?ตาย กับ ตาย? .0002 .0002 .0002 .0002
--------------------------------------------------------------------------------

ตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันนักหนา ขวัญและกำลังใจนักลงทุน นักเก็งกำไรทั้งหลายบินออกจากตลาดหุ้นไปจนหมดไม่เหลือหลอแล้ว ทำเอาหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ ในฝั่งโบรกเกอร์ทุกแห่งต้องเร่งหารือ หาทางเยียวยากันอย่างเร่งด่วน เพราะถ้าขืนปล่อยไว้ทำเป็น ทองไม่รู้ร้อน แบบหน่วยงานกำกับดูแลรับรองได้เลยว่าอีกไม่เกิน 3 เดือน วงการค้าหุ้นคงต้องใช้คำว่า ?ตาย กับ ตาย?
ว่ากันว่าโบรกเกอร์ใดมีค่าใช้จ่ายคงที่น้อย ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ดูแลหน่วยงานหา รายได้ค่อนข้างดี ถึงดีมาก หรือดีที่สุดนั่นแหละถึงจะซื้อใจหน่วยงานหารายได้ระดับมือทองเอาไว้ดี ดีไม่ดีอาจจะได้มือดีจากโบรกเกอร์อื่นมาเสริมทัพแบบส้มหล่นเอาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ได้ ส่วนผู้บริหาร โบรกเกอร์บางแห่งที่ทำตัวทอดทิ้งไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่หน่วยงานหารายได้ หรือมนุษย์ทองคำ ในสังกัดให้อยู่ ดีตามสมควร เชื่อเถอะครับหากยิ่งทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เพราะอาจจะถือว่าตัวเองเป็นผู้บริหาร ประเภทเส้นใหญ่ นายรักละก็ เชื่อเถอะอีกไม่นานหรอกครับจะได้รู้ว่ามีแต่ ?ตาย กับ ตาย? น่ะความรู้สึกจะเป็นอย่างไร น้องๆ มนุษย์ทองคำที่กำลังจะย้ายงานก็ดูซ้ายดูขาวให้ดีก็แล้วกัน อย่าหลวมตัวไปเข้าสังกัดโบรกเกอร์ที่มีผู้บริหารแบบที่เล่าให้ฟัง เพราะเดี๋ยวจะ ?ตาย กับ ตาย? เหมือนกัน บอกใบ้ให้สักนิดก็ได้โบรกเกอร์ที่มีผู้บริหารแบบที่เล่าให้ฟังอยู่แถวถนนวิทยุครับผม
ความปั่นป่วนในวงการค้าหุ้นไม่ใช่เกิดขึ้นในเฉพาะฝั่งโบรกเกอร์เท่านั้น ได้ยินมาว่าใน หน่วยงานกำกับดูแลอย่างตลาดหลักทรัพย์ฯ เอง หรือในหน่วยงานกำกับดูแลซึ่งทรงอิทธิพลมากอย่าง กลต. ก็ปั่นป่วนไม่แพ้กัน มีคนภายในหน่วยกำกับดูแลเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ ต.โต้ง ลาออกจาก ตำแหน่งสูงสุดของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไป ศูนย์อำนาจใจการบัญชาการงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เปลี่ยนตามไป ได้คนภายในเล่าให้ฟังบอกว่าช่วงนี้มีการปัดแข้งปัดขากันน่าดู เรียกว่าเผลอเป็นไม่ได้ เป็นถูกแทงข้างหลังเหวอะทีเดียว และมีการปล่อยข่าวลือแทบทุกวันทีเดียว ในทำนองที่ว่าผู้บริหารคนนี้ จะถูกปลดบ้างละ ผู้บริหารอีกคนจะขึ้นมาทำหน้าที่แทนบ้างละ เฮ้อ! ขนาดผู้บริหารในหน่วยงาน กำกับดูแลของตลาดทุนไทยยังมีปัญหาไม่ลงรอยกันแบบนี้แล้ว นักลงทุนจะหันไปพึ่งใครได้เล่าครับ สงสัยคงต้องทำใจกันซะแล้วมั๊ง ?ตายเป็นตาย(ว่ะ)? สำหรับการลงทุนในตลาดทุนไทยนับแต่นี้ต่อไป จนกว่าจะผ่านพ้นปีนี้ไป
ที่สำคัญทั้งนักลงทุน นักเก็งกำไร ไม่ว่ารายใหญ่ รายย่อยคงต้องขยันทำการบ้าน ติดตามข่าวสาร รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารกันอย่างหนัก เพราะจะไปหวังพึ่งข้อมูลข่าวสาร จากหน่วยกำกับดูแลคงไม่ได้แล้ว มิฉะนั้นการลงทุนของนักลงทุนคงจะเป็นแบบ ?ตาย กับ ตาย? เท่านั้นเอง

ที่มา/ นสพ.ทันหุ้นครับผม

?จระเข้ขวางคลอง?
ฟฟฟฟ2 ฟฟฟฟ2 ฟฟฟฟ2 ฟฟฟฟ2
--------------------------------------------------------------------------------

มีข่าวมาจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าผู้บริหารระดับสูงอย่าง ?พี่จาว? โสภาวดี หั่นเป้าบริษัทจดทะเบียนใหม่ เดิมที่ตั้งไว้ถึง 100 บริษัท ลดลงเหลือเพียง 40 บริษัทเท่านั้นเอง จะเรียกว่า ?ถอดใจ? ก็ได้ สถานการณ์ทั้งราคาน้ำมัน ราคาทองคำ อัตราดอกเบี้ย ยังมีแนวโน้มพุ่งขึ้นต่อไปอีก บอกความจริงกับนักลงทุนเป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควรทำแล้วครับ เพราะหากฝืนนำบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นมากเกินไปในสภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยแบบนี้ผลที่ได้รับเบื้องต้น ?หลุดจอง? ทุกรายแหละครับ
บางคนอาจจะถามว่าทำไมผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ถึงปล่อยให้หุ้นหลุดจอง โดยเฉพาะในสัปดาห์แรกที่เข้าซื้อขาย ตอบได้ว่าผู้ถือหุ้นใหญ่หรือเจ้าของหุ้นทุกรายไม่อยากเห็นหุ้นหลุดจองหรอกครับ แต่ที่หลุดจองก็เพราะหน่วยงานกำกับดูแลของตลาดทุนไทยทั้งสองแห่งนั่นแหละมีส่วนที่ทำให้หลุดจอง เนื่องจากอาจจะมองว่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องไม่มีการดูแลสภาพคล่อง เพราะจะถือเป็นการชี้นำสภาพราคาหุ้นไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ยิ่งถ้าหุ้นใหม่รายใดยืนเหนือจองได้ละก็ รับรองไม่เกิน 2 วัน นักลงทุนที่เข้าไปซื้อขายหุ้นน้องใหม่นั้น ไม่ว่าจะรายใหญ่ รายย่อย เป็นโดนตรวจสอบถี่ยิบทีเดียว แล้วนักลงทุนหน้าไหนจะกล้าเข้ามาลงทุน ไม่ว่าจะระยะสั้น หรือระยะยาวก็ตามที ยิ่งนักเก็งกำไรยิ่งไม่ต้องพูดถึง ช่วงนี้เลิกเล่นหุ้นไปเล่นฟุตบอลโลกกันหมดแล้ว เชื่อว่ายังอีกนานกว่าจะเรียกขวัญกำลังใจนักลงทุน นักเก็งกำไรให้กลับมาเป็นปกติได้ ตราบใดที่หน่วยงานกำกับดูแลยังทำตัวเป็น ?จระเข้ขวางคลอง? อยู่แบบนี้
ยิ่งในระยะนี้นักวิเคราะห์หลายสำนักเหลือเกิน ออกมาวิเคราะห์ทำนองฟันธงกันแล้วว่า ดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2549 มีความหวังแค่ 700 จุดต้นๆ เท่านั้นเอง จากประมาณการเมื่อตอนต้นปีไว้ที่ 800 จุด ก็เท่ากับว่าภายในระยะเวลาอีก 6 เดือนต่อไปนี้ในความเห็นของนักวิเคราะห์เหล่านี้ เศรษฐกิจของประเทศไทยจะไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลยหรือไร นักลงทุนท่านใดจะเชื่อนักวิเคราะห์ประเภทนี้หรือไม่ก็ตาม ความเห็นส่วนตัวของผม ไม่ขอเชื่อเป็นอันขาด เพราะนักวิเคราะห์ประเภทนี้ชอบวิเคราะห์เอาตัวเองรอด มองอะไรดีก็ดีจนเกินเหตุ มองอะไรร้ายก็ร้ายเสียจนเกินเหตุเหมือนกัน สิ่งที่สำคัญนักวิเคราะห์ประเภทนี้ วิเคราะห์ตามหลังเหตุการณ์ที่เกิดไปแล้วเสมอ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะวิเคราะห์งานด้วยเหตุด้วยผลล่วงหน้าอย่างแม่นยำให้นักลงทุนได้ยึดถือเป็นแนวทางในการลงทุนได้เลย ตรงกันข้ามหากนักลงทุนปฏิบัติตรงกันข้ามกับนักวิเคราะห์ประเภทนี้ ส่วนใหญ่มัจะได้ผลตอบแทนที่ดีเสมอๆ
ส่งท้ายสัปดาห์นี้หากนักลงทุน(จริงๆ) ทนคันไม้คันมือไม่ไหว อยากเก็บหุ้นพื้นฐานชั้นดีก็ลองชำเลืองดู PTTEP, KBANK ดูสิครับ ได้ยินมาว่ามีสถาบันต่างชาติให้ความเห็นทำนองว่าน่าสนใจซื้อลงทุนในระยะสัก 2 ? 3 เดือน หุ้นทั้งสองตัวนี้มีติดพอร์ตไว้คงไม่ถึงกับทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนหุ้นเก็งกำไรบางตัวหรอกนะครับ

.0001 .0001 ไหน ๆ ๆ ใครตายเหรอ

.0001 .0001 อ้อ ๆ รายย่อยตายนี่เอง


















































ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 สู้ต่อไปเรารายย่อย ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 [/color:4911abc502">

พี่นิค เป้นราย ย่อย หรือ ราย ใหญ่ ครับ คิก คิก

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3