May 5, 2024   12:59:18 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ทำไมเงินสดจึงเป็นพระราชา (Why cash is king?)
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 08/06/2006 @ 09:42:08
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทำไมเงินสดจึงเป็นพระราชา (Why cash is king?) .000A .000A .000A

--------------------------------------------------------------------------------

ขณะนี้ดูเหมือนว่าเงินบาทจะดูมีค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐฯ (เมื่อเดือนก่อน 1 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ใช้เงินบาทซื้อได้ที่ราคาใกล้ 37.00 บาทเข้าไปแล้ว แต่ขณะนี้ก็วูบวาบเป็น 38.50 บาท ) และเมื่อฝากธนาคารแล้วยังก็ได้ดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้นจากเดิมฝากธนาคารระยะเวลา 1 ปีได้ดอกเบี้ยเพียง 2% ขณะนี้ได้เกิน 5 % และบางธนาคารเสนอให้ใกล้เข้าไป 6 % แล้ว ทั้งเมื่อลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่ P/E ดูเหมือนจะลดลง ก็ยังทำให้ราคาหุ้นกลับเพิ่มขึ้นทั้งๆ ที่ดอกเบี้ยเพิ่ม แต่ที่หุ้นมีราคาเพิ่มนักลงทุนอาจมองเห็นตัว E (Earning) ในอนาคตหรือผลประกอบการปี 2549 ของหุ้นที่ลงทุนซื้อจะเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 48 ก็จะเป็นกรณีที่จะได้ผลกำไรเป็น Dividend Yield ที่ได้จากหุ้นที่กำลังมีผลกำไรดีกว่าปี 48 ซึ่งอาจมากกว่าฝากเงินในธนาคารก็ได้ แต่ทั้งนี้นักลงทุนต้องศึกษาพิจารณาติดตามผลการดำเนินงานและฐานะการเงินรวมทั้ง Cash Flow และ Fund Flow จากต่างประเทศที่เข้ามาไปในตลาดและกลับออกไปอันจะกระทบราคาของหุ้นเฉพาะตัวนั้นๆ อย่างละเอียดรอบคอบด้วย มิฉะนั้นอาจพลาดท่าเสียทีได้ รวมความแล้วไม่มีความแน่นอน จึงต้องถือเงินสดเอาไว้ก่อนจะดีกว่า เงินสดเป็นราชาก็เพราะเหตุนี้
ประการหนึ่ง การที่เงินบาทมีค่าแข็งขึ้นไม่ได้เป็นประโยชน์โดยสุทธิต่อประเทศไทยเลย ยิ่งเมื่ออยู่ในสถานการที่เศรษฐกิจและการเมืองของไทยมีลักษณะอ่อนแอลงในทิศทางระยะปานกลางและระยะยาวที่ราคาสินค้ากำลังเพิ่มขึ้นเพราะน้ำมันมีราคาสูงมากและดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทั้งในด้านความอ่อนแอของดุลการคลัง ดุลเงินสด ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account) ที่อาจจะยังมีรายได้จากบริการท่องเที่ยวคุ้มกันอยู่บ้าง และแม้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจะดูเสมือนเพิ่มขึ้นมากแต่ก็อาจมิใช่ทุนสำรองที่เป็นเงินทุนของเราเลยเพราะแท้จริงเป็นเงินทุนของชาวต่างชาติที่นำเข้ามาประกอบกิจกรรมบางอย่างที่อาจไม่ได้เป็นการลงทุนระยะยาวที่ถาวรหรือเป็นการใช้จ่ายที่เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของเราก็ได้ เช่นการเก็งกำไรทั้งราคาหุ้น ราคา Commodity ต่างๆ และราคาเงินบาทที่ค่อนข้างจะผันผวนไม่แน่นอน ซึ่งหากชาวต่างชาติจะนำเงินตราต่างประเทศกลับไปเมื่อภารกิจประสบผลสำเร็จได้กำไรงดงามหรือหลีกเลี่ยงความเสี่ยงแล้วค่าเงินบาท และตลาดหุ้นภาวะเศรษฐกิจของไทยก็อาจพลาดท่าเสียทีจนกลายเป็นภาวะวิกฤติได้เช่นกัน ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้น (ประมาณ 8 %) ในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ซึ่งคนไทยทุกคนก็รู้ว่าแย่กว่าปีที่ผ่านมา หรือ 2 ปีที่ผ่านมาที่เงินบาทมีค่าประมาณ 41.00 บาท นั้นไม่เป็นเรื่องที่เหมาะสมและไม่สะท้อนภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย การแข็งค่าของเงินบาทตามค่าของเงินในภูมิภาคซึ่งมีเงินหยวนของจีนเป็นตัวนำ และการอ่อนค่าของเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่กล่าวอ้างนั้น เป็นภาพลวงทางเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจจีนเติบโตแข็งแรงดี เศรษฐกิจสหรัฐฯแม้ดอลล่าร์อ่อนเศรษฐกิจฯก็ยังดูดีกว่าของไทย ฉะนั้นเมื่อเศรษฐกิจไทยไม่แข็งแรงเหมือนเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯแล้วการแข็งค่าของเงินบาทจะเป็นประโยชน์ได้อย่างไร และแม้เศรษฐกิจจีนจะแข็งแกร่งผู้นำจีนก็ยังพยายามมิให้ค่าเงินหยวนแข็งแกร่งตามไป เพราะรู้ดีว่าหากแข็งค่าก็จะเสียเปรียบได้ในระยะต่อไป ผู้บริหารสถาบันทางเศรษฐกิจที่มีชื่อเสียงในอดีตของไทยยังกล่าวอ้างว่าค่าเงินของเกาหลีใต้ซึ่งปัจจุบันขึ้นไปแข็งค่าในระดับเดียวกับสมัยก่อนวิกฤติเมื่อปี 2540 แต่ไม่เปิดเผยความจริงให้ครบถ้วนว่าอันดับเครดิตของเกาหลีใต้นั้นกลับขึ้นไปสูงกว่าอันดับเครดิตเดิมของเกาหลีใต้ก่อนวิกฤติปี 2540 เช่นกัน คือที่ระดับ A+ ในขณะที่ประเทศไทยยังมีอันดับเครดิตอยู่ที่ระดับ BBB+ ต่ำกว่า 2 อันดับ ของอันดับเครดิตเดิมก่อนวิกฤติปี 2540 ซึ่งประเทศไทยอยู่ที่ระดับ A ซึ่งแสดงว่าเศรษฐกิจไทยขณะนี้ยังมีระดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าสมัยก่อนวิกฤติปี 2540 ถึง 2 ระดับทีเดียว เศรษฐกิจไทย ในขณะนี้จึงมิได้กลับมาดีเหมือนเดิมเมื่อ 9 ปีก่อนที่แล้วเลย ดูจากดัชนี SET ก็รู้ว่ายังกลับไปไม่ถึงครึ่งทางเลย ประชาชนและกิจการต่างๆจึงต้องพยายามรักษาเงินสดเอาไว้ก่อนเพราะเงินสดเป็นเสมือนพระราชาก็ด้วยเหตุนี้ด้วย
ทำไมเงินสดจึงเป็นพระราชา ก็เพราะหากกิจการหรือระบบเศรษฐกิจขาดเงินสดหมุนเวียน กิจการนั้นๆก็ย่อมล้มลงไปได้โดยง่ายอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆที่กิจการยังมีทรัพย์สิน มีความสามารถสร้างรายได้และผลกำไรที่ดีในอนาคต (กรณี TPI เป็นตัวอย่างที่ดี) การพิจารณางบกำไรขาดทุน โดยพิจารณา EBITDA เป็นการพิจารณาเพียงเบื้องต้นว่ากิจการจะมีปัญหาเงินสดหรือไม่อย่างไร เพราะเมื่อได้แสดงว่ามีเงินสดถือครองมากน้อยเท่าใดแล้วก็ยากที่จะปิดบังฐานะและผลการดำเนินงานที่แท้จริงได้ เนื่องจากรายการงบดุลและงบกำไรขาดทุนหลายรายการอาจมิได้วิเคราะห์แสดงภาพที่แท้จริง เพราะมีสมมุติฐานมากมาย ดังนั้น หากนักลงทุนมิได้วิเคราะห์วิธีการวัดมูลค่าของกระแสเงินสด ซึ่งเป็นส่วนของเจ้าของผู้ถือหุ้น (Owner earnings) แล้วก็อาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้
สถานะเงินสดเป็นเครื่องตรวจสอบที่ดี เช่นสามารถมองออกว่ากิจการนั้นๆสามารถเปลี่ยนกำไรออกมาเป็นเงินสดที่แท้จริงได้เพียงใด เหตุใดจึงต้องพิจารณาทั้งงบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด ก็เพราะกำไรอาจไม่ใช่เงินสดทั้งจำนวนที่แสดงไว้ คืออาจมีเงินสดมากกว่าหรือน้อยกว่าหรือไม่มีเลยด้วยสารพัดเหตุ ทำให้การพิจารณาสถานะเงินสดนำไปสู่การค้นพบสัญญาณอันตรายล่วงหน้าได้ด้วย
แม้กำไรจะไม่ใช่เงินสด แต่ท่านย่อมต้องการทั้งกำไรและเงินสด กำไรอาจไม่มีเงินสดเลยก็ได้ซึ่งก็อาจเป็นสัญญาณอันตรายได้มาก หากปรากฏว่าภายใต้หลายรายการไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ และมีทรัพย์สินหลายรายการไม่ยอมหักค่าเสื่อม หรือยอมรับการเสื่อมค่า แต่บางกรณีมีเงินสดแต่กลับไม่มีกำไร ก็อาจเนื่องมาจากการชะลอการจ่ายเงินของรายจ่ายที่มีภาระต้องจ่ายออกไปในที่สุด รวมความแล้วท่านต้องรู้สถานะเงินสดที่เป็นส่วนของเจ้าของที่แท้จริง และยังมีภาษาของเงินสดในรายงานทางการเงินและการเปิดเผยข้อมูลอีกพอสมควร ซึ่งนักลงทุนจำเป็นจะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจให้ชัดเจน และเราจะได้บอกกล่าวกันให้ทราบในโอกาสต่อไป

ที่มา / นสพ.ทันหุ้น

 กลับขึ้นบน
mr.w
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 490
#1 วันที่: 08/06/2006 @ 14:52:35 : re: ทำไมเงินสดจึงเป็นพระราชา (Why cash is king?)
ผมว่า น่าเก็งกำไร ค่าเงิน คิก คิก

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com