นายสุรัสมิ์ อารีกุล เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
ประเมินปัญหาและความเดือดร้อนของธุรกิจก่อสร้างในปัจจุบัน พบว่า
โครงการที่ทำสัญญากับรัฐบาลประมาณ 1 ปีครึ่ง -2 ปีครึ่ง
เริ่มประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน จากการเบิกจ่ายค่างวดที่ล่าช้า
ขณะที่ผู้รับเหมาต้องนำเงินไปว่าจ้างแรงงาน ซื้อวัตถุดิบ เครื่องจักร
เมื่อไม่ได้รับเงินในการจ่ายค่างวดจากภาครัฐ
บริษัทผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างก็ไม่ให้เครดิตในการซื้อวัสดุก่อสร้าง
ย่อมส่งกระทบต่อผู้ใช้แรงงานในอุตสาหกรรมนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
โดยระบุว่า งานที่ส่งมอบไปแล้ว ยังค้างการเบิกจ่ายประมาณ 1-2 เดือน
จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
เริ่มตั้งแต่บริษัทรับเหมาที่เกี่ยวข้องที่ต้องไปกู้เงินจากธนาคาร เพื่อเสริมสภาพคล่อง

แต่ขณะเดียวกันได้มีการเบิกจ่ายเช็คให้กับบริษัทวัสดุก่อสร้าง
ค่าเช่าเครื่องจักร และค่าแรงงาน แต่กลับยังไม่มีรายได้ซึ่งเป็นเงินค่างวดจากภาครัฐ
ส่วนบริษัทก่อสร้างบางรายที่ได้เช็คเงินสดมากลับไม่สามารถขึ้นเงินได้
ซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป
จะทำให้เกิดปรากฏการณ์เช็คเด้งต่อเนื่องลามเป็นลูกโซ่
เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยแสดงความกังวล

ระบุผู้ว่าซีอีโอทำเบิกจ่ายตจว.วุ่น

ด้านนายวิรัตน์ คงวิจิตร ผู้จัดการ บริษัทหาดใหญ่เรืองชัยการโยธา กล่าวว่า
กระบวนการเบิกจ่ายเงินโครงการรัฐในต่างจังหวัด มีความล่าช้ามาก
เพราะต้องผ่านการเบิกจ่ายงบประมาณจากผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (ผู้ว่าซีอีโอ)
ซึ่งมีกระบวนการเบิกจ่ายหลายชั้น ตั้งแต่ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
ส่งไปยังปลัดอำเภอ ปลัดจังหวัด ก่อนจะส่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด
ใช้เวลาโดยรวมไม่ต่ำกว่า 1 เดือน
ซึ่งบริษัทยังไม่ได้รับเงินที่รัฐบาลค้างเบิกจ่ายประมาณ 50%
หรือเดือนละประมาณ 10-20 ล้านบาท

นอกจากนี้ระบบการเบิกจ่ายเงินออนไลน์โดยกรมบัญชีกลาง (GFMIS)
ถือว่าล่าช้ามาก ทั้งที่เป้าหมายในการนำระบบมาใช้เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว
จากปกติที่สามารถเบิกจ่ายได้ภายใน 5-7 วัน
แต่เมื่อใช้ระบบดังกล่าวทำให้ทุกส่วนต้องผ่านกรมบัญชีกลาง จึงมีความล่าช้า
ซึ่งบางรายก็ยังไม่ได้รับเงินเป็นเวลาถึง 2 เดือน
เพราะระบบดังกล่าวจะต้องผ่านการตรวจสอบจากผู้ว่าราชการจังหวัด
แล้วส่งไปยังกระทรวงมหาดไทย หลังจากนั้นจึงสามารถเบิกจ่ายเงินจากกรมบัญชีกลางได้

**ตะลึงรับเหมาสุวรรณภูมิไม่มีค่าเค

นายจรัล ดำรงรัตน์
ประธานกรรมการ บริษัท กำแพงเพชรวิวัฒน์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า
บริษัทรับงานโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ
โดยเซ็นสัญญากับภาครัฐประมาณ 6-7 โครงการ
โดยรวมเมื่อส่งมอบงานแล้วต้องประสบปัญหาขาดทุน 10%
จากมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 5,000-6,000 ล้านบาท
สาเหตุมาจากโครงการเซ็นสัญญากำหนดราคาตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งในช่วงนั้นราคาน้ำมันอยู่ที่ 16 บาทต่อลิตร
แต่ปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 26 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาขนส่งและวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นมาก

ขณะเดียวกัน ในสัญญาโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ
ยังไม่มีการกำหนดราคากลางก่อสร้าง (ค่าเค)
ทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไม่มีราคากลางที่อ้างอิง
จึงไม่ได้รับค่าชดเชยราคาต้นทุนที่สูงขึ้นหลังจากมีการส่งมอบงาน
ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบในลักษณะเดียวกันกับบริษัททั้งหมด 26 โครงการ
รวมมูลค่าโครงการนับแสนล้านบาท

นายยรรยงค์ โควศิวนนท์ อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้าง กล่าวว่า
บริษัทรับเหมารายย่อยที่เซ็นสัญญาก่อสร้างในสนามบินสุวรรณภูมิ
ส่วนใหญ่ มีการส่งมอบโครงการแล้วประมาณ 99%
และจะส่งมอบให้ครบภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อให้ทันกับการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
แต่หลายบริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงินเพราะต้องกู้เงินมาเร่งก่อสร้าง
ซึ่งยังไม่ได้มีการเบิกจ่าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรับช่วงงานต่อจากบริษัทขนาดใหญ่

** 300 บริษัทอ่วม รัฐค้างเบิกจ่าย-ค่าเค

เขายังระบุว่า ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างที่ประสบปัญหาภาครัฐค้างค่างวด
มีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 60,000 ล้านบาท
และค้างค่าเค ที่ต้องชดเชยกรณีวัสดุก่อสร้างและต้นทุนต่างๆ ขึ้นราคาประมาณ 10,000 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
จากบริษัทรับเหมาที่ได้รับความเสียหายประมาณ 300-500 บริษัท

?จากการสำรวจของสมาคมในเบื้องต้น พบว่า..
ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบมีการเบิกจ่ายค่างวดล่าช้า
และบางรายแม้ส่งงานไปแล้วประมาณ 2 เดือนก็ยังไม่ได้รับเงิน? เขากล่าว



** ลงสัตยาบันยกเลิกงานรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมสมาคมครั้งที่ผ่านมา
สมาชิกสมาคมรายหนึ่งเสนอทางออกในการแก้ไขปัญหารัฐค้างเบิกจ่ายเงินค่างวดว่า
โครงการใดที่ประมูลงานได้และยังไม่ได้ทำสัญญากับภาครัฐก่อนเดือนมีนาคม
รวมถึงยังไม่ได้เซ็นสัญญา ก็ให้ยกเลิกสัญญากับภาครัฐไปเลย

จากข้อเสนอดังกล่าว ในจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 300 บริษัท
มีผู้เห็นด้วยไม่ต่ำกว่า 90% ทั้งนี้ที่ประชุมได้ตกลงกันว่า
หากปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข จะทำสัตยาบันในกลุ่มผู้ประกอบการก่อสร้างด้วยกันเอง
ให้บอกเลิกสัญญารับงานจากภาครัฐ
เพราะส่วนใหญ่ต่างก็เห็นว่าหากฝืนรับงานในภาวะเช่นนี้ ต้องขาดทุนไม่ต่ำกว่า 15% แน่นอน

**จี้ประมูลอีออคชั่นฮั้วฝุ่นตลบ

นายไกร ตั้งสง่า นายกสมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
ไม่เห็นด้วยกับระบบประมูลแบบอีออคชั่น
เพราะไม่มั่นใจความโปร่งใสในการล็อกสเปค
และยังมีการร้องเรียนเข้ามามากเช่นเดิม เนื่องจากระบบการประมูลแบบนี้
เป็นระบบที่ใช้ได้เพียงในสินค้าที่สามารถระบุคุณสมบัติได้ชัดเจน เช่น ตู้เย็น คอมพิวเตอร์
แต่โครงการก่อสร้างเป็นงานภาคบริการที่ต้องอิงผลงาน
ดังนั้นภาครัฐควรปรับระบบการประมูลแบบใหม่เป็นระบบ E-Building
ซึ่งเป็นงานประมูลที่แยกโครงการก่อสร้างออกมา
และควรมีการแบ่งแยกประเภทโครงการเป็น 3 ประเภท ตามขนาดและมูลค่าของแต่ละโครงการ



**โวยจ่ายค่าต๋งเพิ่มให้บริษัทกลางจัดประมูล

นายมานะวิทย์ ชัยสมบัติ ประธานกรรมการ บริษัท มงคลวิทย์ จำกัด กล่าวว่า
ได้ขอให้สมาคมเข้าไปเจรจากับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง
เกี่ยวกับประกาศเก็บค่าจัดการประมูลอีออคชั่นของที่ออกมาในเดือนที่ผ่านมา
พบว่าไม่มีความเป็นธรรมต่อบริษัทก่อสร้างที่ประมูลโครงการกับภาครัฐ
เพราะบริษัทที่ประมูลโครงการก่อสร้างในต่างจังหวัด
จะต้องจ่ายเงินให้กับบริษัทกลางที่มาจัดการประมูล
และยังต้องจ่ายเพิ่มเป็นระยะทางและมูลค่าโครงการ
ซึ่งเป็นภาระต้นทุนที่เพิ่มโดยไม่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้าง



ที่มา - กรุงเทพธุรกิจ BIZWEEK[/color:11cb5ceda1">

ข่าวนี้ สะท้อน ราคาตลาดหมดยังหว่า

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3