บิ๊ก เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ รอปล่อยทีเด็ด หลังราคาหุ้นไปไม่ถึงดวงดาว ยืนยันหนักแน่นธุรกิจรถหรูนำเข้าไม่สะดุดตามเศรษฐกิจ ขณะเจ้าตัวยอมรับรู้จักเซียนปั้นหุ้นเยอะ..แต่หุ้น SECC ห้ามแตะ!!! ขอโตตามธรรมชาติ



หากการเข้าสู่ ตลาดหุ้น คือ จุดสตาร์ท ของ บมจ.เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (SECC)

...เส้นชัยที่ สมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการหนุ่ม วัย 38 ปี กำลังจะเคลื่อนไปนั้น ก็คือ การเป็นผู้ให้บริการรถยนต์ครบวงจร รวมไปถึงอุตสาหกรรมคมนาคม ระบบโลจิสติกส์

สมพงษ์ แย้มว่า รายได้ของ เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ กว่า 90% มาจากการจำหน่ายรถยนต์นำเข้าประกอบเสร็จ ส่วนที่เหลือเป็นเพียงการบริการหลังการขาย

... แต่วันนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจาก โปรเจคยังไม่ชัดเจน อาจจะกระทบต่อมูลค่าหุ้นในตลาดได้

ถ้าเราจะทำแต่ธุรกิจขายรถอย่างเดียว ผมคงไม่เข้าตลาด การเข้าตลาดหุ้นก็แสดงว่าเรามีแผนที่จะขยายธุรกิจอยู่ในใจ...เรากำลังศึกษาธุรกิจอย่างระมัดระวัง และเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ที่มีข้อมูลครบถ้วน บอร์ดบริหารตัดสินใจอนุมัติแล้ว เราก็จะทำงานด้วยความรวดเร็วเหมือน รถเฟอร์รารี่ ตามสไตล์ของเรา

สมพงษ์ ยืนยันว่า วันนี้บริษัทมีฐานะการเงินมั่นคง มีเงินสดอยู่ในมือมากกว่าร้อยล้านบาท และเพิ่งจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปชำระหนี้ 200 ล้านบาท ทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง และตัวเลขทางการเงินดีขึ้นมาก

เส้นทางการเติบโตของ เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แม้แต่ สมพงษ์ เองยังมองว่าธุรกิจนำเข้ารถยนต์หรู จับตลาดเฉพาะกลุ่ม (นิชมาร์เก็ต) อนาคตการเติบโตจึงไม่หวือหวา ขณะที่การให้บริการหลังการขายก็ยังมีสัดส่วนรายได้ที่น้อย

เรากำลังค่อยๆ ไต่ระดับลงจากตลาดบน ไปสู่ตลาดแมส มากขึ้นเรื่อยๆ โดยพอร์ต ลูกค้าของบริษัทมีประมาณ 10,000 รายแล้ว

ขณะที่รายได้ของ เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ ช่วงไตรมาส 1 มีรายได้ 805 ล้านบาท เติบโตถึง 26.80% มีกำไรสุทธิ 64 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 200%

วันนี้เศรษฐกิจไม่ดีเราก็ยังสบาย ผมไม่อยากคุยว่าความจริงแล้วรถระดับราคา 10 ล้านบาท บางรุ่นยังไม่พอขายเลย

สมพงษ์ บอกว่า ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติจะมีโอกาสด้วยเสมอ ถ้าอยู่เฉยๆ ก็คือ รับสภาพ แต่ถ้าเรารู้จักหลบ รู้จักรุก รู้จักหาช่องทาง ก็เป็นโอกาส

ส่วนปัญหาด้านราคาน้ำมันแพงนั้น ทางบริษัทก็ได้แก้เกมด้วยการปรับกลยุทธ์โดยได้มีการเพิ่มรุ่นรถยนต์ที่จำหน่าย รวมทั้งนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เป็นรถยนต์ประหยัดพลังงาน เช่น รถยนต์ Hybrid เข้ามาจำหน่ายมากขึ้น จากที่เคยนำเข้ารถวิ่ง 7 กิโลเมตร/ลิตร ก็เป็น 15 กิโลเมตร/ลิตร ลูกค้าได้ความหรูหราเหมือนเดิม นั่งสบายเหมือนเดิม

นอกจากนี้ยังใช้กลยุทธ์นำเข้ารถยนต์ราคาถูกลง เหลือคันละ 2 ล้านบาท จากเดิม 3 ล้านบาท เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งออกแคมเปญมากระตุ้นยอดขาย อย่างเช่น แคมเปญ เมค อิส อีซี่ กับรถยนต์ 5 รุ่น ด้วยเงินดาวน์ต่ำสุด 15% พร้อมผ่อนชำระในระบบ บอลลูน จะทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น

ดังนั้น สมพงษ์ จึงมั่นใจว่าในปีนี้รายได้ของบริษัทจะโตกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน

สำหรับสต็อกสินค้าคงเหลือของบริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนมากถึง 69% ของสินทรัพย์รวมในไตรมาส 1 นั้น สมพงษ์ บอกว่า ตามมาตรฐานบริษัทจะสต็อกสินค้าล่วงหน้าประมาณ 4 เดือน ซึ่งถือว่าเหมาะสมกับการให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ด้านสต็อกที่ดูสูงนั้นอาจจะมาจากช่วงคาบเกี่ยวช่วงที่ลูกค้าสั่งจองรถเข้ามาแล้วแต่ยังไม่ได้มารับรถ..โดยยืนยันว่า รถสต็อกเก่าค้างปี แทบไม่มี!

การที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของ เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ คือ ลูกค้าเกรด A เป็นชนวนเหตุให้ สมพงษ์ คุ้นเคยกับ นักเล่นหุ้นรายใหญ่หลายต่อหลายคนในตลาดหุ้น ซึ่งเขายอมรับว่า ในช่วงที่ขายหุ้นไอพีโอ มีรายใหญ่หลายคนเข้ามาจองซื้อหุ้นของบริษัทที่ราคา 3 บาท แต่จนถึงขณะนี้ไม่แน่ใจว่า ยังคงถือหุ้นอยู่หรือไม่

แต่ สมพงษ์ ยืนยันว่า หุ้น SECC ไม่มี (เจ้ามือ) ดูแลเป็นกรณีพิเศษ ไม่เช่นนั้นราคาหุ้นจะต้องวิ่งมากกว่านี้..ไม่ใช่ปรับตัวลดลง

บริษัทนี้ผมก่อตั้งมา 15 ปี ไม่ใช่เพิ่งมาแต่งตัวเข้าตลาด ฉะนั้นผมเรียนว่าเราจะเติบโตด้วยพื้นฐาน เติบโตอย่างสง่างาม เติบโตด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุน และให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่ต้องการอะไรที่มาแค่ชั่วคราว

...ส่วนใครจะมาเล่นหุ้นเราหรือไม่ ตรงนี้ห้ามเขาไม่ได้ แต่ยืนยันว่าเจ้าของหุ้น(ตัวเอง) จะไม่ให้ความร่วมมือเด็ดขาด

สมพงษ์ บอกว่า ราคาหุ้น SECC ที่ปรับตัวลดลงจากราคาจองนั้น จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ถ้าพื้นฐานดี กำไรดี ราคาหุ้นก็จะดีเอง โดยเฉพาะตอนนี้ บล.ไทยพาณิชย์ ก็เข้ามาซื้อหุ้นเรา ทั้งๆ ที่ไม่เคยมาเยี่ยมชมกิจการ และเราก็ไม่ได้เป็นลูกค้าของ บล.ไทยพาณิชย์ ถือว่าเขาให้ความเชื่อมั่นเรา

ข้อดีของการไม่มีเจ้ามือ ก็คือ ทำให้หุ้น SECC เล่นง่าย มีโปรเจคราคาก็จะขึ้น ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ราคาก็จะตกนิดหน่อย เดาทางง่าย สมพงษ์ บอกใบ้

สำหรับนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้ามาจองซื้อหุ้น SECC ได้แก่ ศิริธัช โรจนพฤกษ์, มยุรี สุขศรีวงศ์ และ ท.พ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม เป็นต้น

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3

เอาเงิน เพิ่มทุนไปจ่าย หนี้ หุหุ