???? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,238 | วันที่: 17/06/2006 @ 20:17:21 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ทิศทางการเดินเกมในธุรกิจเพลงของ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ วันนี้กำลังเข้าใกล้ความยากลำบากมากขึ้น จากสินค้าคงเหลือของ แกรมมี่ ที่เพิ่มขึ้นโดยตลอด
********************************************
จากงบการเงินไตรมาส 1/2549 จะพบว่า แกรมมี่ มีรายได้ไตรมาสแรก 1,438 ล้านบาท แต่มีสินค้าคงเหลือสูงถึง 606 ล้านบาท หรือเท่ากับ 42% ของรายได้รวม นับเป็นอัตราสินค้าคงเหลือที่ค่อนข้างสูง
เมื่อเทียบกับ อาร์เอส ที่ไตรมาสแรก มีรายได้ทั้งสิ้น 792 ล้านบาท มีสินค้าคงเหลือ 237 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 30% ของรายได้
ทั้งนี้ สินค้าคงเหลือในธุรกิจบันเทิงนั้น หากเป็นในส่วนของเทป และซีดีที่หมดความนิยมไปแล้ว ตัวเลขตัวนี้ยิ่งสูงจะไม่เป็นผลดี มีความเป็นไปได้ว่าท้ายที่สุด แกรมมี่ อาจจะเข้าสู่สถานการณ์เดียวกับ อาร์เอส ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่มีปัญหาสินค้าคงเหลือ จนถึงขั้นขาดทุนทางบัญชีจำนวนมาก
สาเหตุที่ทำให้ แกรมมี่ มีสินค้าคงเหลือจำนวนมาก เพราะยังคงมุ่งเน้นการขายสินค้า ผ่าน หน้าร้าน ซึ่งเป็นช่องทางเก่า ขณะที่ผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากจะวัดพื้นฐานความแข็งแกร่งด้านการเงิน แกรมมี่ แข็งแกร่งกว่า อาร์เอส มาก โดย แกรมมี่ มีเงินสดค่อนข้างสูงถึง 1,914 ล้านบาท คิดเป็น 25% ของสินทรัพย์รวม ขณะที่ อาร์เอส มีเงินสด 100 ล้านบาท คิดเป็น 5% ของสินทรัพย์รวม
ขณะที่ราคาหุ้นของแกรมมี่ทุกวันนี้ซื้อขายกันค่อนข้างต่ำที่ 0.98 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (6.61บาทต่อหุ้น) ขณะที่ อาร์เอส กลับซื้อขายสูงถึง 2.25 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (6.88 บาทต่อหุ้น)
สำหรับทิศทางรายได้ของ อาร์เอส บล.กรุงศรีอยุธยา วิเคราะห์ว่า ในไตรมาส 2/2549 อาร์เอส มีแนวโน้มรายได้ชะลอลงจากไตรมาสแรก ธุรกิจเพลงและธุรกิจโฆษณาน่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ปัญหาการเมือง และความไม่มั่นใจของผู้บริโภค ธุรกิจนิว มีเดีย ยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหา network ขัดข้อง คาดว่ายังไม่สามารถแก้ไขได้จนถึงไตรมาส 2 มีเพียงธุรกิจภาพยนตร์ที่คาดว่าจะมีรายได้และกำไรมากขึ้นจากภาพยนตร์เรื่อง ?รักจัง? แต่สัดส่วนไม่มากเมื่อเทียบกับรายได้รวม
โดยคาดว่าในปี 2549 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 37 ล้านบาท ปัจจุบัน P/E ยังคงสูง 57 เท่า คงคำแนะนำ ?ขาย โดยประเมินราคาพื้นฐาน 7.10 บาท
ในส่วนของ แกรมมี่ บล.กรุงศรีอยุธยา มองว่า การยกเลิกคลื่นข่าว ?Open Radio? (ไทยไทม์นิวส์) และขอคืนคลื่นวิทยุ FM 93.5 ก่อนหมดสัญญาสิ้นปีนี้นั้น มองว่า จะเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการของ GRAMMY เนื่องจากที่ผ่านมา คลื่นข่าวมีฐานะขาดทุนโดยผลขาดทุนขั้นต้น 13.8 ล้านบาท ส่วนการคืนคลื่น 93.5 นั้น จะทำให้ต้นทุนค่าเช่าวิทยุต่ำลง
ทั้งนี้ ราคาหุ้น GRAMMY ปรับตัวลดลงสะท้อนปัจจัยลบไปมากพอสมควร จนถึงปัจจุบันราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน 7 บาท (ที่ พี/อี เรโช 20 เท่า) ในระดับ 9% จึงเปลี่ยนคำแนะนำจาก ?ขาย? เป็น ?ถือ?
**********************************
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ[/color:521e8b1001">
|