arthor สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 803 | วันที่: 28/06/2006 @ 12:37:34 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ลุ้นข่าวยุบพรรคการเมือง ?
--------------------------------------------------------------------------------
ทิศทางการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้นเริ่มฟื้นตัวขึ้นโดยเป็นการตีกลับทางเทคนิคในกรอบ 651 - 685 โดยนักลงทุนระยะสั้นยังคงติดตามสถานการณ์การทางเมืองโดยเฉพาะ เรื่องการยุบพรรคการเมืองขนาดใหญ่ คือ พรรคไทยรักไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบกับบรรยากาศการฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลกสำคัญ ๆ เป็น กุญแจ สำหรับการเล่นเก็งกำไรระยะสั้น โดยมีราคาหุ้นที่ซื้อขายกันที่ต่ำกว่ามูลค่าแท้จริงเป็นตัวประกอบที่สำคัญ
ความมั่นใจในการลงทุนระยะสั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ แสดงภาวะตลาดหมีที่ดำเนินต่อไป สังเกตได้จากมูลค่าการซื้อขายที่ยังคงต่ำกว่าระดับ 10,000 ล้านบาทต่อวัน ยังเป็นสัญญาณสะท้อนความอ่อนแอของการลงทุนในตลาดหุ้นระยะสั้น แม้ว่า นักลงทุนจะหวังว่า การปิดบัญชีงวดครึ่งปี 2549 อาจจะมีการฟื้นตัวของราคาหุ้นเนื่องจากการตกแต่งบัญชี และมีข่าวเกี่ยวกับการคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 2
หรือครึ่งปีแรกเป็นตัวกระตุ้นก็ตาม
ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 2 คาดว่ายังคงต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้เนื่องจากตลาดโดยรวมได้รับผลกระทบจากปัจจัยสำคัญหลาย ๆ ปัจจัย เช่น ในไตรมาสที่สอง กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่ำกว่าปกติเนื่องจากมีวันหยุดค่อนข้างมาก บรรยากาศทางการเมืองเป็นไปอย่างอึมครึมทำให้การลงทุนใหม่ ๆ ชะลอตัวลง โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการขายหุ้นออกของนักลงทุนต่างชาติ
ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนทั่วไปเข้าไปซื้อในลักษณะ ซื้อไป ถอยไป เนื่องจากตัวแปรที่กระทบการลงทุนประดังเข้ามาเป็นละลอก ๆ
ข้อสังเกตในทางเทคนิคระยะสั้น ตำแหน่งปัจจุบันของดัชนีคาดว่าอยู่ในช่วงของการตีกลับในแนวโน้มหลักขาลง
โดยใช้ฐานราคาบริเวณดัชนี 641 -651 เป็นแนวรับ และมีเป้าหมายทดสอบแนวต้านบริเวณ 685 -690 จุด โดยตัวแปรที่กระตุ้นการเข้ามาเก็งกำไรคือ 1. ราคาหุ้นส่วนใหญ่ที่ซื้อขายกันที่ระดับ Discount เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน 2. การฟื้นตัวของตลาดหุ้นต่างประเทศ 3.การคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาสที่สอง
ของบริษัทบางกลุ่ม 4.ความชัดเจนของปัจจัยการเมือง โดยเฉพาะ ข้อยุติเกี่ยวกับการยุบพรรค การดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการการเลือกตั้งอีก 3 ท่าน
ในมุมมองของไก่ทองเชื่อว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในทางการเมือง จะทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ ชัดเจนขึ้น และนักลงทุนระยะสั้นอาจจะหาจังหวะเข้าเก็งกำไรระยะสั้น ๆ ซึ่งหากกรณีนี้เกิดขึ้นคาดว่าการฟื้นตัวจะจำกัดบริเวณดัชนี 690 บวกแถมอีกนิดหน่อย แต่ไก่ทองไม่เชื่อว่าตลาดจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางจากภาวะตลาดหมีเป็นตลาดกระทิงในระยะเวลาเพียงชั่วข้ามวันข้ามคืน ทั้งนี้เนื่องจากในแง่โครงสร้างของตลาด เรายังเผชิญกับปัญหา ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคโดยรวมได้รับผลกระทบ
การสูงขึ้นของราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยได้มีผลทางลบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคทั้งในทางตรงและทางอ้อม
กล่าวคือ หากรายได้เท่าเดิมกำลังซื้อในเรื่องสาธารณูปโภค และอาหารการกินมีแนวโน้มลดลง เช่น เดิมเงิน 25 บาทซื้อน้ำมันได้หนึ่งลิตร แต่ปัจจุบันเงินเท่าเดิมซื้อน้ำมัน หรือข้าวแกงได้น้อยลง หรือรายได้เท่าเดิมผ่อนเงินต้นกู้ซื้อบ้านได้น้อยลง เพราะอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเป็นต้น ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวคาดว่าคงต้องใช้เวลาและการผลักดันในเชิงนโยบายจากทั้งภาครัฐบาลและเอกชน มากระตุ้นอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ไก่ทองยังเน้นการถือครองตราสารที่ให้ผลตอบแทนในรูป ดอกเบี้ย ซึ่งจะไม่ค่อยเสี่ยงมากนัก โดยอัตราการลงทุนในตราสารหนี้ควรจะสูงกว่า 50% และการลงทุนในหลักทรัพย์ ควรจะต่ำกว่าเพื่อลดความเสี่ยง และควรจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนระยะสั้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับ ปัจจัยใหม่ ๆ ที่เข้ามากระทบต่อการลงทุนในทางลบ ทั้งนี้เพราะผลประกอบการของบริษัท หากออกมาในลักษณะ แย่ลง
หรือเริ่มต้นถดถอยจะทำให้มูลค่า หรือราคาหุ้นเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับผลประกอบการ แม้ว่าจะมีการฝืนเนื่องจากการเก็งกำไรหรือข่าวที่กระทบต่อตัวหุ้นเข้ามาบ้าง แต่คาดว่าไม่น่าจะสร้างเสถียรภาพของราคาได้ในระยะยาว
พฤติกรรมการลงทุนคาดว่าจะยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มปัจจัยพื้นฐานดีที่ไม่เกี่ยวกับการเงิน หรือตลาดหุ้นเนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้ค่อนข้างจะมีเบต้ามากกว่าตลาด และผลประกอบการได้รับผลกระทบได้ง่ายจากภาวะเศรษฐกิจ ส่วนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมและส่งออกที่สามารถผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้และเป็นสินค้าจำเป็นในการบริโภคนั้นคาดว่าจะเป็นตัวเลือกที่สำคัญ โดยหุ้นที่คาดว่าน่าติดตาม เช่น RRC PTT PTTEP SCC ATC ส่วนหุ้นในเกรดเก็งกำไรการตีกลับทางเทคนิคเนื่องจากรับข่าวร้ายมากเกินไป เช่น ITD STEC ITV SATTEL NSM GSTEEL เป็นต้น
ที่มา/ นสพ.ทันหุ้น
|