เปิดสูง ปิดต่ำ สัญญาณร้าย

เห็นดัชนีออกอาการเปิดสูง ปิดต่ำ อย่างนี้ก็รู้ได้ทันทีว่า
นี่เป็นสัญญาณร้ายที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
ยิ่งตามตำราที่เดี๊ยนเคยศึกษาเล่าเรียนมาบอกอย่างชัดเจนว่า
เป็นกลยุทธ์ลากไปออกของที่ราคาสูงแบบนี้
ยิ่งทำให้เดี๊ยนและทีมงานรู้สึกระเหี่ยใจเป็นอย่างมากค่ะ

*แม้ดัชนีจะปิดบวก แต่ไม่ได้หมายความว่าหุ้นจะรีบาวนด์นะคะ
โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันศุกร์ พวกเข้าเร็วออกเร็ว คงไม่กล้าค้างหุ้นไว้ในพอร์ต
ในช่วงที่ระเบิดกำลังปะทุขึ้นอีกรอบเป็นแน่ค่ะ
ถ้าวันนี้เปิดมาเขียว วันจันทร์ก็พอมีลุ้นรีบาวนด์ได้ แต่ถ้าหลุดต่อก็ตัวใครตัวมันค่ะ

*ก็นักลงทุนต่างชาติยังมีของบนหน้าตัก
ที่พร้อมจะปล่อยออกมามากถึง 90,000 ล้านบาท
และเม็ดเงินจำนวนดังกล่าวสามารถฉุดดัชนีให้รูดลงไปกองอยู่แถว 500 จุดได้สบายๆ
แบบนี้...จะให้ โมนิก้า ยิ้มหน้าระรื่นได้อย่างไรกันจ๊ะ
ในเมื่อตลาดหุ้นอันเป็นที่รักกำลังอยู่ในภาวะตกต่ำสุดขีด
และรายย่อยก็อ่อนเปลี้ยเพลียแรงลงทุกวัน

*อีกทั้งสถานการณ์รอบด้านไม่เป็นใจให้นักลงทุนรายย่อย
และกลุ่มกองทุนต่างๆ เข้าเก็บหุ้น
เท่ากับเปิดโอกาสให้ดัชนีรูดหลุดแนวรับ 600 จุดได้ง่ายๆ
แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรหากเดี๊ยนแนะนำให้มิตรรักแฟน ข่าวหุ้น เข้าซื้อหุ้นในตอนนี้
ทั้งที่เห็นกันอยู่ทนโท่ว่าของถูกกว่านี้ยังมีให้ซื้ออีกมาก

*โมนิก้า ขอยืนยัน นอนยัน และตะแคงข้างยันว่า
การที่หุ้นบลูชิพออกอาการครึ่งๆกลางๆ จะลงก็ไม่ลง จะขึ้นก็ไม่ขึ้น
ยิ่งทำให้บรรยากาศในการลงทุนดูอึมครึม และซบเซาลงเรื่อยๆ
ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติขนของออกมาขายทิ้งอย่างไม่ดูดำดูดี
จนเป็นเหตุให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาช้อนซื้อหุ้นอย่างที่เห็นนี่แหล่ะค่ะ

*ด้วยเหตุนี่เดี๊ยนถึงกล้าฟันธงว่า ดัชนีจะมีแต่ทรุดกับทรุดสถานเดียว
เพราะเท่าที่สำรวจมุมมองผู้จัดการกองทุนและนักลงทุนขาใหญ่บางราย
ล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ระบายของออกไปจากพอร์ตเกือบจะหมดเกลี้ยง
ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว จังหวะนี้จึงรอโอกาสที่จะกลับเข้ามาอีกหน

*ดูหุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง PTT แม้ได้รับแรงหนุนเรื่องพื้นฐานอันแข็งแกร่ง
แต่คงช่วยอะไรได้ไม่มาก หุ้นเลยขึ้นมาปิดได้แค่ระดับ 208 บาท บวกไป 2 บาท
ส่วนสัญญาณแท่งเทียนฟ้องว่าแนวรับสำคัญรอบนี้ยังอยู่แถวๆ 200 บาท
หากใครสนใจหุ้นพลังงานช่วงนี้ทยอยซื้อ..เก็บของไว้บ้าง
เดียวจะหาว่าไม่บอก...อ้อ...อย่าลืมดูหุ้น PTTEP RRC และTOP ด้วยนะค่ะ

*วานนี้ CEI โดนอีกแล้ว!ค่ะ
หลังส่งงบไตรมาส 3 ตลาดก็ขึ้นเครื่องหมาย SPห้ามซื้อขาย
เพราะผู้สอบบัญชีไม่สามารถไว้วางใจงบการเงินได้
หลังจากนี้ก็ซื้อขายได้ตามปกติ แต่ตลาดจะขึ้นเครื่องหมาย NP ไว้
จนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข
หรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าบริษัทไม่ต้องแก้ไขงบค่ะ

*โมนิก้าเห็นแล้วก็อ่อนใจนี่ขนาดขาดทุนกว่า 97.45 ล้านบาท
ผู้สอบบัญชียังไม่ยอมรับแสดงว่าจริง ๆ คงยับเยินยู่ยี่มากกว่านี้แน่
ก่อนหน้านี้ผู้บริหารเปิดอกยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่า
ปีนี้คงขาดทุนประมาณ 200 ล้านบาท แต่ก็ต้องทำใจยอมรับความจริง
และดิ้นกันต่อไปหลังลูกค้ารายใหญ่เชิดหนีแบบไม่ทันตั้งตัว
ตอนนี้ก็ขาดทุนไปแล้ว 140 ล้านบาท
ไตรมาสสุดท้ายก็คงต้องลุ้นกันชนิดหืดขึ้นคอค่ะ

*หุ้นตัวนี้ประวัติ(ราคา)ไม่สวยงามเท่าไหร่ ส่งงบที่ไรก็มีเรื่องทุกที
เคยลงไปต่ำสุดที่ประมาณ 1 บาทในช่วงปี 2548
แต่ช่วงต้นปีนี้ ราคาหุ้นกระชากขึ้นแรงไปที่ 3 บาทกว่าในเวลาเพียง 1 เดือน
ด้วยกระแสข่าวพันธมิตรใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซะที
ราคาหุ้นเลยสาละวันเตี้ยลงทุกวัน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามีโบรกเกอร์บางแห่งเคยแนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นตัวนี้
ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา รู้แล้วหนาวมั๊ยค่ะ!

*เดี๊ยนได้ข่าวว่า NMG จัดทัพธุรกิจบริษัทในเครือใหม่
หลังจากจัดระบบทหารในกองทัพไปก่อนแล้ว
ก็ตอนนี้ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์อยู่ยากขึ้น ใครไม่มีไม้เด็ดก็เริ่มกุมขมับได้แล้ว
นับวันเม็ดเงินโฆษณาก็หดหาย ก็ถือว่าเป็นองค์กรที่รู้จักปรับตัวเอง
ไม่นิ่งปล่อยตัวเองตามกระแสเศรษฐกิจที่นับวันจะเหี่ยวลง
แต่เดี๊ยนติดใจอยู่นี๊ดนึงว่าทำมั๊ยบริษัทแม่ถึงต้องเพิ่มทุนให้บริษัทลูก
เพื่อเอามาชำระหนี้ให้กับตัวเอง มันชักจะยังไง ๆ อยู่นะคะเนี๊ยะ
ไม่ทราบว่า กาแฟดำพอจะหาคำตอบให้สาวสุดเซ็กซี่อย่างเดี๊ยนได้หรือปล่าวค่ะ

*นับว่าใจปั้มจริงๆ สำหรับผู้บริหาร TAPAC
แม้ว่าบริษัทจะกำไรลดฮวบจาก 15.27ล้านบาท เหลือเพียง 3.86 ล้านบาท
ทำให้ครึ่งปีบริษัทมีกำไร 11.37 ล้านบาท หรือ 0.12 บาทต่อหุ้น
แต่ยังเจียดเงินจ่ายปันผล 0.05 บาทต่อหุ้นเพื่อปลอบใจนักลงทุน
หมดสิทธิ์ปิดสมุดวันที่ 30 มิ.ย.นี้
แต่ใครจะกล้าเข้ามารับเพราะหลังแตกพาร์ราคาทรุดฮวบ
ล่าสุดราคาปิดที่ 1.68 บาท ลดลง 0.12 บาท

*PRO นี่ก็อีกรายที่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรกตลอด
ทั้งกำไรทรุด แถมมีปัญหาทำกลิ่นเหม็น เน่าเสียให้ชุมชนในพื้นที่
จนต้องหยุดกิจการกว่า 30 วัน เสียหายกว่า 25 ล้านบาท
ล่าสุดเรียกว่าโดนราหูอมเลยก็ว่าได้เมื่อฝรั่งเริ่มตีตนออกห่างแล้ว
ทั้ง LLOYD GEORGEINVESTMENT MANAGEMENT (BERMUDA) LTD
และASIAN SMALLCOMPANIES PORTFOLLO
พร้อมใจกันขายหุ้นทิ้งเกลี้ยงคนละ 6.48% รวมกันก็ 13%

*ก็จะไม่ให้ตีจากได้ยังไง สู้อุตสาห์ทยอยซื้อมาตลอด ทั้งๆ ที่ราคาหุ้นก็ร่วงลงทุกวัน
แต่เดี๊ยนอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไม 2 กองทุนนี้ถึงได้ทยอยซื้อพร้อมกัน ขายพร้อมกันเด๊ะ
และที่สำคัญคือขาดทุนเหมือนกันนะสิคะ
แถมยังผิดแปลกพิสดารเป็นขอมดำดิน เพราะแม้จะถือหุ้นสูง 6%
กว่าแต่กลับไม่มีรายชื่อในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ เอ๊! ชักจะยังไง