May 3, 2024   4:48:10 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับพระอริยสงฆ์
 

???...???
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 163
วันที่: 18/06/2006 @ 19:01:13
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

http://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=1121

[b:b5fee8d7ae">เรื่องของหลวงปู่แหวน , หลวงปู่หลุย กับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ [/b:b5fee8d7ae">


คัดจากหนังสือชีวประวัติ หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต วัดอรัญญวิเวก (ป่าลัน) บ.ป่าลัน ต.ปงน้อย กิ่ง อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย

เรื่องของหลวงปู่หลุย
มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงปู่หลุยท่านได้มาพักที่วัดดอยแม่ปั๋ง กะว่าจะอยู่กับหลวงปู่แหวนไปสักพักนึงก่อน เพราะว่าเป็นคนจังหวัดเลยด้วยกัน พออยู่ต่อมาหลวงปู่หลุยได้ยินข่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จมากราบหลวงปู่แหวน หลวงปู่หลุยได้ยินดังนั้นก็รีบไปอยู่ที่อื่น ไปอยู่ที่อำเภอแม่แตง หลวงปู่หลุยท่านกลัวพูดกับพระราชามหากษัตริย์ไม่เป็น หลวงปู่หลุยท่านพูดว่า พูดกับพระราชาไม่เป็น นี่คอขาดบาดตายนะเรา เป็นพระป่าพระดงไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ท่านพูด
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมากราบหลวงปู่แหวนแล้ว หลวงปู่แหวน ท่านก็พูดกับในหลวงว่า ท่านหลุยก็มาอยู่นี่แหละ แต่หนีไปอยู่ที่แม่แตงแล้ว กลัวพูดกับพระราชามหากษัตริย์ไม่เป็น กลัวคอขาดบาดตาย ว่าอย่างนั้น สมเด็จพระราชินีก็พูดออกมาว่า ไม่เป็นอย่างนั้นดอกพระเจ้าข้า พวกดิฉันไม่ได้ถือยศฐาบรรดาศักดิ์อะไรหรอกเจ้าข้า พูดแบบนี้เป็นกันเองนี้แหละเจ้าข้า แล้วพระราชินีก็พูดกับหลวงปู่แหวนว่า เมื่อดิฉันกลับจากที่นี้ไปแล้ว จะไปกราบหลวงปู่หลุยให้ได้ ไม่ต้องกลัวเจ้าข้า ในหลวงท่านเสด็จมากราบหลวงปู่แหวนแต่ละครั้ง ตั้งแต่บ่ายสองโมง จนถึงหนึ่งทุ่มสองทุ่มเป็นประจำ การเสด็จมาวัดดอยแม่ปั๋ง แต่ละครั้ง ถือเป็นการส่วนตัวพระองค์เอง
ครั้นต่อมาสมเด็จพระราชินี ได้ให้ราชเลขาไปตามหาหลวงปู่หลุย ว่าท่านอยู่ที่ไหน ก็ทราบว่าหลวงปู่หลุยท่านไปพักอยู่ที่วัดหลวงปู่ตื้อ หรือว่าวัดพระอาจารย์เปลี่ยน ผู้เขี่ยนก็จำไม่ค่อยได้ สมเด็จพระราชินีก็ได้เสด็จไปกราบหลวงปู่หลุย ตั้งแต่นั้นมา หลวงปู่หลุยก็ได้เข้าๆ ออกๆ อยู่กับพระราชวังตลอดมา ตราบเท่าหลวงปู่หลุยมรณภาพ
อันนี้คือด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมที่เป็นพระมหากษัตริย์ไทยของเรา ได้เข้าไปถึงประชาชนทุกที่ทุกแห่งหนตำบลใดก็ตาม มีพระเจ้าพระสงฆ์ที่ท่านได้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในป่าในเขาที่ไหนๆ ก็ตาม ท่านก็ย่อมเข้าถึงที่ทุกๆ แห่ง

เรื่องของหลวงปู่แหวน
หลวงปู่แหวนได้ป่วยหนัก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านได้อาราธนาให้ หลวงปู่แหวนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ ตึกสุจิณฺโณ ในหลวงท่านได้รับเอาหลวงปู่ไว้เป็นคนไข้ของพระองค์เอง จนในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2528 หลวงปู่แหวนท่านก็ได้ละขันธิ์อย่างสงบนิ่ง ในเวลา 21.53 น.
ข่าวการมรณภาพของหลวงปู่แหวน ซึ่งตรงกับวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2528 ก็ได้ทราบถึงฝ่าละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา และ พระบรมราชินีนารถ เหมือนกับว่าดินฟ้าถล่มไปทั่วเมืองไทย ในหลวงก็ได้พระราชทานโกศหลวง และ รดน้ำอาบศพที่สถานพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้นก็ได้มีบุคคลทั่วทิศานุทิศ ไปเคารพศพหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็ได้นำศพของหลวงปู่แหวนมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดดอยแม่ปั๋ง ตามเดิม
สิริอายุหลวงปู่แหวนได้ 99 ปี ในหลวงท่านขออายุหลวงปู่แหวนให้ได้ 120 ปี แต่หลวงปู่ก็พูดกับในหลวงว่า เอาเพียง 99 ปี ก็พอเถอะ มันลำบากผู้อยู่ แล้วก็ได้ 99 ปี ตามที่ว่าเอาไว้จริงๆ อันนี้คือพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามธรรมวินัยของพระพุทธศาสนาแท้จริง ขอให้พวกเราทุกๆคน จงนำเอาเป็นตัวอย่างของหลวงปู่แหวนนี้ ไว้สืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป ศาสนาของเราจะได้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปข้างหน้า

 กลับขึ้นบน
mr.w
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 490
#1 วันที่: 19/06/2006 @ 14:39:08 : re: เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับพระอริยสงฆ์
เรื่องนี้ก็ดีมาก มาก อีกเรื่องนึงครับ คิก คิก

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#2 วันที่: 19/06/2006 @ 20:36:04 : re: เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับพระอริยสงฆ์
ศาสนาพุทธ จะอยู่ได้ ก็โดยการเข้าถึงแก่นแท้อย่างแท้จริง ....

พ่อของแผ่นดิน ได้ทรงพิสูจน์ ให้ปวงชน ( ทั้งโลก ) ได้เห็นกระจ่างแล้ว...
นับเป็นโชคดี ของพวกเราชาวไทย จริงๆๆๆ ที่ได้เกิดในร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ท่าน...

จะขอจดจำมิมีวันลืมเลือน ...
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#3 วันที่: 20/06/2006 @ 06:57:59 : re: เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับพระอริยสงฆ์
[b:ee9d83d4e6">โลกพระศรีอาริย์[/color:ee9d83d4e6">[/size:ee9d83d4e6">[/b:ee9d83d4e6">


ท่านอาจารย์พุทธทาส ปาฐกถาธรรม ถ่ายทอดทาง วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2530 ในหัวข้อ ทศพิธราชธรรมข้อที่ 1 ว่าด้วย...ทาน[/color:ee9d83d4e6">

?จิตที่คิดจะให้นั้น มันสบายว่าจิตที่คิดจะเอา? จิตที่จะ เอามันเร่าร้อนเพราะความเห็นแก่ตัว เมื่อไม่เห็นแก่ตัวมันก็ไม่ร้อน กินเองเดี๋ยวก็ถ่ายออกก็หมดเรื่อง แต่ถ้าให้ผู้อื่นกิน มันไปอยู่ในจิตใจของเขา และอยู่ในใจของเรา นึกขึ้นทีไรก็ยังอิ่มอยู่นั่นแหละ อิ่มเพราะได้ให้ผู้อื่นกิน
การให้ทานมีผลเกินคาดอย่างนี้ อิ่มตลอดกาลแล้วยังทำลายความเห็นแก่ตัวด้วยนี่คือทาน... ประการแรก ที่เรียกว่าวัตถุทาน...[/color:ee9d83d4e6">


ทาน...ประการต่อมา...ได้แก่การสนับสนุนกำลังใจ ชี้แนะหนทาง ให้โอกาส ทำตัวอย่างให้ดู...เรียกว่าธรรมทาน เมื่อไม่มีวัตถุสิ่งของที่จะให้ ก็ให้ธรรมะ
สมัยพุทธกาล ใครไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ท่านก็ให้ธรรมะเป็นการปฏิสันถาร
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ทานที่ช่วยทางกาย ช่วยทางจิต ช่วยจนบรรลุมรรคผลนิพพาน คือธรรมทาน ชนะทานทั้งปวง[/color:ee9d83d4e6">


อภัยทาน...เป็นข้อรั้งท้าย หมายถึงความมีเมตตา กรุณารวมอยู่ด้วย อภัยโทษ...ถ้าขอโทษก็อภัยโทษ การให้อภัยทาน ทำให้ไม่มีจิตคิดเบียดเบียนใคร หรือผู้ใด
ถ้าทุกคนถือหลักนี้ได้ จะอยู่ในโลกนี้อย่างปกติสุขที่สุด[/color:ee9d83d4e6">


ท่านอาจารย์พุทธทาส บอกว่า พระจริยวัตรของสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารแห่งประเทศไทย เต็มไปด้วยการให้ทานในลักษณะนี้ ใครๆก็เห็นอยู่ รู้จักอยู่ ...

ทรงกระทำให้เกิดโอกาส เกิดวิธีใหม่ๆ ให้เกิดอุปกรณ์ในการทำกิน ให้เกิดแหล่งน้ำ...เป็นต้น นี่คือวัตถุทาน

ทรงตักเตือนอยู่ทุกเวลา ทุกโอกาส ทำให้เกิดสติปัญญา นี่คือ...ธรรมทาน

ทรงมีอภัยทาน...ยกโทษ แม้ในกรณีที่เป็นการหมิ่นพระบรม เดชานุภาพ

ทรงประกอบด้วยทานครบทั้งสามประการ เห็นปานนี้...

ขอให้เราทั้งหลาย เดินตามรอยพระยุคลบาท ด้วยการร่วมมือกับพระองค์ สนองพระราชประสงค์[/color:ee9d83d4e6">


ท่านอาจารย์พุทธทาส บอกว่า ทาน เป็นหัวข้อที่ 1 ใน 10 ข้อ ของทศพิธราชธรรม เป็นธรรมสำหรับพระราชา กระทำให้มหาชนร้องออกมาว่า ?พอใจๆ?[/color:ee9d83d4e6">


[b:ee9d83d4e6">คำว่าราชา...แปลว่า พอใจ[/color:ee9d83d4e6">[/size:ee9d83d4e6">[/b:ee9d83d4e6">


เมื่อเรามีพระราชา ที่ทำให้มหาชน เปล่งร้องคำว่า พอใจๆ เพราะบำเพ็ญทศพิธราชธรรม โดยเฉพาะข้อทาน ครบถ้วนบริบูรณ์ ทั้งสามข้อแล้ว
ประชาชนก็ควรดำเนินตามรอยพระยุคลบาท ทำให้สังคมนี้ เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยการช่วยเหลือกันและกัน และสังคมแห่งการให้ ไม่ต้องรอกันนานเป็นกัปๆ โลกพระศรีอาริยเมตไตรย ก็จะเกิดขึ้นมาทันตาเห็น. [/color:ee9d83d4e6">


(ข้อมูล...จากหนังสือ พุทธทาสภิกขุ โชคดีมีโอกาส ได้ตามรอยพระยุคลบาท โดยทศพิธราชธรรม สำนักพิมพ์อมรินทร์)

กิเลน ประลองเชิง.....30 พ.ค. 2549
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com