นักลงทุนขาเก็งวิ่งเข้าใส่ วอร์แรนต์ หวังหลบภัยหุ้นใหญ่ช่วงต่างชาติกระหน่ำขาย หนุนวอร์แรนต์แจ้งเกิดตบเท้าเคลื่อนไหวคึกคัก แนะจับตา 4 เกลอที่ใกล้หมดอายุมีโอกาสคึกก่อนสลายตัวเทียบชั้น SCIB-C1 และ ASL-W4 ที่แผลงฤทธิ์จนวันสุดท้าย ขณะกูรูชี้ช่วงตลาดซึมไร้ข่าวดีหนุน-ต่างชาติยังขายใหญ่บิ๊กแคป วอร์แรนต์ยังเก็งกำไรได้ เผย BCP-W1 เจ๋งสุดเหตุหุ้นแม่พื้นฐานแกร่ง ส่วนลูกสัญญาณเทคนิคแจ่ม แต่เตือนเทียบกับหุ้นทั่วไปวอร์แรนต์มีความเสี่ยงมากกว่า ใครออกตัวไม่ทันมีโอกาสเจอเจ๊งของจริง
การเทขายสุทธิต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่ที่เคยอยู่ในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ถูกเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องไปในทิศทางเดียวกัน กดให้ราคาหุ้นปรับลดลงโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานเข้ามารองรับ ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มหนีความเสี่ยงหันมาลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่มีราคาไม่สูงนัก และใบสำคัญแสดงสิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญ หรือ วอร์แรนต์ เนื่องจากเป็นหุ้นที่ไม่อยู่ในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ และสามารถไล่ราคาหุ้นได้จากจำนวนหุ้นที่ไม่มากทำให้ใช้เม็ดเงินในการลงทุนน้อยเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่
ขณะเดียวกันราคาวอร์แรนต์สามารถปรับขึ้น-ลงได้โดยไม่มีกรอบจำกัดของราคา (Floor-Ceiling) ทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้จากส่วนต่างของราคาหุ้นได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าในทางกลับกันก็มีความเสี่ยงมากกว่าจากราคาที่สามารถลดลงโดยไม่มีขีดจำกัด แต่ก็มีนักลงทุนไม่น้อยที่ยินดีจะเข้าลงทุนในวอร์แรนต์ โดยไม่รังเกียจความเสี่ยงที่ผูกติดมาด้วย
ทั้งนี้ จากการสำรวจความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบนกระดานพบว่าการซื้อขายในวันที่ 6 มิ.ย.49 ที่ผ่านมาพบว่าหุ้นที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด (Top Gainer) 5 อันดับแรกของวันส่วนใหญ่เป็นวอร์แรนต์ โดยอันดับแรก คือ BCP-W1 ราคาอยู่ที่ระดับ 3.12 บาท เพิ่มขึ้น 0.38 บาท มูลค่าการซื้อขาย 134.83 ลบ.JAS-W2 ราคาอยู่ที่ระดับ 0.14 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3.78 ลบ.CCET-W1 ราคาอยู่ที่ระดับ 0.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท มูลค่าการซื้อขาย 29.39 ลบ.EASTW-W1 ราคาอยู่ที่ระดับ 1.29 บาท เพิ่มขึ้น 0.09 บาท มูลค่าการซื้อขาย 50.71 ลบ.

- เซียนหุ้นชี้ BCP-W1 เจ๋งสุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่งกล่าวว่า วอร์แรนต์ที่มีราคาเคลื่อนไหวคึกคักในช่วงนี้ถือเป็นการเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นของนักลงทุน เพื่อหนีความเสี่ยงหุ้นพื้นฐานดีที่อาจได้รับผลกระทบจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าการลงทุนในวอร์แรนต์จะมีความเสี่ยงในอีกรูปแบบหนึ่งก็ตาม แต่ก็ถือว่ายังสามารถทำกำไรได้ โดยเฉพาะในวอร์แรนต์ที่มีสัญญาณทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานหนุน
เขาระบุอีกว่าวอแรนต์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในวันนี้ยังมีบางตัวที่สามารถเข้าเก็งกำไรได้ อาทิ BCP- W1 เพราะหุ้นแม่ถือว่าเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ส่งผลให้วอร์แรนต์มีความเสี่ยงลดลงในแง่ของราคาที่อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยพื้นฐาน ประกอบกับธุรกิจพลังงานยังเป็นธุรกิจที่ได้รับผลดีจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จึงทำให้ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานแล้ว BCP-W1 ยังดูน่าสนใจเมื่อเทียบกับวอร์แรนต์ตัวอื่น
ในขณะที่สัญญาณทางเทคนิคยังชี้ว่า ราคายังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แม้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มเข้าเปิดทำการซื้อขายเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีราคาเปิดที่ 2.50 บาท จนล่าสุดปิดที่ระดับ 3.12 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.62 บาท หรือ 24.8% ภายในเวลาเพียง 8 วันทำการ โดยมองว่านักลงทุนยังคงสามารถเข้าเก็งกำไรได้ ประเมินแนวรับแรกอยู่ที่บริเวณ 2.96 บาท และแนวต้านแรกประเมินอยู่ที่บริเวณ 3.22 บาท
ในขณะที่วอร์แรนต์ตัวอื่นๆ ที่เคลื่อนไหวค่อนข้างคึกคักในวันนี้ อาทิ EWC-W1 และ BROOK-W1 นั้นตามสัญญาณเทคนิคพบว่าราคามีแนวโน้มปรับตัวลดลงโดยประเมินแนวรับ EWC-W1 อยู่ที่ 3.60 บาท และแนวต้านอยู่ที่ 3.60 บาทในขณะที่ BROOK-W1 ประเมินแนวรับอยู่ที่ 0.35 บาท และแนวต้านประเมินอยู่ที่0.40 บาท ส่วน TT&T-W1 สัญญาณเทคนิคบ่งชี้ว่าราคายังคงอยู่ในระดับทรงตัว แต่ก็ไม่เหมาะกับการลงทุน ประเมินแนวรับอยู่ที่บริเวณ 0.43 บาทและแนวต้านประเมินอยู่ที่ 0.46 บาท
การที่นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กเนื่องจากราคาหุ้นจะมีการเคลื่อนไหวง่ายกว่าหุ้นขนาดใหญ่โดยนักลงทุนเชื่อว่าดัชนีฯมีแนวโน้มหลุด 700 จุด จึงรอซื้อบริเวณ 680 จุด เพราะฉะนั้นหุ้นใหญ่ในขณะนี้ยังไม่ควรซื้อ ดังนั้นจึงหันมาเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กที่เล่นง่าย อีกทั้งหุ้นที่ราคาต่ำกว่า 1 บาท จะสร้างกำไรได้มากกว่า เพราะราคาหุ้นไม่มีกรอบการเคลื่อนไหวของราคานักวิเคราะห์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ยังแนะนำนักลงทุนเข้าเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็ก มากกว่าวอร์แรนต์เพราะการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นขนาดเล็กจะมีเสี่ยงน้อยกว่าวอร์แรนต์ที่มีข้อจำกัดของราคา คือ มี Floor เป็นตัวจำกัดความเสี่ยงในการปรับลดลงของราคาในแต่ละวัน ในขณะที่วอร์แรนต์ไม่มี แม้ราคาหุ้นจะใกล้เคียงกันก็ตาม

- วงการแนะจับตา 4 วอร์แรนต์ที่ใกล้หมดอายุ มีสิทธิคึกเทียบชั้น SCIB-C1 และ ASL-W4
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์กล่าวว่า ยอมรับว่าการลงทุนในวอร์แรนต์มีความเสี่ยงมากกว่าการลงทุนในหุ้นสามัญทั่วไปหรือลงทุนในหุ้นสามัญที่ปัจจัยพื้นฐานดี แต่ก็ยังมีวอร์แรนต์หลายตัวที่ยังน่าลงทุนสำหรับนักเก็งกำไรที่ชอบความเสี่ยง เพราะจากสถิติที่เคยสังเกตพบว่ามีวอร์แรนต์หลายตัวในช่วงก่อนหน้านี้เคลื่อนไหวค่อนข้างหวือหวาในช่วงที่ใกล้วันหมดอายุ อาทิ SCIB-C1 และ ASL-W4 ที่นักลงทุนบางส่วนสามารถทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ในขณะเดียวกันก็มีนักลงทุนไม่น้อยที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนในหุ้นสองตัวนี้
น่าจับตามองนะว่าวอร์แรนต์ที่เคลื่อนไหวหวือหวาในช่วงนี้ อาจจะมีบางส่วนที่ใกล้วันหมดอายุแล้ว ทำให้มีนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรกันมาก แม้ว่าในความเป็นจริงการเล่นวอร์แรนต์ที่ใกล้หมดอายุจะมีความเสี่ยงมากกว่าวอร์แรนต์ปกติอีกหลายเท่า แต่ก็ยังมีนักลงทุนไม่น้อยที่รักเก็งกำไรบนความเสี่ยง เพราะถ้ามีกำไรก็มีไปเลย แต่ถ้าขาดทุนก็เจ๊งได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักลงทุนแต่ถ้าถามผมว่า แนะนำยังไงก็บอกได้เลยว่าไม่แนะนำให้เข้าไปแตะเพราะถือว่ามีความเสี่ยงมากๆ
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจของผู้สื่อข่าว eFinanceThai.com พบว่ามีวอร์แรน 4 ตัวที่จะถึงเวลาแปลงสภาพในเร็วๆ นี้ คือ BROOK-W1 แปลงสภาพในวันที่ 17/7/49 TT&T-W1 แปลงสภาพในวันที่ 29/9/49 NCH-W1 แปลงสภาพในวันที่ 29/6/49 และ APURE-W1 แปลงสภาพในวันที่ 31/7/2006
ทั้งนี้ จากการสำรวจความเคลื่อนไหวของราคาพบว่า BROOK-W1 ราคาได้เริ่มปรับขึ้นชัดเจนเป็นวันที่ 2 หลังจากที่ลงไปทำ low ที่ราคา 0.31 บาท เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.นี้ หลังจากที่ได้ทำราคา high ไว้ที่ 0.54 บาทเมื่อวันที่ 13 มี.ค.49 โดยล่าสุดราคาอยู่ที่ 0.36 บาท สูงกว่าราคาแปลงสภาพที่หุ้นละ 0.34 บาทเล็กน้อย (โดยแปลงสภาพที่สัดส่วน 1:1 ) ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 7 แสนกว่าบาทเท่านั้น
TT&T-W1 ราคาได้เริ่มปรับขึ้นเป็นวันที่ 3 จากระดับ 0.26 บาทเมื่อวันที่ 31 พ.ค.49 ที่ผ่านมา มาทำ high ที่ระดับ 0.53 บาท เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้อ่อนตัวลงเล็กน้อยในช่วงปิดตลาดวันนี้มาอยู่ที่ระดับ 0.45 บาท (ในขณะที่ราคาแปลงสภาพอยู่ที่หุ้นละ 4.75 บาท สัดส่วน 1:1 ) โดยมูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 45.51 ลบ.
NCH-W1 ถือเป็นวอร์แรนต์ที่ใกล้หมดอายุก่อนตัวอื่นๆ แต่ราคายังปรับลดลงต่อเนื่อง หลังจากที่เริ่มไต่เป็นขาลงตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.49 ที่ระดับราคาปิด 0.49 บาท และล่าสุดมาอยู่ที่ 0.02 บาท โดยราคาแปลงสภาพอยู่ที่หุ้นละ 1 บาท
APURE-W1 ราคายังลดลงต่อหลังจากรีบาวน์ได้ช่วงสั้นๆ ก่อนหน้านี้จากที่เคยปักหลักลดลงอย่างต่อเนื่องจากราคา 5.85 บาท เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา และล่าสุดราคาอยู่ที่ 1.30 บาท มีมูลค่าการซื้อขายเพียงเบาบาง โดยราคาแปลงสภาพอยู่ที่หุ้นละ 1.65 บาท

- จับตา TT&T มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นสุด
แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวว่า ถ้าเปรียบเทียบ วอร์แรนต์ที่ใกล้จะแปลงสภาพทั้ง 4 ตัวพบว่า TT&T-W1 ยังถือเป็นวอร์แรนต์ที่น่าสนใจที่สุด เพราะการซื้อขายหนาแน่นมากที่สุด ขณะที่เวลาแปลงสภาพยังมีเหลืออีกหลายเดือนจึงทำให้นักลงทุนมีเวลาลงทุนได้อีกระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่หากราคาหุ้นในกลุ่มสื่อสารไม่มีข่าวดีเข้ามาหนุน ราคาวอร์แรนต์ก็อาจจะขยับได้ยาก ประกอบกับราคาแปลงสภาพอยู่ที่ระดับค่อนข้างสูงกว่า 4 บาท ก็ต้องเข้าเร็วออกเร็ว เพราะถ้าออกตัวไม่ทันก็ไม่คุ้มกับการแปลงสภาพ ดังนั้นจึงเป็นวอร์แรนต์ที่สามารถเก็งกำไรได้อย่างเดียวเท่านั้น

- เซียนหุ้นเตือนอย่าเสี่ยงไล่วอร์แรนต์ช่วงตลาดขาลง แนะเก็บหุ้นดีราคาถูกเข้าพอร์ตดีกว่า
นายอมเรศ สิงห์ณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวถึง การเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) ที่ปรับเพิ่มขึ้นแบบสวน กระแสตลาดในช่วงนี้ว่า เชื่อว่าเป็นผลมาจากนักลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้นเข้ามาหลบภัย ในช่วงที่ต่างชาติขายทิ้งหุ้นบิ๊กแคป อย่างไรก็ตาม ไม่แนะให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากตลาดกำลังเป็นขาลงจึงมีความเสี่ยงจนเกินไป และอาจไม่คุ้มกับการลงทุน เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ต้องใช้เม็ดเงินเป็นจำนวนมาก จึงจะได้กำไรคุ้มค่าจากการลงทุนในช่วงสั้นๆ จึงอาจไม่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่เงินไม่หนาพอ แต่ถ้านักลงทุนที่มีกำลังซื้อค่อนข้างมากก็อาจจะพอมีโอกาสทำกำไรได้
ไม่แนะให้ลงทุนนะ เพราะตลาดไม่ดีและบางตัวก็มีแก็ปไม่มาก โดยเฉพาะกับนักลงทุนที่ทุนไม่หนาพอ เพราะเล่นสั้นหวังกำไรเพียง 1-2 ช่องต้องซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าเป็นนักลงทุนที่มีเงินหนาก็โอเค แต่ก็มีทางเลือกอื่นที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า ทำไมต้องมาเล่นหุ้นที่มีความเสี่ยงด้วย ถ้าถามผมถึงจะพอทำกำไรได้แต่ก็ไม่แนะให้ไล่ตาม เพราะเสี่ยงเกินไป
เขากล่าวอีกว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเช่นนี้ เป็นโอกาสเหมาะสมที่จะเก็บหุ้นพื้นฐานดี ความสามารถในการทำกำไรยังไม่ถูกกระทบ เข้ามาเก็บไว้ในพอร์ต เนื่องจากหากตลาดปรับตัวลดลงหลุดระดับ 700 จุด หุ้นกลุ่มเหล่านี้ก็สามารถยืนอยู่ได้โดยไม่ปรับลดลงตามตลาด ความเสี่ยงจึงน้อยกว่าหุ้นกลุ่มอื่น อาทิ หุ้นในกลุ่มน้ำมัน โดยเฉพาะ PTTEP
นอกจากนั้น หุ้นในกลุ่มที่คาดว่าผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่สองก็เป็นหุ้นที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเหล็ก ที่คาดว่าจะเห็นผลประกอบการดีขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มบันเทิงที่ได้รับอานิสงส์จากเทศกาลบอลโลกด้วย อาทิ BEC-WORK-
MAJOR-MCOT

ที่มา efinancethai.com[/color:424b208aa3">

เล่นไว ไว นะครับ อย่าชะล่า ใจ ยังไง ก็เข้าไว ออกไวครับ

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3