???? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,238 | วันที่: 21/06/2006 @ 07:59:20 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต AP ยันฐานะการเงินแข็งแกร่งหนี้สินต่อทุนแค่ 1 เท่า ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนสยบข่าวลือตามห้องค้าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เคจีไอเชื่องบ Q2 กำไรกว่า 200 ล้านบาทเพิ่มขึ้นกว่า22%
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ(ประเทศไทย)เปิดเผยว่าจากประชุมกับผู้บริหารบริษัท เอเชี่ยนพร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน)หรือ AP ผู้บริหารยืนยันไม่มีแผนเพิ่มทุนแน่นอนซึ่งเป็นการปฏิเสธความลือช่วงสัปดาห์ก่อนถึงประเด็นการเพิ่มทุนที่ตลาดสงสัยว่าอาจมีความเป็นไปได้ โดยผู้บริหาร AP ยืนยันว่าปัจจุบันฐานะการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่งและยังมีการรับรู้รายได้ จากการขายโครงการได้อย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นไตรมาส 2 มีอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 1.1 เท่า ใกล้เคียงกับระดับที่ 1 เท่า ที่บริษัทตั้งนโยบายทางการเงินไว้
ทั้งนี้แม้ว่าบริษัทยังยังไม่มีแผนที่จะออกหุ้นกู้จำนวน 2 พันล้านบาท ดังที่ได้ขอมติผู้ถือหุ้นไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดบอนด์ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ซึ่งไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจกับบริษัทได้
สำหรับงบประมาณเงินลงทุนใช้ซื้อที่ดิน ปี 49 AP ตั้งเป้าไว้ที่จำนวน 2 พันล้านบาทโดยช่วงครึ่งปีแรกได้ใช้ไปแล้ว 1.5 พันล้านบาท และอนาคตหากบริษัทมีความต้องการต้องใช้แหล่งเงินทุนเพิ่ม บริษัทก็สามารถใช้แหล่งเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินได้ ซึ่งมีต้นทุนดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าการออกหุ้นกู้ในภาวะตลาดปัจจุบัน
ส่วนไตรมาส 2 มียอดขายโครงการที่ชะลอตัวลงค่อนข้างมากเป็น 1.2 พันล้านบาทลดลง 29% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/49 ที่ 1.7 พันล้านบาท เป็นผลกระทบจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง โดยจำนวนลูกค้าที่เข้าเยื่ยมชมโครงการ แม้จะไม่ได้มีจำนวนลดลงมาก แต่เนื่องจากลูกค้าแต่ละรายมีการใช้เวลาในการตัดสินใจยากขึ้นและนานขึ้น ประกอบกับในแต่ละโครงการมียอดยกเลิกการจองมากขึ้นเนื่องจากการขอสินเชื่อไม่ผ่าน ส่งให้ยอดขายเพิ่มขึ้นสุทธิน้อยกว่าที่คาดไว้ค่อนข้างมาก
โดยได้ปรับกำไรสุทธิปี 49 ลง 16% เป็น 858 ล้านบาท และปี 50 ลง 18% เป็น990 ล้านบาท จากผลกระทบของยอดขายโครงการ ที่ต่ำกว่าคาดการแข่งขันธุรกิจอสังหาฯที่รุนแรงขึ้น ขณะที่ต้นทุนการก่อสร้างยังคงปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ความสามารถในการทำกำไรลดลง ส่งผลให้เราปรับประมาณการยอดขายปี 49 และปี 50 ลง 10%และปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นปี 49 เป็น 32.4% และปี 50 เป็น 32.5% ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 49ปรับลดลง 16% เป็น 858 ล้านบาท และปี 50 ลดลง 18% เป็น 990 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/49 ที่ 203 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 22% แต่ลดลง13% โดยยอดขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3% แต่ลดลง 10% เป็น 1.4 พันล้านบาท เนื่องจากยอดขายจากโครงการเทาวน์เฮ้าส์ที่บางนามีการชะลอตัวไปรับรู้ในไตรมาส 3/49 ในขณะที่การรับรู้รายได้ไตรมาสนี้ยังคงเป็นรายได้จากโครงการบ้านกลางกรุงพระราม3 เป็นหลัก สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/49 คาดว่าจะทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 32.5%
ที่มา ข่าวหุ้น[/color:343f6c6c80">
|