ก.ล.ต.ขยายฟังความคิดเห็นเกณฑ์ ถือหุ้นกรรมการอิสระถึงสิ้นมิ.ย.

ก.ล.ต.-ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขยายเวลาเปิดรับฟังความเห็นข้อกำหนด
ลดสัดส่วนการถือหุ้นของกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ
จาก 5% เหลือ 1%ถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ก่อนประกาศใช้เดือนกรกฎาคมปีหน้า

นางณัฐญา นิยมานุสร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมบรรษัทภิบาล สำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยว่า
สำนักงาน ก.ล.ต. และ ตลท. อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นจากบริษัทจดทะเบียน
ในเรื่องการปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ
โดยได้ขยายเวลาเปิดรับฟังออกไปจากเดิมวันที่ 23 มิถุนายน เป็นสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
จากนั้น ก.ล.ต. และ ตลท.จะนำข้อมูลที่ได้มาประมวลและแก้ไขข้อกำหนดดังกล่าว
และคาดว่าจะเริ่มประกาศใช้อย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2550

เหตุที่ต้องปรับปรุงข้อกำหนดดังกล่าวเนื่องจากที่ผ่านมาข้อกำหนดของ ก.ล.ต. และ ตลท. ในเรื่องนี้
ยังซ้ำซ้อนกันอยู่ในบางเรื่อง ทั้ง 2 หน่วยงาน จึงต้องการปรับปรุงข้อกำหนดให้มีความชัดเจนมากขึ้น
โดยภายหลังการปรับปรุงแล้วจะแบ่งส่วนกันชัดเจนว่าข้อกำหนดของ ก.ล.ต.
จะครอบคลุมในเรื่องของคุณสมบัติของกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ
ส่วนข้อกำหนดของ ตลท. จะเน้นที่บทบาทหน้าที่ของกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ

สำหรับข้อเสนอเบื้องต้นของ ก.ล.ต. เกี่ยวกับการแก้ไขข้อกำหนด
เกี่ยวกับกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ
ได้แก่การลดสัดส่วนหุ้นที่กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบสามารถถือครองได้
จากไม่เกิน 5% เหลือไม่เกิน 1% เพราะการถือหุ้นในบริษัทที่ตัวเองเป็นกรรมการอยู่ถึง 5%
พิจารณาได้ว่าส่วนได้เสียดังกล่าว อาจมีผลกระทบต่อการให้ความเห็นที่เป็นอิสระได้
ขณะเดียวกันยังให้เพิ่มข้อกำหนดที่ว่ากรรมการตรวจสอบ
ต้องไม่ดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจสอบในบริษัทใดบริษัทหนึ่งนานกว่า 9 ปี
จากปัจจุบันที่ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องนี้
เพราะการดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจสอบในบริษัทใด ๆ เป็นระยะเวลานาน
อาจจะทำให้เกิดความคุ้นเคยจนกระทบต่อการแสดงความเห็นได้

นอกจากนี้ มีข้อเสนอให้กรรมการตรวจสอบอย่างน้อย 1 คน
ต้องสำเร็จการศึกษาขั้นต่ำปริญญาตรีทางบัญชี
และมีประสบการณ์ในสายงานบัญชีหรือการเงินเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 ปีล่าสุด
หรือในช่วง 5 ปีล่าสุด มีประสบการณ์ในสายงานบัญชีหรือการเงิน
จากปัจจุบันที่กำหนดเพียงว่ากรรมการตรวจสอบอย่างน้อย 1 คน
ต้องมีความรู้และประสบการณ์ในการสอบทานงบการเงิน
โดยการปรับปรุงข้อกำหนดในเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องความรู้และประสบการณ์ของกรรมการตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม ในการสำรวจความเห็นที่ผ่านมามีข้อคิดเห็นที่แย้งกับข้อเสนอของ ก.ล.ต. เช่นกัน
เช่น ข้อเสนอที่ให้กรรมการตรวจสอบอย่างน้อย 2 คน ต้องมีถิ่นที่อยู่ในไทย
คือในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ต้องอยู่ในประเทศไทยเกิน 180 วัน จากเดิมที่ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องนี้
เพื่อให้มั่นใจว่ากรรมการตรวจสอบจะมีเวลาติดตามดูแลการบริหารจัดการบริษัทได้อย่างใกล้ชิด
แต่มีข้อคิดเห็นแย้งเข้ามาว่าปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารรุดหน้าไปมากแล้ว
อาจไม่จำเป็นต้องให้กรรมการตรวจสอบมีถิ่นฐานในไทยนานขนาดนั้นก็ได้
ซึ่ง ก.ล.ต. และ ตลท. จะรับไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงข้อกำหนดดังกล่าวให้มีความเหมาะสมต่อไป

ทาม ไม บ้าน เรา ยุ่ง กาน อย่าง นี้

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3