วันที่: 23/06/2006 @ 17:18:38 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ตลาดหุ้น กำลังตกอยู่ในสภาพซึมหนัก และมีแนวโน้มว่าจะพัฒนาไปสู่สภาพตายซาก เพราะนักลงทุนที่มองไม่เห็นโอกาสในการลงทุน จะพากัน พักรบ ลาบวช ตลาดหุ้น
พิษจากปัญหาเศรษฐกิจ และ สถานการณ์การเมือง แสดงอาการชัดเจนขึ้นแล้ว โดยมูลค่าการซื้อขายเริ่มหดลง เหลือเพียงระดับ 5-8 พันล้านบาทต่อวัน เนื่องจากนักลงทุน พักรบ การลงทุนสิ่งที่กังวลกันคือ หากปัญหาการเมืองยืดเยื้อ และส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ ปัจจุบันเริ่มถูกกระทบบ้างแล้ว โดยการบริโภคลดลง เนื่องจากผู้บริโภคไม่มั่นใจในอนาคต ขณะที่นักลงทุนชะลอการลงทุน งบเบิกจ่ายภาครัฐต่ำกว่าเป้าหมายเกินครึ่ง
ถ้าผลกระทบทางเศรษฐกิจลุกลาม จนอัตราการเติบโตทรุดตัวลงรุนแรง ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะตกต่ำตาม ส่งผลให้ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นอ่อนแอ การปรับฐานครั้งใหญ่อาจเกิดขึ้น เพราะนักลงทุนต่างประเทศพากันเทขาย และอาจย้ายเงินไปลงทุนในประเทศอื่น
เคจีไอ (ประเทศไทย) ออกบทวิจัยระบุชัดเจนว่า ในปี 2549 คาดว่าบริษัทจดทะเบียน (บจ.)จะมีกำไรสุทธิลดลง 5.7% หรืออยู่ที่ 5.08 แสนล้านบาท จากปี 2548 ที่มีกำไรสุทธิรวม 5.38 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.3%จากปี2547
ต้นเหตุสำคัญ บอกว่าเกิดจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น
เคจีไอคาดว่ากำไรบจ.ที่ลดลงส่งผลให้ความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของบจ.ในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 3.34% ลดลงจาก 3.61% ในปีก่อน
ต้นเหตุสำคัญ บอกว่าเกิดจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น
เคจีไอคาดว่ากำไรบจ.ที่ลดลงส่งผลให้ความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของบจ.ในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 3.34% ลดลงจาก 3.61% ในปีก่อน
ที่น่ากังวลก็คือ ตามทฤษฎีแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยและราคาหุ้นนั้นผกผันกัน หมายความว่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ราคาหุ้นจะลดลง และเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับลดลง ราคาหุ้นจะขึ้น
สรุปง่ายๆก็คือตราบใดที่อัตราเงินปันผลจ่ายในตลาดทุนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ย ตลาดทุนจะไม่ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยสูง ต่อเมื่ออัตราดอกเบี้ยได้สูงกว่าอัตราปันผลจ่ายเมื่อไร อัตราดอกเบี้ยที่สูงนี้จะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้น
แสดงว่า..อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันได้ปรับสูงขึ้นมากกว่าอัตราปันผลจ่ายแล้ว ดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารแห่งชาติ หรือที่เรียกว่าอาร์พีสิบสี่วันนั้นอยู่ที่ 4.75% ชี้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะคงปรับสูงขึ้น และปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ยจะคงทำหน้าที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุนในตลาดทุนต่อไป จนกว่าจะคาดหวังได้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะหยุดขึ้นแล้ว ความคาดหวังนี้จะเกิดเมื่ออัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง ซึ่งปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อที่ยังสูงต่อไปของไทยอยู่ที่ 6.2%
ปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ยจะคงทำหน้าที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุนในตลาดทุนต่อไป จนกว่าจะคาดหวังได้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะหยุดขึ้นแล้ว ความคาดหวังนี้จะเกิดเมื่ออัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง เมื่อเห็นอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงเมื่อไร หรือแนวโน้มในโลกให้ความคาดหวังการหยุดขึ้นของอัตราดอกเบี้ยมื่อไร เชื่อว่าเมื่อนั้นตลาดหุ้นไทยจะตอบสนองเชิงบวกต่อปัจจัยนี้อย่างมีนัยสำคัญอย่างแน่นอน
ความหวังที่จะเห็นหุ้นฟื้นในระยะสั้นยังห่างไกล
นักวิเคราะห์หุ้นฟันธงกันแล้ว ตลาดหุ้นรอบนี้มีโอกาสซึมยาว อย่างน้อยก็ไตรมาส 4 ไปโน่น หลังจากทิศทางดอกเบี้ยเริ่มชะลอตัว การเมืองลงตัว ฉะนั้นช่วงนี้จึงแนะนำให้หากิจกรรมอื่นแก้เซ็งกันเป็นการชั่วคราว จะดูบอลโลกก็น่าจะมีความสุขกว่า หรือจะไป ลาบวช ?ล้างซวย? เป็นการชั่วคราวก็ดี เพราะมองยังไงก็ไม่เห็นสัญญาณหุ้นฟื้น แม้จะมีการปรับขึ้นลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศบ้างเป็นครั้งคราว
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น กำลังตกอยู่ในสภาพซึมหนัก และมีแนวโน้มว่าจะพัฒนาไปสู่สภาพตายซาก เพราะนักลงทุนที่มองไม่เห็นโอกาสในการลงทุน จะพากัน พักรบ ลาบวช ตลาดหุ้น โดยนักลงทุนที่ตัดสินใจ พักรบ ลาบวช จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
|