ข้อสันนิษฐานเรื่องเงินทุนไหลออกเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น เมื่อโบรกเกอร์ใหญ่บางแห่งออกสำทับว่า
ช่วง 3 เดือนหลังจากนี้เงินของนักลงทุนต่างชาติจะยังไม่ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย
ซึ่งเป็นผลมาจากแรงกดดันเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างไม่มีลิมิต

*ประกอบกับพ่อขุนคลังตัวดียังไม่มีมาตรการใหม่ๆ
มากระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้ออย่างเป็นรูปธรรม
ส่งผลให้อะไรหลายอย่างไม่เข้ารูปเข้ารอยสักที
แถมยังทำให้ผู้คนทั่วไปหวาดวิตกกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย...
เลยเป็นฉนวนเหตุให้นักลงทุนต่างชาติเปิดตูดขนเงินกลับบ้านไงหล่ะ

*เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เอี่ยมอ๋อง แต่ที่ผ่านมาผู้หลักผู้ใหญ่ซึ่งเกี่ยวข้องกับตลาดเงินตลาดทุน
ไม่ยอมพูดถึงเรื่องผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างหมดเปลือก
เลยทำให้สถานการณ์ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงอย่างมาก...

โดยเฉพาะราคาหุ้นที่ร่วงหนัก ณ เวลานี้
ใครหน้าไหนมาบอกว่าให้รีบเข้าเก็บหละก้อ เดี๊ยนเถียงคอเป็นเอ็นเลยพะยะค่ะ

*เนื่องจากของมันเห็นกันจะๆ ว่าของถูกกว่านี้ยังมีให้ซื้ออีกมาก
แถมไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการแกว่งตัวไปมาของดัชนีอีกด้วย
ยิ่งตอนนี้ได้ยินข่าวว่าระบบการซื้อขายมีปัญหายิ่งทำให้เดี๊ยนรู้สึกห่อเหี่ยวใจเป็นอย่างมากพะยะค่ะ

*นักลงทุนรายย่อยหลายคนมีปัญหาการใช้ระบบ internet tradingของโบรกเกอร์
ที่ใช้ระบบซื้อขายผ่าน settrade ทำให้พลาดโอกาสดีๆ ไปเยอะ
ไม่ทราบว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ คงต้องเข้ามาดูเป็นการด่วนค่ะ!

*ถ้าเดี๊ยนจำไม่ผิด คนที่เก่งเรื่องวางระบบก็คงเป็น พันธ์ศักดิ์ เวชอนุรักษ์
แต่คนที่ดูแลเรื่องนี้น่าจะเป็นอาจารย์ชัยยุทธ์ ชำนาญเลิศกิจ มากกว่านะคะ

ถ้าอยากรู้ความจริงละก็...
ให้ดร.เศรษฐพุฒิ ทำวิจัยเรื่องความพอใจจากการใช้บริการเทรดหุ้นผ่านเน็ตฯของsettrade บ้างก็ได้นะคะ
จะได้รู้ซะทีว่าสุดท้ายมันเกิดจากระบบของตลาดหรือเกิดจากเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของนักลงทุนกันแน่ค่ะ

*แต่หากนักลงทุนท่านใดมั่นใจระบบอินเตอร์เน็ตของตัวเองว่าเลิศสุดๆ แล้ว
ก็ลองเปลี่ยนมาใช้บริการเทรดหุ้นผ่านเน็ตของโบกรเกอร์ที่มีระบบของตัวเองดูบ้างก็ได้นะคะ
ตอนนี้ก็มีฟิลลิป เอเซียพลัส ซีมิโก้ บัวหลวง กิมเอ็ง และฟาร์อีสท์ ค่ะ
ถ้าไม่มีปัญหาก็รู้ได้ทันทีว่า ปัญหาเกิดจากระบบของตลาดค่ะเพราะดูท่าจะหวังพึ่งพาตลาดฝ่ายเดียวคงไม่ได้ค่ะ

*ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1 ออกมาแล้ว ทำเอาเดี๊ยนตะลึง! ค่ะ ว่าจีดีพีโต 6% ได้ยังไง
จะเกี่ยวข้องกับเพียงภาพลวงตาจากเงินทุนเคลื่อนย้ายหุ้นชินหรือเปล่า เดี๊ยนไม่แน่ใจ
แต่จากการส่งออกเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะโตขนาดนี้
งานนี้ขึ้นไม่ทราบว่ามีการเล่นแร่แปรธาตุโมเดลทางเศรษฐมิติหรือป่าว
แต่มองในแง่ดีอาจเป็นเพราะไตรมาส 1 ปีที่แล้วตัวเลขไม่ดีก็ได้ ใช่มั๊ยค่ะ

*ตอนนี้กองทุนรวมอสังหาฯ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า REITs กำลังบูมสุด ๆ ในเอเชีย
บ้านเราก็ไม่น้อยหน้า เริ่มจาก TICON ที่จะขายสินทรัพย์อีก 2-2.5 พันล้านบาท
เข้ากองทุน TFUND คาดว่าจะเสร็จประมาณไตรมาส 4 ปีนี้
ทั้ง ๆที่เพิ่งเพิ่มทุนมาเมื่อต้นปีนี่เองอย่างงี้เรียกว่าคลอดหัวปี ท้ายปี
ราคาหุ้นลบ 0.20 บาท ปิดที่ 16.50 บาท

*CPN ก็ไม่ยอมแพ้ คาดว่าจะประชุมผู้ถือหุ้นกองทุน CPNRF
เพื่อขอมติเพิ่มสินทรัพย์อีกประมาณ 6 พันล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ 1.2 หมื่นล้านบาท
หุ้นอสังหาฯ 2 ตัวนี้เล็งไว้ให้ดี ช่วงไหนตกมาก ๆ นี่เข้าเก็บได้เลย เพราะไตรมาส 3-4 ราคาวิ่งแน่นอนค่ะ

*พอน้ำลด ตอก็เริ่มผุด แบงก์แรกที่ออกมายอมรับอย่างลูกผู้ชายก็ BBL
แม้จะได้ตังคืนจากทีพีไอแล้ว แต่กลายเป็นว่า ลูกค้ารายใหญ่ดันกลายเป็นเอ็นพีแอลแทนซะได้
เพราะได้รับผลกระทบทั้งดอกเบี้ยเพิ่ม เงินเฟ้อ น้ำมันแพง
นี่ไม่รวมรายย่อยที่ทยอยเข้ามาคุยต่อเนื่องถ้าเป็นสมัยโบราณต้องบอกว่า หัวกระไดแทบไม่ได้แห้ง
ล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ 105 บาทไม่เปลี่ยนแปลง

*RRC กลายเป็นหุ้นที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนรายย่อยที่ออกของไม่ทันไปเสียแล้ว
เพราะทันทีที่เปิดการซื้อขายราคาหุ้นขึ้นไปแตะระดับสูงสุดของวันที่ 19.10 บาทได้เพียงแป๊บเดียว
หลังจากนั้นก็อ่อนตัวลงมาเรื่อยๆ จนมาปิดที่ราคาต่ำสุดของวันที่ 18.30 บาท
ด้วยมูลค่า 3.20 ล้านบาท สูงกว่าราคาจองซื้อ 18 บาทแค่ 1.66% มันน่าภาคภูมิใจไหมเจ้าค่ะ

*งานนี้เดี๊ยนขอฟันธงว่าคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ คือ PTT
เพราะพี่ท่านซื้อบริษัทนี้มาในราคาถูกแสนถูก แถมปรับโครงสร้างหนี้ได้ฉลุย
รวมทั้งได้บันทึกกำไรจากส่วนเหลือมการขายหุ้นบานตะไทแบบนี้ไงเล่า
โมนิก้า เลยถึงบางอ้อ ว่าทำไมคุณพี่ ประเสริฐบุญสัมพันธ์
ถึงพยายามเข็นหุ้นตัวนี้ออกมาซื้อขายในภาวะเช่นนี้...
ส่วนที่ปรึกษาทางการเงินก็เอ่ออ้อห่อหมกไปด้วยแบบนี้
เดี๊ยนสมควรที่จะร่วมแสดงความยินดีกับการเปิดเทรดในครั้งนี้ หรือสมเพชเวทนารายย่อยดีหล่ะค่ะ

*อีกตัวที่น่าสมเพชก็คือ TRUE มีอย่างที่ไหนเอาเรื่องค่าเชื่อมโยงโครงข่ายมาปั่นราคา
ทั้งที่เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ ที่ยังไม่รู้จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
และที่ผ่านมาก็เป็นพวกโบรกเกอร์หน้าเงินนั่นแหล่ะ ที่คนเดินเรื่องและสร้างสตอรี่ปลอมๆ
โมนิก้าถึงไม่รู้สึกดีใจที่เห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 11 บาท บวกไป 0.40 บาท