หาจังหวะขายดีกว่า....

โมนิก้าเห็นดัชนีดีดตัวขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาบอกตรงๆว่า เสียวไส้แทนนักลงทุนจริงๆ
ทั้งที่รู้ชะตากรรมชีวิตว่าหากฝืนธรรมชาติมากเท่าไหร่ ยิ่งจะเจ็บตัวมากขึ้นเท่านั้น

*ถึงแม้ดัชนีจะดูเข้าท่าเข้าทางไปซะทุกอย่าง
แต่นักลงทุนทั้งหลายโปรดทราบไว้ ณ. ตรงนี้ด้วยเจ้าค่ะ
ว่ามันเป็นหนทางที่อยากเย็นมาก ที่จู่จะมาเล่นขึ้นเอาแบบสงครามวันเดียวอย่างนี้

โมนิก้าไม่ขอสนับสนุน หากดัชนีปรับตัวขึ้นก็ต้องขายออกไปอย่างเดียวค่ะ

*เนื่องจากดัชนีเจอแนวต้านเส้น 10 วัน ที่ระดับ 720 จุด
พาดผ่านกลางกระบาลมองดูแล้วไม่น่าจะเกินระดับนี้ไปได้
ยังไงก็ต้องระวังตัวกันให้มากๆ เพราะวันนี้ต้องมีคนเลือดตกยางออกในตลาดอย่างแน่นอน

*ที่พูดอย่างนี้ โมนิก้า ไม่ได้แช่งใครหน้าไหนทั้งนั้นนะค่ะ
เพราะสัญญาณที่ผ่านๆมามันฟ้องให้เห็น มามากพอแล้ว
เดี๊ยนไม่อยากให้ประวัติซ้ำรอยบ่อยๆ เห็นแล้ววัยรุ่นอย่างเดี๊ยนเซ็งมากๆ...
ใครที่ยังเดินหน้าแบบไม่ดูชาวบ้านชาวเมืองก็จง รับเวรรับกรรมให้อิ่มไปเลย สำหรับตัวอีฉันขอบายๆๆๆ

*กลุ่มพลังงานยังคงเป็นดาวเด่นเหมือนเช่นเคย
โดยเฉพาะในรายของ PTTEP มีวอลุ่มซื้อขายเข้ามากว่า 600 ล้านบาท
และครองอันดับ 1 ในกระดาน Most activeอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่น่าเสียดายที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นออกมาเป็นระรอก
หุ้นเลยบวกไปได้เพียง 2 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 113

*ในรายของตัวแม่ PTT ทะยานขึ้นมาปิดที่ 248 บาท บวกไป 4 บาท
เป็นเรื่องปกติของหุ้นที่อยู่ในความดูแลของกองทุนในประเทศ
เพียงแต่วันนี้จะต้านทานแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติได้หรือไม่
อันนี้ต้องติดตามดูกันเอาเอง และหากถามใจจริงของเดี๊ยนหล่ะก้อ...
ไม่เคยเชื่อว่าแรงซื้อของกองทุนจะสู้กับนักลงทุนต่างชาติได้เจ้าค่ะ

*ยิ่งถ้าย้อนกลับมาดูหุ้นแบงก์ด้วยแล้วหล่ะก้อ โมนิก้า ขอบอกตามตรงว่า ดูไม่ได้เลยสักกะตัว
ไล่เรียงตั้งแต่พี่เอื้อย KTB นับวันจะกลายเป็นสาละวันเตี้ยลง เตี้ยลง จนไม่ต้องพูดถึงแนวรับให้เสียเวลา
เพราะตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันพี่ท่านไม่เคยยืนระยะได้นานสักที
การอ่อนกลับไปใกล้ถึง10 บาทถือเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้จนชินตา
ฉะนั้นการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 10.50 บาท บวกไป 0.10 บาท จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกอกตกใจเลยจริงๆ

*เช่นเดียวกับ BBL KBANKและ SCB พอหมดข่าวเรื่องผลประกอบการ
ก็กลายเป็นหุ้นพื้นๆ ไม่มีอะไรน่าสนอก สนใจ
นับตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้นถึงได้ร่วงแบบไม่มีลิมิต
แนวรับที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งก็จวนเจียนที่จะหลุดแหล่ มิหลุดแหล่
แบบนี้ เปล่าประโยชน์ที่จะเข้าไปช้อนซื้อในช่วงขาลง...
การยืนปิดบวกเขียวอื้อถึงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแต่อย่างใด

*มาที่หุ้นแมงเม่าชื่นชอบกัหนักหนาอย่าง IEC สงสัยยังไม่เข็ดหลาบ
ถึงได้วิ่งเข้าใส่จนราคาหุ้นบวกไป 0.10 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 4.20 บาท
เดี๊ยนเลยขอเตือนคนที่ยังมีอาการซ้ำเลือดซ้ำหนองคราวก่อน และยังไม่หายดี ก็อย่าตาลุกวาวไปกับเขาละ
เพราะเห็นกันจะๆว่า ของดีมีอีกถมเถไป จะเลือกเล่นหุ้นตัวไหนก็ได้ ยกเว้นตัวนี้เจ้าค่ะ

*อีกตัวที่โผล่ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย คือ TRUE
ทั้งที่สัญญาณเตือนว่าหยุดซื้อได้แล้ว ก็ยังมีคนดันทุลังเข้าใส่
หากท่านไม่โลภมากจนเกินไป ขายทำกำไรตอนนี้น่าจะคุ้มกว่าเยอะ
เพราะของมันเห็นกันชัดๆ ว่า ไม่มีอะไรในก่อไผ่นะซี

*มาที่หุ้นสื่อสารกันบ้างค่ะวันนี้สัญญาณกลุ่มดูดีขึ้นเยอะ แต่ยังไงช่วงนี้เพื่อความปลอดภัยซื้อเล่นสั้นพอค่ะ
เพราะในระยะยาวนั้นต้องมีให้เสียและเสียวมากกว่าได้

*มาที่หุ้นไฟแนนซ์กันบ้าง ช่วงนี้ไม่ค่อยโผล่หน้าโผล่มาแถวๆกระดาน Most Activeสักเท่าไหร่
เมื่อวันศุกร์คงกลัวแฟนๆ คิดถึงเลยขึ้นมาให้เห็นหน้าเห็นตา
รายแรก KEST ราคาหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 23.40 บาท บวกไป 1.10 บาท
มองจากด้านไหนก็คงเป็นเพียงการเข้ามาเล่นเก็งกำไรสั้นๆ
เนื่องจากทิศทางยังอยู่ในช่วงขาลงนะซี

*ผลดังกล่าวทำให้หุ้น ไฟแนนซ์ กลายเป็นนักฉวยโอกาสชั้นยอด
อาศัยแรงซื้อที่ไหลกลับมาเป็นแรงผลักดันสำคัญ ราคาหุ้นถึงได้กระโจนปรู๊ดปร๊าด
เดี๊ยนถึงต้องออกมาห้ามปรามสุดฤทธิ์สุดเดช เพราะการขึ้นรอบนี้ไม่ใช่ของแท้ทั้งแท่ง

*เช่นเดียวกับหุ้น สื่อสาร ที่ม่อยกระรอกมาเป็นแรมเดือน
เมื่อได้รอบรีบาวนด์ครั้งใหญ่ วอลุ่มจึงไหลกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว
จนดันราคาหุ้นพุ่งขึ้นแรงเกินกว่าที่คาดคิดไว้เป็นอย่างมาก
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็ควรเลือกลงทุนเฉพาะในหุ้นพื้นฐานดี
มีความมั่นคงเป็นแบ็คอัพนะจ๊ะ...มิเช่นนั้น อาจกระเป๋าฉีกได้ง่ายๆ

*LH กลายเป็นหุ้นที่ยับเยินเสียหายมากที่สุด หลังจากหมดข่าวดีหนุน และแรงซื้อที่แท้จริงยังไม่กลับเข้ามา
ส่งผลให้ตลอดหลายสัปดาห์มีแรงเทขายออกมาไม่ได้หยุดหย่อน
ราคาหุ้นที่เคยมีทีท่าจะประคองตัวอยู่ได้ ก็มีอันรูดถลาลงไม่เป็นขบวนจนมาปิดที่ 6.85 บาทบวกไป 0.25 บาท
วันนี้เลยต้องมานั่งลุ้นว่าหุ้นจะยืนเหนือแนวรับสุดท้ายที่ 6 บาทได้อีกหรือไม่