May 6, 2024   10:41:04 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปั้น ไทยซัมมิท....
 

??????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
วันที่: 25/06/2006 @ 16:53:35
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

cover story :

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปั้น ไทยซัมมิท ผงาดอาเซียน+2

เราจะไม่ยอมเป็นบริษัทที่อยู่ในทุนนิยมหางแถว แต่ต้องการเป็นบริษัทที่สามารถใช้ประโยชน์จากทุนนิยม
ใช้ประโยชน์จากโกลบอลไลซ์ ไม่ยอมสยบยอมกับมัน นี่คือปรัชญา

กะเทาะแก่นคิด และปรัชญาธุรกิจของเจเนอเรชั่นที่สอง ไทยซัมมิท
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับการขับเคลื่อนไทยซัมมิท สู่คลื่นลูกใหม่ ทุนไทย
ออกไปลงทุนในอินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และจีน
ประกาศปลดแอกจากการเป็น ทุนนิยมหางแถว คาดอีก 5 ปีผงาดสู่ยักษ์ใหญ่ชิ้นส่วนฯภูมิภาค

-------------------------------------------------------------

 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#1 วันที่: 25/06/2006 @ 16:56:22 : re: ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปั้น ไทยซัมมิท....
เพียงชั่วระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี ของการเข้ามาสานต่ออาณาจักรธุรกิจหมื่นล้านไทยซัมมิท
หลังสิ้นเสาหลักครอบครัว พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ...ธุรกิจของไทยซัมมิท ไม่เพียงแต่ยืนหยัดอยู่ได้

แต่กำลังก้าวกระโดด ขยายอาณาจักรไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งในไลน์ธุรกิจหลักชิ้นส่วนยานยนต์ และข้ามสายธุรกิจใหม่
อย่างโรงแรม สนามกอล์ฟ สปอร์ตคลับ ฯลฯ
รวมถึงการไล่ล่าซื้อกิจการธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ค่ายอื่น
เช่น การซื้อกิจการของบริษัทสยาม ออโต แมนูแฟคเจอริ่ง ในเครือนิสสัน
ฮุบตลาดแชสซีรถปิกอัพรายใหญ่ที่สุดในเมืองไทย

ถึงวันนี้ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ พ่วงด้วย 2 ทายาท ชนาพรรณ และ ธนาธร ...
ผู้หญิงคนเดียวกับเด็กอีกสองคน ที่เคยถูกปรามาสไว้ กำลังสร้างประวัติศาสตร์ หน้าใหม่ให้กับไทยซัมมิท

กลายเป็นอีก กลุ่มทุน ในเมืองไทย ที่ทุกจังหวะย่างก้าวของการเคลื่อนตัวตกเป็นเป้าสนใจ

นอกจากการขยายธุรกิจในเมืองไทย อีก แอ็คชั่น ที่ไทยซัมมิทกำลังรุกคืบ คือ
การขยายฐานการผลิตธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ในต่างประเทศ
โดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกลุ่มไทยซัมมิท
นายน้อย ลูกชายคนโตของตระกูล วัย 27 ปี ที่ก้าวเข้ามาเป็นกำลังสำคัญ

ธนาธร วันนี้ สลัดคราบจากอดีตนักเคลื่อนไหวเอ็นจีโอ สู่มาดนักธุรกิจเต็มตัว
พลังในตัวคนหนุ่มไฟแรงกำลังถูกนำมาใช้ขับเคลื่อนธุรกิจของไทยซัมมิท

แต่ละวันตารางชีวิตของธนาธรแน่นเอี้ยด เขาทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับว่า
ความสามารถอาจไม่ได้วัดกันด้วยอายุ เรียกว่า ได้ดังใจ
สมกับ สมพร ผู้เป็นแม่ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า เชื่อว่าลูกๆ เฟิร์ม วันนี้ปลื้มใจลูกมาก

แผนปีนี้ คือ ลงทุนในอินโดนีเซีย และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ปี 2550 เราน่าจะมีโปรเจคในเวียดนาม
และปี 2551 จะเป็นการลงทุนในจีน ธนาธร กล่าวถึงทิศทางการขยายอาณาจักรในต่างประเทศของไทยซัมมิท

จากโรงงานในไทย และมาเลเซีย ไทยซัมมิท ภายใต้การบริหารของเจเนอเรชั่นใหม่
ขยายสู่การลงทุนในอินเดีย และเตรียมก้าวไปปักฐานในอินโดนีเซีย เวียดนาม และจีน
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#2 วันที่: 25/06/2006 @ 17:00:35 : re: ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปั้น ไทยซัมมิท....
ตลาดอาเซียน+2 หรืออาเซียน บวกจีนและอินเดีย
เป็นเป้าหมายการลงทุนต่างประเทศของไทยซัมมิท และหากเป็นไปตามแผน
ภายใน 5 ปีนี้ ธนาธร ประเมินว่า ยอดขายในประเทศและต่างประเทศ จะอยู่ในสัดส่วนเท่าๆกัน หรือ 50:50
(ปัจจุบัน เฉพาะยอดขายในเมืองไทยของไทยซัมมิทปีล่าสุดอยู่ที่ 26,000 ล้านบาท)

อีกนัยหนึ่งจึงอาจหมายถึง ภายใน 5 ปีจากนี้ ยอดขายของไทยซัมมิททั้งหมด
รวมกันแล้ว อย่างต่ำก็คงมีไม่น้อยกว่าปีละ 50,000 ล้านบาท !

ธนาธร ให้สัมภาษณ์ถึงปรัชญาธุรกิจ
ที่อยู่เบื้องหลังการรุกออกไปลงทุนในต่างประเทศของไทยซัมมิท ที่กำลังเพิ่มดีกรีขึ้นเรื่อยๆ ว่า

เรามองว่าต้องโกลบอลไลซ์ตัวเราเอง ผมคิดว่ามันไม่มีทางหลีกหนีได้
ณ วันนี้ โกลบอลไลเซชั่นมันมาเคาะประตูบ้านคุณแล้ว ไม่ว่าจะชอบ หรือไม่ชอบก็ตาม คุณหลีกหนีไม่ได้

จะเลือกอย่างไหน? ระหว่าง Take Defensive Move ตั้งรับอยู่แต่ในบ้าน รอให้คู่แข่งต่างชาติเข้ามาเรื่อยๆ
หรือจะ Take Offensive Move คือ ออกไปลุยกับคนอื่น...สำหรับไทยซัมมิท เลือกอย่างหลัง

ด้วยประสบการณ์ 30 ปีของเรา คิดว่ามีศักยภาพพอที่จะสู้
ผมไม่อยากเคลมว่า ไทยซัมมิท เป็นเนชั่นแนลแชมเปี้ยน
ถึงเราไม่ได้เป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็เป็นหนึ่งในผู้นำออโต้พาร์ทในประเทศไทย

ด้วยศักยภาพที่เรามี เราสามารถออกไปลุยกับคนอื่นได้ สามารถโกลบอลไลซ์ตัวเองได้
หรืออย่างน้อยสุด เราสามารถรีจินัลไลซ์ตัวเองได้
คือ ทำตัวเองให้มีไซส์ใหญ่พอประมาณ แล้วออกไปลุยกับที่อื่น

นี่เป็นวิธีที่เราเลือก เราจะไม่ยอมเป็นบริษัทที่อยู่ในทุนนิยมโลก ที่หยุดอยู่ใน ทุนนิยมหางแถว
แต่ต้องการเป็นบริษัทที่สามารถใช้ประโยชน์จากทุนนิยม ใช้ประโยชน์จากโกลบอลไลซ์ได้
คือ เราไม่ยอมสยบยอมกับมัน นี่คือปรัชญา

ธนาธร กล่าวด้วยว่า แนวโน้มธุรกิจที่ผ่านมา จะเห็นการ Reverse Globalization
หรือที่นักวิชาการบางคนเรียกว่า เป็น Third World Globalization
คือ บริษัทจากประเทศกำลังพัฒนา ที่เติบโตเป็นเนชั่นแนลแชมเปียนแล้วออกไปต่างประเทศ
เช่น ทาทา กรุ๊ปจากอินเดีย ไปเทคโอเวอร์บริษัทชาในอังกฤษ
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#3 วันที่: 25/06/2006 @ 17:03:19 : re: ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปั้น ไทยซัมมิท....
หรืออย่างโปรตอน ไปเทคโอเวอร์โลตัส แม้จะเป็นความพยายามที่ล้มเหลว
แต่จะเห็นความพยายามของบริษัทในประเทศกำลังพัฒนาที่จะโกลบอลไลซ์ตัวเอง
หรือ ตัวอย่างกรณีของซีนุก บริษัทน้ำมันอันดับ 3 ของจีน
ที่มีความพยายามจะเข้าไปเทคโอเวอร์บริษัทยูโนแคลของอเมริกา

โลกาภิวัตน์ ทุนนิยมแบบไร้พรมแดน การเปิดเสรีการค้าการลงทุน
มองว่าเป็นได้ทั้งภัยคุกคาม แต่สำหรับไทยซัมมิทเลือกที่จะมองให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ

ผมว่าหลักการทุนนิยม คือ การแบ่งสรรปันส่วนด้านธุรกิจ
ยิ่งคุณวิ่งเข้าใกล้ ยิ่งลึกเท่าไหร่ในทุนนิยม การแบ่งสันปันส่วนจะยิ่งใหญ่ขึ้น
แต่คุณยิ่งอยู่ ขอบนอก ของทุนนิยมมากขึ้นเท่าไหร่
การแบ่งสันปันส่วน หรือการจัดสรรเค้กผลประโยชน์จะยิ่งเล็กลงทุกที
ถ้าอยู่แต่ในเมืองไทย คุณก็จะมีเค้กแค่นี้
ถ้าขยายพื้นที่มากขึ้น หรือคุณเข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดการในทุนนิยมมากขึ้นเท่าไหร่
การแบ่งเค้กของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นด้วย

นี่จึงเป็นเหตุผลที่อธิบายว่า ทำไมไทยซัมมิท ถึงต้องเดินหน้าขยายอาณาจักรธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์
สู่การเป็นยักษ์ใหญ่นอกบ้าน โดยโฟกัสที่ภูมิภาคอาเซียน รวมจีน และอินเดีย
เพราะเป้าหมายคือการแบ่งเค้กที่ใหญ่ขึ้น ปลดแอกจากบริษัทในทุนนิยมหางแถว
สู่การเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ first tier ในภูมิภาค

ถ้าไม่ใหญ่ ก็ยังอยู่รอดได้ แต่อยู่ในฐานะ second tier แปลว่า คุณจะเข้าถึงใจกลางทุนนิยมได้น้อย
การเป็น first tier จะเข้าถึงเค้กก้อนใหญ่กว่า
และถ้าเป็น first tier ในภูมิภาค เค้กของผมก็ยิ่งเยอะกว่า ทุนนิยมเป็นการจัดสรรปันส่วนแบบนี้
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#4 วันที่: 25/06/2006 @ 17:05:06 : re: ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปั้น ไทยซัมมิท....
กรณีการตัดสินใจเข้าไปลงทุนในอินเดียเมื่อ 3 ปีก่อน
เป็นตัวอย่างความสำเร็จ จากการหาประโยชน์จากโลกธุรกิจไร้พรมแดน ที่ธนาธร ภูมิใจ

ไทยซัมมิท เริ่มเข้าไปลงทุนในอินเดียในปี 2546 โดยร่วมทุนกับบริษัทเจบีเอ็ม ในอินเดีย
ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ที่เป็นเหล็ก ป้อนให้กับค่ายฮอนด้า ซูซูกิ ที่ตั้งโรงงานในอินเดีย
และขายให้กับลูกค้าโลคอล คือ บาจา และทีวีเอส บริษัทมอเตอร์ไซค์ในอินเดีย
ปัจจุบันในอินเดีย ไทยซัมมิทมีโรงงานผลิต 3 แห่ง
ในนามบริษัทไทยซัมมิท นีล ออโต จำกัด (TSN) และปีนี้ มีแผนจะขยายเป็น 5 แห่ง

ถ้ามองอย่างดาวน์ไซส์ที่สุด ภายใน 2 ปี
คือ ภายในรอบปีบัญชี 2551 ผมคิดว่ายอดขายในอินเดีย สามารถทำได้ 5,000 ล้านบาท สบายๆ

ธุรกิจของไทยซัมมิทในอินเดีย จึงเติบโตรวดเร็วเหนือความคาดหมาย

จากยอดขาย 8 ล้านบาทในปีแรก กระโดดมาเป็น 1,300 ล้านบาทในปี 2548
และในรอบปีบัญชี 2549 นี้ (ระหว่างเม.ย.2549-มี.ค.2550) คาดว่าจะมียอดขายแตะระดับ 2,700 ล้านบาท
หรือเติบโตเพิ่มขึ้นมาเกือบเท่าตัว และในอีก 2 ปีข้างหน้า ยอดขายจะทะลุ 5,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน

ถามว่าเราไปลงทุน เพราะโดน force ด้วยปัจจัยอื่นๆ รึเปล่า
ทุกอย่างเป็นปัจจัยในการตัดสินใจทั้งหมด
แต่ปัจจัยที่เป็นปัจจัยที่เราตัดสินใจจริงๆ คือ ตลาดที่ใหญ่มาก และด้านเทคโนโลยียังต่ำ ในตลาดอินเดีย

ผมคิดว่า ตลาดใหญ่ เทคโนโลยีต่ำ และอันเดอร์อินเวสเมนท์ในอุตสาหกรรมออโต้พาร์ท
คือ การลงทุนไม่เพียงพอ บวกกับตลาดและเศรษฐกิจที่กำลังโต 6-7% ต่อปี ทำให้เราเห็นช่องทางก็เลยเข้าไป
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#5 วันที่: 25/06/2006 @ 17:09:23 : re: ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปั้น ไทยซัมมิท....
ธนาธร เปรียบเทียบให้เห็นว่า ตลาดในอินเดียมีขนาดใหญ่กว่าไทยมาก
เช่น ยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ในอินเดียมีถึง 8 ล้านคัน และยังเป็นตลาดที่มีโอกาสโตได้อีก
ขณะที่ในเมืองไทยมียอดขาย 2 ล้านกว่าคัน ซึ่งเริ่มถึงจุดอิ่มตัว
และคงไม่โตไปกว่านี้แล้ว เรียกว่าขนาดตลาดต่างกันมหาศาล

ถ้าไทยซัมมิทไม่ออกไปทำที่อินเดีย นั่นหมายความว่า ชิ้นงานนี้ที่เราไม่ทำ จะมีคนอื่นมาทำแทน
ถ้าเราไม่ได้ชิ้นงานพวกนั้น คนอื่นก็ต้องได้ไป วันนี้ถ้าเราไม่เข้าไป จะต้องมีคนอื่นที่เข้าไปแทน
ไม่ว่าจะเป็นบริษัทโลคอล หรือบริษัทข้ามชาติ เขาก็จะใหญ่ขึ้น แต่เราก็จะอยู่ตรงนี้เท่าเดิม
และด้วยขนาดของ Economy Of Scale ที่ใหญ่ขึ้นมหาศาล
ถ้าเมื่อไหร่บริษัทจากอินเดียที่ใหญ่ขนาดนี้ ย้อนกลับมาลงทุนในเมืองไทย ไทยซัมมิทก็ตายเลย ธนาธร บอก

แทนที่จะเลือก Take action แบบเชิงรับ ไทยซัมมิท เลือกที่เป็นฝ่ายบุกลงทุนเชิงรุก
และถือเป็นบริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ไทยรายแรกๆ ที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศ
โดยปี 2546 ถือเป็นปีแห่งการก้าวครั้งสำคัญ

นอกจากไปลงทุนที่อินเดียแล้ว ยังเข้าไปเปิดเซลส์ออฟฟิศที่ญี่ปุ่น
ธนาธร บอกว่า ครั้งนั้นถือเป็นเคสที่ใหญ่พอสมควร
ถึงขนาดที่เจโทร ติดต่อขอเอาเคสของไทยซัมมิท ไปเป็นกรณีศึกษา
เพราะเป็นบริษัทชิ้นส่วนไทยรายแรกๆ ที่เข้าไปเปิดออฟฟิศในญี่ปุ่น

สำหรับธนาธรแล้ว อินเดีย นับเป็นก้าวแรกจริงๆ ของประสบการณ์การออกไปลงทุนในต่างประเทศอย่างเต็มรูป
เพราะโรงงานในมาเลเซียของไทยซัมมิท เข้าไปทำมานานมากแล้วนับ 20 ปี จนคุ้นเคยกับตลาดเป็นอย่างดี
จนแทบไม่ต่างจากไปภูเก็ต โดยปัจจุบัน ในมาเลเซียมีโรงงานทั้งหมด 5 แห่ง

ปีนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด มั่นใจว่า 95% เราจะมีโครงการที่อินโดนีเซียเกิดขึ้นแน่นอน
ซึ่งถ้าธุรกิจในอินโดนีเซีย กับอินเดียไปได้ดี และตลาดที่มาเลเซีย ยังรักษาระดับไปอย่างนี้
ตามมาตรฐานการลงทุนในเวียดนาม และจีน ในปีต่อๆไปตามแผน
ผมคิดว่ายอดขายในประเทศและต่างประเทศ น่าจะมีสัดส่วนเท่ากัน
หรือ 50:50 ภายใน 5 ปี จากตอนนี้ ยอดขายปีที่แล้วในไทยของเราอยู่ที่ 26,000 ล้านบาท

การก้าวเข้าไปลงทุนที่อินโดนีเซีย
ธนาธร มองถึงการรองรับโอกาสธุรกิจจากการเปิดเสรีอาเซียนตามกรอบอาฟต้า
ซึ่งเขามองว่าแนวโน้มที่ตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะกลายเป็นตลาดเดียวเหมือนกับอียู
คือ มีการเคลื่อนย้ายแรงงาน เงินทุน และการค้าอย่างเสรี จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ การเข้าไปลงทุน ยังมองเรื่องขนาดตลาดเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย และเวียดนาม
และเป็นการเข้าไปลงทุนตามบริษัทลูกค้าที่เป็นค่ายรถยนต์
แต่ถ้าในอนาคต จากการเป็นตลาดเดียวของอาเซียน
หากผลิตชิ้นส่วนจากที่ไหนมีต้นทุนที่ถูกกว่า ก็พร้อมที่เคลื่อนย้ายกันภายในกลุ่ม

ในปี 2551 ธนาธร คาดว่าจะได้เห็นโปรเจค Cross-Border Trade เกิดขึ้นแน่นอนใ
ในกลุ่มไทยซัมมิทระหว่างอินเดียกับไทย
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#6 วันที่: 25/06/2006 @ 17:12:23 : re: ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปั้น ไทยซัมมิท....
ส่วนการ Cross-Border Trade ระหว่างไทยซัมมิทในไทย ในอินโดนีเซีย เวียดนาม ฯลฯ
น่าจะเกิดขึ้นตามมาแน่นอนในไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่ยังไม่ใช่วันนี้

ปัจจัยการลงทุน วันนี้ ยังคงเป็นเรื่องตลาดเป็นหลัก
ส่วนในระยะยาว ถ้ามองถึงวัตถุดิบ หลายๆตัวที่เราสู้ไม่ได้ อินเดียน่าจะดีกว่า
อย่างที่บอกถ้าระยะกลาง 2-3 ปี ถ้าทำที่อินเดียถูกกว่า เราก็อาจจะทำที่อินเดีย
แล้วส่งกลับมาก็มีความเป็นไปได้ เทียบแล้ว ค่าแรงเมืองไทยคงสู้อินเดียไม่ได้
แต่โนว์ฮาว และประสบการณ์เรามีมากกว่า
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไทยมีความสามารถการแข่งขันน้อยลง คือ เราไม่มีบริษัทผลิตเครื่องจักรเอง

ในบรรดาแผนการลงทุนในประเทศเป้าหมายของไทยซัมมิท
ไล่จากอินเดีย มาอินโดนีเซีย เวียดนาม ส่วนจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุด
กลับอยูในลำดับปีท้ายๆ สุดของการลงทุน
คือ หลังจากปี 2550 ไปแล้ว ธนาธร ให้เหตุผลว่า การทำธุรกิจคือการบริหารความเสี่ยง
ถ้าสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ ก็ไปลงทุนได้

การลงทุนในจีนสำหรับเรา คิดว่ายังมีความเสี่ยงเยอะเกินกว่าที่เราจะสามารถบริหารได้
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เอาจีนไปไว้ท้ายสุด แต่ทุกวันนี้เรายังคงให้ความสนใจและศึกษาอยู่
ปีๆ หนึ่งมีคนของเราเดินทางไปจีนเป็นสิบๆคน รวมทั้งตัวผมเองด้วย
เราศึกษาอยู่ตลอด ไม่เคยปล่อยให้หลุดลอดจากสายตาอยู่แล้ว
แม้แต่ช่วงปีที่ผ่านมา ก็มีโอกาสที่ทางจีนเสนอมาเยอะ แต่เราตอบปฏิเสธไปหมด

สำหรับเม็ดเงินลงทุนในต่างประเทศของไทยซัมมิทในปีนี้
ธนาธรคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท
โดยน้ำหนักการลงทุนจะอยู่ที่อินเดียเป็นหลัก
ตามมาด้วยอินโดนีเซีย ส่วนการลงทุนในเมืองไทย ล่าสุด ได้ปรับลดการลงทุน 15%
จากแผนเดิมที่วางไว้ 1,600 ล้านบาท หรือเหลือประมาณ 1,360 ล้านบาท
ตามทิศทางเศรษฐกิจปีนี้ที่คาดว่าชะลอตัวลง



โดย.... ดุลยปวีณ กรณฑ์แสง[/color:c4aefc5373">
 กลับขึ้นบน
mr.w
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 490
#7 วันที่: 01/07/2006 @ 17:57:44 : re: ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปั้น ไทยซัมมิท....
จะเป้นเหมือนเหล็ก ไหมครับ

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com