่ควรยึดเงินเฟ้อปัจจัยเดียว

เงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม พุ่ง 6.2% สูงสุดในรอบปีนี้
เหตุราคาน้ำมันเพิ่มไม่หยุด มั่นใจทั้งปียังคุมได้ 4-4.5%
ด้านพาณิชย์-สภาหอการค้า วอนแบงก์ชาติชะลอขึ้นดอกเบี้ย
หวั่นกระทบกำลังซื้อประชาชน เพิ่มภาระต้นทุนให้ผู้ประกอบการ
ฉุดเศรษฐกิจชะลอตัวยาวถึงปีหน้า

นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์
เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในเดือนพฤษภาคมนี้ ว่า
อัตราเงินเฟ้อเมื่อเทียบกับเดือนเมษายนสูงขึ้น 0.7%
และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนสูงขึ้น 6.2%
ถือว่าเป็นอัตราที่สูงขึ้นน้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548
ซึ่งอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นมาก สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมสูงขึ้น
มาจากหมวดสินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มปรับสูงขึ้น 0.9%
เพราะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น 2.8% ส่งผลให้ค่าโดยสารสาธารณะสูงขึ้น 5.0%
โดยเฉพาะการปรับค่าธรรมเนียมรถไฟ ขึ้นอีก 40%
และราคาสินค้าประเภทอุปกรณ์การเรียนปรับขึ้น
ซึ่งเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเปิดเทอม ทำให้มีการใช้จ่ายสินค้าหมวดนี้สูงมาก
ขณะที่สินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 0.3%
ชะลอตัวลงจากเดือนเมษายน เนื่องจากราคาผักสดลดลง 1.7%
เพราะฝนตกอากาศเย็นทำให้ผลผลิตต่างๆ มีมากขึ้น

แต่สินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผลไม้สด น้ำอัดลม ปลาและสัตว์น้ำ ข้าวเหนียวและขนมปังปอนด์

ปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ทั้งการเพิ่มค่าธรรมเนียมรถไฟ 40%
แม้การใช้จ่ายน้อย แต่อัตราที่สูงขึ้นมาก ทำให้กระทบเงินเฟ้อ 0.19%
ประกอบกับราคาสินค้าที่ใช้ในช่วงเปิดเทอม ทำให้เงินเฟ้อเดือนนี้สูงสุดในรอบปีนี้
แต่ทั้งสองปัจจัยเกิดขึ้นครั้งเดียวแล้วจบไป

ดังนั้น ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อจึงมีเพียงราคาน้ำมัน
ทำให้ราคาสินค้าอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในการดูแลของกระทรวงพาณิชย์
เช่น ค่าโดยสาร ค่าการศึกษา เป็นต้นปรับขึ้น
แต่ที่ดูแลอยู่บางส่วนได้เพิ่มราคาไปแล้ว เช่น น้ำอัดลม และบางส่วนกำลังพิจารณา

นายการุณ กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 5 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) อยู่ที่ 5.9%
เมื่อครบ 6 เดือนเชื่อว่า อัตราเงินเฟ้อในครึ่งปีแรกจะไม่เกิน 6%
และครึ่งปีหลังจะเป็นไปตามที่ประมาณการไว้
แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือราคาน้ำมัน เพราะไม่สามารถควบคุมได้
โดยยอมรับว่าปัญหาราคาน้ำมันส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าบ้าง

ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานสูงขึ้น 0.6% เทียบกับเดือนเมษายน
แต่เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนสูงขึ้น 2.7%
ทำให้ 5 เดือนแรกดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 2.7%

หากดูเฉลี่ยเดือนต่อเดือน โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบกับเมษายน
เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.7% แต่หากกลับไปดูเดือนเมษายน อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอยู่ที่ 1.2%
ดังนั้น เห็นว่าถ้าเฉลี่ยเดือนต่อเดือนถือว่าแนวโน้มลดลง
แต่หากเทียบปีต่อปี ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าเงินเฟ้อระยะสั้นเริ่มลดลง
และเชื่อว่า อัตราเงินเฟ้อทั้งปียังเป็นไปตามเป้าหมายเดิม

นายการุณกล่าว มั่นใจทั้งปีเงินเฟ้อแค่ 4-4.5%
อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันทรงตัว เชื่อว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยต่อเดือนคงสูงขึ้นไม่มาก
หรือไม่สูงเกิน 6% ซึ่งประเมินว่าเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนจะไม่เกิน 6% แน่นอน
และมีแนวโน้มลดลงในครึ่งปีหลัง ทำให้กระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่า
จากประมาณการเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 4-4.5% ถือว่ายังอยู่ในสัดส่วนที่คาดการณ์ไว้
บนสมมติฐาน ที่ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 58-62 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
จีพีพี 4.5-5% ค่าเงินบาท 38-40 ต่อดอลลาร์
อัตราดอกเบี้ย 4.5-5% ค่าแรงขั้นต่ำ 190 บาทต่อวัน
โดยไตรมาส 2 เงินเฟ้อจะอยู่ที่ 6-6.1%
โดยปัจจัยราคาน้ำมัน จะเป็นตัวแปรที่อาจทำให้เงินเฟ้อขยับตัวสูงขึ้นมาก

ราคาสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า
สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นมาจากต้นทุนการผลิตสูง ไม่ใช่ประชาชนแย่งซื้อสินค้า
หากจะกำหนดนโยบายการเงิน ก็ต้องให้แบงก์ชาติพิจารณาอีกครั้ง นายการุณกล่าว


ที่มา กรุงเทพธุรกิจ[/color:301b3ec8b8">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com