U
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271 |  วันที่: 06/06/2006 @ 09:07:52 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต คอลัมน์สภาแมงเม่า : ถือเงินสดเท่าไหร่ดี
Source - ข่าวหุ้น
Tuesday, 06 June 2006
คุณสุนิสา จาก อ.ปากช่อง นครราชสีมา ถามว่า ตอนราคาหุ้นกวัดแกว่งเกินจะทำใจยอมรับได้ จึงไม่อยากเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่อ่อนตัวลงมา รวมทั้งเพื่อนๆ บอกว่าตอนนี้ควรถิอเงินสดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เลยอยากทราบว่า ควรถือเงินสดไว้ในมือร้อยละเท่าไหร่ถึงเหมาะสม
ก่อนอื่นผมขึ้นต้นด้วยบทสัมภาษณ์ของวอเรน บัฟเฟต ราชานักเล่นหุ้นชื่อดังอเมริกาเขาว่าเอาไว้น่าสนใจครับว่า ตลาดหุ้นนั้น ดูเหมือนจะเป็นที่เดียวในโลก ที่เศรษฐีนั่งรถยนต์โรลส-รอยส์ เดินทางไปขอความเห็นและคำแนะนำจากคนซึ่งนั่งรถเมล์มาทำงาน
ฉะนั้นทำอะไรก็แล้วแต่ควรมีสติ และหมั่นเพียรศึกษาหาความรู้ในเรื่องในนั้นๆ ให้ถ่องแท้ เพราะใช่ว่าคำทำนายทั้งหลายแหล่จะเป็นจริงไปเสียทุกเรื่อง ผมถึงไม่ชอบอวดรู้และฟันธงเรื่องโน้น เรื่องนี้เป็นตุเป็นตะ
เช่นเดียวกับเรื่องการถือครองเงินสดไว้ในพอร์ต ก็มีมากมายหลายสูตรด้วยกัน และไม่ได้มีบทบัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษร ผมจึงขอพูดเฉพาะสูตรสำเร็จที่ผมเคยใช้มาตั้งแต่ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจก็แล้วกัน
โดยสูตรของผมจะเน้นการถือเงินสดเกินครึ่งหนึ่งเสมอในช่วงภาวะตลาดหุ้นผันผวนและมีเงินทุนไหลออกมาจากตลาดหุ้น โดยสัดส่วนการถือครองเงินสดดังกล่าวอยู่ที่ระดับร้อยละ50-60 เป็นอย่างต่ำ
เนื่องจากการถือครองเงินสดจำนวนมาก ช่วยลดความเสี่ยงจากการเหวี่ยงตัวขึ้นแรงลงแรงของดัชนีได้เป็นอย่างดี รวมทั้งไม่ต้องวิตกกังวลว่าดัชนีจะลงมากมาแค่ไหน เพราะเงินสดดังกล่าวสามารถนำไปซื้อหุ้นถัวเฉลี่ยให้ต้นทุนต่ำลงมาอีก
ที่สำคัญนักลงทุนอย่าลืมว่าการตัดสินใจที่แท้จริง ต้องมาจากฐานความรู้และกระบวนการคิดที่รอบคอบ เพราะตลาดหุ้นเป็นตลาดของการเก็งกำไร นักลงทุนที่เดินเข้ามาจะต้องเผชิญหน้ากับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ท่วมตลาด แต่ไม่มีข้อมูลใดที่สมบูรณ์พร้อมเสียจนกระทั่งเชื่อได้ทุกเรื่อง
การเลือกปฎิบัติตามคำแนะนำของผม หรือกูรูท่านอื่นๆ จึงต้องใช้องค์ประกอบจากประสบการณ์และความรู้ควบคู่กันไป ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องการเวลาในการตัดสินจพอสมควร ซึ่งก็เหมือนกับการลงทุนในธุรกิจทั่วไปทั้งหลายนั่นแหละ คือ ตั้งอยู่บนพื้นฐานสำคัญ 2 ประการคือ ความเสี่ยง กับ ผลตอบแทน
นักลงทุนที่ฉลาด ย่อมไม่ควรคิดแต่เรื่องผลตอบแทนโดยละเลยความเสี่ยงไปได้เลยเพราะจะตกเป็นเหยื่อความประมาท ในขณะที่นักลงทุนที่ไม่กล้าเสี่ยง ก็จะไม่มีโอกาสทำกำไรได้เลยเช่นกัน
ผมถึงไม่มีคำแนะนำใดที่ดีกว่าคำว่า ต้องลองปฎิบัติจริง เพราะลำพังเพียงแค่ทฤษฏีเด็กป.4 ก็ยังท่องได้เลย แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรถ้านักลงทุนรู้แค่วิธีลดความเสี่ยง แต่ในทางปฏิบัติกลับสอบตก
หากคุณล้มเหลวกับแนวทางการถือเงินสดแล้ว คุณควรยอมรับว่าตัวเองไม่เหมาะสำหรับตลาดหุ้น ที่สำคัญผู้จัดการกองทุนที่สนิทชิดเชื้อกับผมยังแกะหุ้นออกไม่ทัน แล้วผมจะแนะนำให้คุณไปพึ่งใครได้อีกหล่ะครับ
|
