ตลาดหุ้นวานนี้ปิดที่ 649.74 จุด บวกเพิ่ม 2.96 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายต่ำเตี้ยติดดิน 5.46 พันล้านบาท
ต่ำสุดในรอบ 3 ปีเชียวค่ะ เห็นแล้วใจคอไม่ดีค่ะ ฝรั่งยังขายออกมานิดหน่อย
รอความชัดเจนจากถ้อยแถลงของเบน เบอร์นันเก้ปลายเดือนนี้
พูดแล้วอย่าหาว่าโมนิก้าใจแคบ แต่เดี๊ยนแอบหมั่นไส้ตาดับเบิ้ล บ.คนนี้จริงๆค่ะ

*ตำราพิชิตหุ้นว่าไว้หากตลาดปิดบวก แต่วอลุ่มหาย ถือเป็นสัญญาณร้ายค่ะ
เหมือนบอกเป็นนัยว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวลงต่อ ชนิดหาแนวรับไม่เจอ
ภาวะตลาดเช่นนี้ คุณพี่ภัทรียาเบญจพลชัยผู้จัดการตลาดหุ้น
ต้องงัดกลยุทธ์การตลาดขึ้นมากระตุ้นโดยด่วนค่ะ
จะมาพูดเพียงว่าตลาดหุ้นยังดีอยู่นั้นไม่ได้หรอกนะค่ะ อย่างนี้เรียกว่ามีดีแต่ฝีปาก แต่ขาดฝีมือค่ะ

*เดี๊ยนทราบมาว่า คุณพี่ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจ ก็ขอชมฝีมือเป็นบุญตาหน่อยค่ะ
ถ้าทำได้มีหรือนักลงทุนจะไม่ปรบมือให้กันเกรียว
ส่วนโมนิก้านั้นเตรียมปรบมือไว้ล่วงหน้าแล้วค่ะ
แต่ถ้ายังคิดอะไรไม่ออก ก็กลับปัดฝุ่นตำราของPhillip Kotlerปรมาจารย์ด้านการตลาดดร.สมคิดดูได้
อาจผุดไอเดียเจ๋งๆ มากระตุ้นตลาดหุ้นยามนี้ได้ค่ะ จะหวังงานโรดโชว์เดือนก.ค.เพียงอย่างเดียวไม่ได้แล้ว!

*สำหรับหุ้น ADVANC ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังมีการตั้งข้อสงสัยมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่(เทมาเส็ก)ต้องมารับผิดชอบค่าปรับมูลค่า 7.5 หมื่นล้านบาทจากกรณี ITV อีก
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง อาจทำให้ผู้ถือหุ้นใหญ่มีสิทธิฟ้องร้อง บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น(SHIN) ตามที่เป็นข่าว
เพราะไม่ได้มีการระบุประเด็นความเสี่ยงดังกล่าวไว้ในข้อตกลงว่า
จะต้องรับผิดชอบในกรณีที่มีการฟ้องร้องค่าสัมปาทานเอง

*งานนี้ทำให้อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ กลุ่มตระกูลชินวัตร คงต้องร้อนๆ หนาว ๆกันแล้วละคะ
เพราะถ้าเกิดกาฟ้องร้องกันจริง คงต้องดูว่าจะทำได้จริงหรือไม่ค่ะ

*ด้าน IEC หุ้นเก็งกำไร ที่อดีตผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่ บี เตชะอุบลประกาศว่า
จะไปตั้งกองทุน Opus Thailand Opportunity และมีแผนลงทุนในหุ้น IECด้วย
ออกมาพูดมากขนาดนี้ ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ออกมาเบรกบ้างหรือคะ
เพราะอย่างนี้เข้าข่ายชี้นำนะคะคุณพี่ตลท.ทั้งหลาย

*การออกมาโปรยข่าวดีของ บี ครั้งนี้ ได้ผลอย่างมากคะ
เพราะตลาดช่วงเช้าที่เปิดตลาดก็มีนักลงทุนรายย่อยกระโดดเข้ามาเก็บหุ้นเข้าพอร์ตทั้งนั้นเลยคะ
แต่ดูจากสภาพแล้วเมื่อใดที่มีแรงซื้อเข้ามามาก ก็จะมีแรงเทขายรออยู่
ซึ่งทำให้ราคาหุ้นไม่ไปไหนเลยสุดท้ายก็ปิดลบ

*สภาพอย่างนี้ ไม่อยากแนะนำให้รีบเข้าไปทันที เพราะราคาหุ้นมีสิทธิที่จะร่วงต่อได้อีก
เพราะถ้าจำได้การเพิ่มทุนครั้งที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นได้หุ้นในราคาที่ต่ำกว่าหุ้นในกระดานหลายอัฐอยู่
ซึ่งเดี๊ยนไม่อยากให้เป็นการปล่อยข่าวเพื่อหลอกทุบเอาของถูก
ราคาหุ้นลดลง 0.02บาท ปิดที่ 3 บาท

*ข่าวดีของ DCC อยู่ที่ ล่าสุดกองทุน JF Asset Management (Singapore)
ก็เข้ามาถือหุ้นใหญ่เกิน 5 % ไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนจะถือสั้นหรือยาวนั้น โมนิก้าไม่อาจรู้ได้คะ แต่เท่าที่ดู กองทุนดังกล่าวคงเป็นพวกเข้าเร็วออกเร็วเจ้าคะ
ราคาหุ้นปิดที่14.80บาท บวก 0.10 บาท

*ส่วนรายนี้ ประภา วิริยประไพกิจ ประธานกรรมการ UTP
ที่ล่าสุดได้โอนหุ้นออกมาทั้งหมด จำนวน 5.85 %
โดยเหลือหุ้นติดพอร์ตไว้เพียง 1 พันหุ้นเท่านั้น

และโอนหุ้นทั้งหมดให้กับบุคคลทั้ง 4 ราย ดังต่อไปนี้
น.ส.สาวะภา น้อยสุวรรณ
น.ส.วรรณี จันทร์ไกรวัล
,น.ส.พรทิพท์ ศรีสุทธิธาดา
และ น.ส.ทักษพร ศรีมา

*บุคคลที่ประภา โอนหุ้นให้นั้น ไม่ทราบว่าเป็นใคร
ส่วนจะโอนให้ด้วยความพิสวาสหรือไม่นั้น ก็ไม่อาจทราบได้
เพราะถ้าให้โมนิก้าฟันธง คงไม่พ้นต้องมีการเตรียมตัวเพื่อจะเทขายออกมาอย่างแน่นอนคะ
ยิ่งมาดูธุรกิจการพิมพ์ และกระดาษช่วงนี้
ยิ่งทำให้หุ้นในกลุ่มดังกล่าวคงได้รับอานิสงส์จากการใช้กระดาษกันอย่างเนื่องแน่นคะ
ราคาหุ้นปิดที่4.12 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

*ด้านวันชัย คุณานันทกุล กรรมการผู้อำนวยการ SIAM
ก็เทขายหุ้นออกมาล็อตใหญ่จำนวน 12.04 ล้านหุ้น
ส่วนจะมีแรงดลใจนั้น คงต้องไปถามกันเอาเอง
แต่เท่าที่รู้แน่นๆว่าวันชัย มีหุ้นอยู่ในมือตอนนี้ที่ไล่เก็บเมื่อต้นปี 2549 มากถึง 110 ล้านหุ้น
การเทขายหุ้นล็อตนี้ คงเป็นการขายแบบเบาะๆ
แต่ถ้าให้ขายจริงหุ้นคงต้องลงมากกว่านี้แน่นอนคะ
ใครชอบของหนัก ก็เชิญเข้าไปรับต่อจาก เฮียวันชัย ได้นะคะ ท่าทางมีให้ทิ้งอีกเพียบคะ

*สำหรับหุ้นน้องใหม่ SECC ที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะเหนือจองได้เลย
ไม่เป็นเพราะตลาดไม่เต็มใจหรือเปล่า
แต่เท่าที่รู้หมอยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม รายใหญ่ของ FNS ที่ได้หุ้นไปมากมาย
คงต้องกลับไปเป็นหมอรักษาตัวเองแล้วกระมัง
ไม่รู้งานนี้กำลังภายในของหมอหายไปไหนหมด
หรือว่าจะมีคนรู้แกวหรือเปล่า ถึงไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ราคาหุ้นปิดที่2.52 บาทลบไป 0.06บาท (จากเดิมราคาจองไอพีโอ 3 บาท )

*เมื่อพูดถึงหุ้น DAIDO ของวิชัย ทองแตง ทุกครั้ง
โมนิก้าจะรู้สึกที่จะเอือมระอากับงบการเงินของบริษัทนี้เหลือเกิน
เพราะล่าสุด เพิ่งจะแจ้งงบไตรมาส 2 ของปี 2548มา ซึ่งล่าช้ากว่าปกติเกือบ 1 ปี
แถมผู้ตรวจสอบบัญชีก็ยังไม่แสดงความเห็นในงบการเงินของบริษัทอีกด้วย

เป็นเหตุให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงให้สิทธิในการเครื่องหมาย SP ต่อบริษัทนี้ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด
เห็นแล้วเหนื่อยใจแทนผู้ถือหุ้นรายย่อยจริงๆ คะ