April 29, 2024   11:15:19 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ข่าวเด่นประเด็นร้อน....
 

??????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
วันที่: 03/06/2006 @ 20:41:23
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ฟุตบอลโลกดูดวอลุ่มซบ
หวัง RRC กู้สถานการณ์
-พบบอลโลก 2002 ดัชนีวูบ 12% จากจุดพีค

จับตาฟุตบอลโลกดูดวอลุ่มตลาดเดือน มิ.ย. ซบเซาต่อเนื่อง หากไร้ข่าวดีหนุน
หวั่นตามรอยเทศกาลบอลโลก 2002 ที่มูลค่าการซื้อขายหดเหลือไม่ถึงหมื่นล้านต่อวัน ดัชนีวูบ 12% จากจุดพีค
งานนี้ฝากความหวังที่น้องใหม่ RRC เข้าเทรดช่วยกู้สถานการณ์
ผู้บริหารมั่นใจเหนือจองแน่ เหตุราคาไอพีโอ 18 บาทแสนถูก
ขณะที่ บล.ภัทร พร้อม ใช้กรีนชูอุ้มหากหุ้นร่วงต่ำกว่าจอง
ฟาก ภัทรียา ผู้จัดการคน ตลท.คนใหม่ ประกาศแผนงาน หลังรับตำแหน่ง
มุ่งผลักดันภารกิจหลักของตลท. สานต่อแผนแม่บทตลาดทุน-เร่งเพิ่มขนาดบจ. ด้านดัชนีขานรับปิดพุ่งกว่า 12 จุด

ท่ามกลางภาวะตลาดฯที่ยังไร้ซึ่งปัจจัยบวก ทั้งการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน
ทิศทางดอกเบี้ยที่ยังต้องรอผลการประชุม กนง.ในวันที่ 7 มิ.ย. นี้
แรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ยังไม่มีความแน่นอนว่าจะหยุดขายเมื่อไหร่
ส่งผลให้วอลุ่มตลาดในช่วงนี้ซบเซาลง ในขณะที่เดือน มิ.ย. เป็นช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก 2004
ซึ่งหากเทียบเคียงกับเทศกาลบอลโลกครั้งก่อนในปี 2002
พบว่าวอลุ่มตลาดฯ หลังจากเทศกาลบอลโลกผ่านพ้นไป ปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด
จากวอลุ่มเฉลี่ยต่อวันในระดับ 1 หมื่นล้านบาทขึ้นไป ลดลงเหลือระดับ 5,000-7,000 ล้านบาทเท่านั้น

**ชี้บอลโลกครั้งก่อนหุ้นวูบ 12% จากจุดพีค แนะกลุ่มบันเทิงน่าสน

นายเกียรติก้อง เดโช ผู้ช่วยผู้อำนวยการเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ เปิดเผยว่า
คาดว่า RRC เปิดเทรดราคาหุ้นน่าจะยืนเหนือราคาไอพีโอที่ระดับ 18 บาท
แต่หลังจากนั้นราคาหุ้นอาจอ่อนตัวลดลง
เนื่องจากพื้นฐานของ RRC แตกต่างกับ TOP
เพราะในช่วงที่ TOP เข้าเทรดค่าการกลั่นอยู่ที่ 12 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
แต่ช่วงที่ RRC เข้าเทรดค่าการกลั่นอยู่ที่ 6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
นอกจากนี้หุ้นพลังงานในภูมิภาคเอเซียเริ่มลดความร้องแรงลง

ทั้งนี้ คาดว่าหากราคาหุ้น RRC ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 18 บาท
อาจมีนักลงทุนโยกเงินจาก TOP มาเล่นหุ้น RRC
เนื่องจากราคาหุ้น TOP เหลือ up side น้อย ซึ่งนักลงทุนไม่ควรรีบร้อนเข้าซื้อ
ควรรอให้ราคาหุ้นอ่อนตัวต่ำกว่า 16 บาทจึงเข้าซื้อสะสม
โดยให้ราคาเหมาะสำหรับปี 49 ไว้ที่ 24 บาท

อย่างไรก็ดี ในช่วงเทศกาลฟุตบอลโลกอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นซบเซา
วอลุ่มการซื้อขายเบาบาง ซึ่งสถิติที่ผ่านมาเมื่อฟุตบอลโลกปี 2002 พบว่า
ดัชนีตลาดหุ้นลดลง 12% จากจุดสูงสุดก่อนช่วงบอลโลก
เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนโยกเงินออกจากตลาดทุนไปเล่นพนันฟุตบอล
ซึ่งคาดว่า 1 เดือนตลอดช่วงเทศกาลวอลุ่มจะเบาบางดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาสหลุด 700 จุดอีกครั้ง

ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส ให้ความเห็นว่า
บรรยากาศการลงทุนในช่วงเทศกาลบอลโลก มูลค่าการซื้อขายอาจเบาบางอย่างต่อเนื่อง
เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุน ในขณะที่ยังคงมีปัจจัยลบกดดันตลาดฯอยู่
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการประชุม กนง.ในวันที่ 7 มิ.ย. นี้เพื่อกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ซึ่งหาก กนง.ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลเชิงลบต่อตลาดฯ แต่อาจจะลดดีกรีลง
เพราะมีการรับรู้ไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่หากไม่ปรับขึ้นก็จะส่งผลบวกต่อตลาดฯ

ทั้งนี้ประเมินว่าหุ้นในกลุ่มบันเทิงจะได้รับอานิสงส์มากที่สุดจากเทศกาลบอลโลก
โดยแนะนำซื้อหุ้น BEC ให้ราคาพื้นฐานที่ 19.85 บาท
และ MCOT ให้ราคาพื้นฐานที่ 44.24 บาท
ส่วน ITV ขณะนี้ยังคงแนะนำขาย เนื่องจากยังมีประเด็นเรื่องของสัมปทานกดดันอยู่

 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#1 วันที่: 03/06/2006 @ 20:48:27 : re: ข่าวเด่นประเด็นร้อน....
**ที่ปรึกษาฯ RRC มั่นใจราคาไอพีโอ 18 บ. เหมาะกับพื้นฐาน
ส่วนเข้าเทรดจันทร์นี้ฝากความหวังกับภาวะตลาดฯ

นายแมนพงษ์ เสนาณรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดตราสารทุน
บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด(มหาชน) หรือ PHATRA
ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด(มหาชน) หรือ RRC กล่าวว่า
ราคาไอพีโอของ RRC ที่ระดับ 18 บาทเป็นราคาที่เหมาะสมกับพื้นฐานของบริษัท
ส่วนราคาหุ้นในวันที่ 5 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันแรกที่เข้าซื้อขายจะมีแนวโน้มอย่างไรขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้น

ราคาไอพีโอที่กำหนดมั่นใจว่าเหมาะสมกับพื้นฐานของบริษัท
ส่วนวันแรกที่เข้าเทรด ราคาหุ้นจะเป็นอย่างไรคงไม่สามารถบอกได้
ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นในวันนั้นถ้าโชคดีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น
พื้นฐานบริษัทไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็น่าจะส่งผลดีกับราคานายแมนพงษ์กล่าว

อย่างไรก็ดี หากในวันเทรดวันแรกราคาหุ้น RRC ปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจองซื้อที่ระดับ 18 บาท
ทางอันเดอร์ไรท์ก็พร้อมที่จะเข้าไปซื้อหุ้นเพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรส่วนเกิน(กรีนชู)
ที่ยืมมาจากผู้ถือหุ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้น

นายแมนพงษ์กล่าวต่อว่า ทางอันเดอร์ไรท์คงไม่ใช้กรีนชูทั้งจำนวน 113 ล้านหุ้น
เพราะเรามีระยะเวลาถึง 30 วันที่จะหาหุ้นเพื่อนำไปคืน
นอกจากนี้ คงจะพิจารณาด้วยว่าในการซื้อขายนั้นมีดีมานด์จริงเข้ามาหรือไม่
หากในช่วงที่ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาไอพีโอและมีแรงซื้อเข้ามารับทางอันเดอร์ไรท์ก็คงไม่เข้าไปซื้อ

สำหรับพื้นฐานของ RRC ซึ่งประกอบธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันนั้นยังมีแนวโน้มที่ดี
ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดทรงตัว
ขณะที่ความต้องการใช้เพิ่มขึ้นโรงกลั่นแห่งใหม่ยังเกิดขึ้นไม่ทันในช่วงระยะสั้นๆ
ขณะที่แนวโน้มธุรกิจน้ำมันยังไม่มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
จึงน่าจะส่งผลดีกับค่าการกลั่นในอนาคต

**บิ๊ก RRC มั่นใจ เทรดวันจันทร์ หุ้นยืนเหนือจองแน่
ระบุ ราคาIPO ต่ำสะท้อนภาวะตลาดฯไม่ดี

นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง (RRC) เปิดเผยว่า
มั่นใจว่าราคาหุ้น RRC ในวันแรกที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์(5 มิ.ย.)
น่าจะสามารถยืนเหนือราคาจองซื้อที่ระดับ 18 บาท
ขณะที่ราคาไอพีโอที่ระดับดังกล่าวถือว่าาสะท้อนภาวะตลาดหุ้นในช่วงที่ย่ำแย่แล้ว

ทั้งนี้เชื่อว่าเมื่อหุ้น RRCเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นวันจันทร์นี้น่าจะช่วยให้บรรยากาศการลงทุนคึกคักขึ้น
เพราะหุ้น RRC เป็นธุรกิจโรงกลั่นซึ่งธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตตามธุรกิจน้ำมัน
และ RRC ก็อยู่ในกลุ่มพลังงานซึ่งนักลงทุนให้ความสนใจ

นายชายน้อย กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน
เนื่องจากราคาน้ำมันยังทรงตัวในระดับสูง
ขณะที่กำลังการกลั่นปีนี้จะอยู่ที่1.45 แสนบาร์เรลต่อวัน
และหากการร่วมมือกับ ATC เสร็จสิ้นในปี 2551
จะทำให้กำลังการกลั่นของบริษัทเพิ่มเป็น 2.1 แสนบาร์เรลต่อวัน

นอกจากนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนควบรวมกิจการกับบมจ.อะโรเมติกส์(ประเทศไทย) หรือ ATC
ว่าจะเกิดประโยชน์ร่วมกันอย่างไร โดยยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าการวมกิจการจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#2 วันที่: 03/06/2006 @ 20:59:53 : re: ข่าวเด่นประเด็นร้อน....
**ภัทรียา ประกาศนโยบายหลังรับตำแหน่งวันแรก
พร้อมสานต่อนโยบายในแผนแม่บท

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)คนใหม่
เปิดเผยในการแถลงนโยบายหลังเข้ารับตำแหน่งต่อจากนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ว่า
จะมุ่งผลักดันภาระกิจหลักของตลาดตลาดหลักทรัพย์ฯ
เพื่อ ให้เป็นตลาดรองที่มีคุณภาพรวมถึงเป็นแหล่งระดมทุนที่แข็งแกร่ง
และพร้อมที่จะสานต่อนโยบายในแผนแม่บทตลาดทุนไทยฉบับที่ 2 อย่างต่อเนื่อง
โดยทำงานร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทยรวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้จะผลักดันแผนงานเร่งด่วนในการเพิ่มขนาดของบริษัทจดทะเบียนให้ใหญ่ขึ้น
เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนผ่านทางตลาดหลักทรัพย์
โดยจะมุ่งเน้นการดึงบริษัทขนาดใหญ่มูลค่า 5 พันล้านบาทขึ้นไปเข้าจดทะเบียน
โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ส่งออก เทคโนโลยี และพลังงาน
โดยมีการเข้าพบสมาชิกสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย
รวมถึงจัดตั้งทีมงานให้คำปรึกษาเรื่องการจัดโครงสร้างเงินทุน
และเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในบริษัทฯดังกล่าวด้วย

ต้องเร่งขยายซัพพลาย คือ บริษัทใหม่ขนาดใหญ่ คุณภาพดี เข้าจดทะเบียน
เพื่อจูงใจผู้ลงทุนเข้ามาลงทุนโดยถือเป็นแผนเร่งด่วนที่ต้องทำให้ได้
เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดหลักทรัพย์โดยเชื่อว่าหากมีบริษัทใหญ่ที่มีคุณภาพเข้าจดทะเบียนเยอะ
จะกระตุ้นให้นักลงทุนสนใจเพิ่มเช่นกัน นางภัทรียา กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายผลักดันค่าพี/อีตลาดหุ้นไทยให้สูงกว่า 8-9เท่าในปัจจุบัน
เพื่อให้เทียบเท่ากับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค
หลังพบว่าปัจจุบันพี/อีตลาดหุ้นไทยยังต่ำหากพิจารณาจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจและโอกาสเติบโตธุรกิจไทย
ขณะเดียวกันได้ตั้งเป้าหมาย 5 ปีข้างหน้าจะขยายมาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นไทย
ให้อยู่ในระดับไม่น้อยกว่าระดับผลผลิตมวลรวมในประเทศ (จีดีพี)
ส่วนในสิ้นปีนี้วางเป้าเพิ่มมาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนล้านบาท
โดยในปัจจุบันมีบริษัทฯที่ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
มีมูลค่าการระดมทุนคิดเป็นประมาณ 1.5 แสนล้านบาทแล้ว
ซึ่งน่าจะเพิ่มมาร์เก็ตแคปให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีมาร์เก็ตแคปของตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ที่ประมาณ 5.22 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ ยอมรับว่าในปีนี้จะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนต่ำกว่า 100 บริษัท
แต่น่ามีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ไม่ต่ำกว่า 50 บริษัท ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 100 บริษัท
ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯจะให้ความสำคัญกับขนาดและคุณภาพของบริษัทที่จะ เข้าจดทะเบียนมากกว่าปริมาณ

ยอมรับว่ามีความหนักใจที่เข้ารับตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์
ในช่วงสุญญากาศทางการเมืองแต่มั่นใจว่าสามารถทำหน้าที่เป็นอย่างดี
เนื่องจากมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและมีความรู้
เป็นผู้ช่วยสนับสนุนให้ดำเนินงานลุล่วงไปด้วยดี นางภัทรียา กล่าว
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#3 วันที่: 03/06/2006 @ 21:04:58 : re: ข่าวเด่นประเด็นร้อน....
นางภัทรียา กล่าวด้วยว่า ในปีนี้มีแผนเพิ่มสินค้าใหม่ในตราสาร อีทีเอฟ (ETF: Exchange Traded fund)
ที่อ้างอิงกลุ่มหลักทรัพย์จดทะเบียนเพื่อเป็นเครื่องมือที่เพิ่มสภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ขณะเดียวกันยังเร่งผลักดันเรื่องการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ ( SBL : Securities Borrowing and Lending)
ให้สามารถดำเนินการได้ในไตรมาส 3/49
เพื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมสภาพคล่องให้มีปริมาณการหมุนเวียน
และการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดมากยิ่งขึ้น
รวมถึงยังเร่งผลักดันให้มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุนด้านอื่นภายในปลายปีนี้
อาทิ IPO Online ที่มีการเตรียมงานมาระยะหนึ่งแล้ว

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเร่งส่งเสริมผู้ลงทุนให้ความสนใจในสินค้าในตลาดฯ
ซึ่งเป็น Integrated Market ที่มีพร้อมตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์และกองทุนรวม
โดยเชื่อมั่นว่าปลายปีนี้ตราสารหนี้ และตราสารอนุพันธ์จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนมากขึ้น นางภัทรียา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯยังมีแผนที่จะขยายสัดส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศให้เพิ่มขึ้น
จาก10% ในปีนี้เป็น 20-30% ในปี 2553 หลังจากพบว่าสัดส่วนนักลงทุนสถาบันดังกล่าวยังมีจำนวนน้อย
โดยปริมาณบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มมากขึ้น มีส่วนสนับสนุนทำให้สัดส่วนนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ หากสัดส่วนนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้น
สัดส่วนของนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนรายย่อยก็จะลดลงบ้าง
จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศ 25-30% และนักลงทุนรายย่อยกว่า 50%
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#4 วันที่: 03/06/2006 @ 21:11:58 : re: ข่าวเด่นประเด็นร้อน....
**หุ้นปิดพุ่งกว่า 12 จุด ต่างชาติขายกว่า 800 ลบ.

ด้านความเคลื่อนไหวตลาดหลักทรัพย์วันศุกร์ที่ผ่านมา ปิดที่ระดับ 722.61 จุด
เพิ่มขึ้น 12.31 จุด หรือ 1.73% แต่มูลค่าการซื้อขายยังค่อนข้างเบาบางที่ 10,446 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 873.20 ล้านบาท
นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 976.25 ล้านบาท
และลูกค้าทั่วไปขายสุทธิ 103.05 ล้านบาท

นายเกียรติก้อง เดโช ผู้ช่วยผู้อำนวยการเศรษบกิจและกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้
เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแรงตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี จะเห็นว่ามูลค่าการซื้อขายยังค่อนข้างเบาบางเนื่องจากนักลงทุนกระจายตัวเล่น
โดยจะเลือกเล่นเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ทำให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นแรง
ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศ

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ ดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาสที่จะอ่อนตัว
แม้ว่า RRC จะเข้าซื้อขายในวันจันทร์คงไม่ทำให้ดัชนียืนแดนบวกแต่อาจทำให้มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้น
เนื่องจากช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวตามทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ
การรีบาวน์ของดัชนีตลาดส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน

ขณะที่ปัจจัยบวกยังไม่โดดเด่น นอกจากนี้คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย R/P

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้เลือกเล่นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง
ซึ่งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้แก่ CPN, กลุ่มสินค้าเกษตรได้แก่ CPF,กลุ่มบันเทิงได้แก่ BEC,
กลุ่มสื่อสารได้แก่ TRUE,กลุ่มผลิตไฟฟ้าได้แก่ GLOW โดยประเมินกรอบดัชนีอยู่ระหว่าง 710-730 จุด
 กลับขึ้นบน
อาฟง
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
#5 วันที่: 04/06/2006 @ 22:19:38 : re: ข่าวเด่นประเด็นร้อน....
.0008
 กลับขึ้นบน
mr.w
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 490
#6 วันที่: 06/06/2006 @ 17:08:40 : re: ข่าวเด่นประเด็นร้อน....
5555555555 งั้นเดือนนี้ไปดู บอล แทน 555555555

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com