ตลาดหุ้นไทยวันนี้กระชากขึ้นมาปิดถึงที่ 666.80 จุด บวกไป 7.11 จุด
ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่มีเพียง 7.71 พันล้านบาท
เป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่อาจมองข้ามไปได้เพราะฝรั่งเค้าถือว่าเลขดังกล่าวเป็นเลขอัปมงคล
รวมทั้งเป็นการสื่อให้รู้ว่า ซาตานกำลังจะกลับมา หรือที่เรียกกันติดปากว่า OMEN

*ขนาด โมนิก้า ไม่ได้เป็นชาวคริสต์ยังรู้สึกขนพองสยองเกล้ามากขนาดนี้
แล้วคุณๆท่านๆ จะไม่รู้สึกหวาดกลัวก็ดูกะไรอยู่
แถมหนทางเดียวที่เดี๊ยนทำได้ดีที่สุดก็แค่ ภาวนาอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเลย...สาธุ...สาธุ...สาธุ

*ส่วนแรงซื้อที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นกลุ่มพลังงาน
ก็เป็นไปตามราคาน้ำมันที่เริ่มขยับขึ้นอีกรอบ
ขณะเดียวกันก็มีแรงซื้อเก็งกำไรเพื่อทำตัวเลขปิดงวดไตรมาส 2 เข้ามาผสมโรง ดัชนีถึงได้พุ่งขึ้นปรู๊ดปร๊าด

*เพียงแต่ในระยะสั้นนักลงทุนยังต้องจับตาความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศ
ควบคู่กับการพิจารณายุบ 5 พรรคการเมือง
ซึ่งรวมถึงพรรคไทยรักไทย และพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะมีบทสรุปเป็นอย่างไร
ตลอดจนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะออกมาแบบไหนอย่างใกล้ชิดด้วยพะยะค่ะ

*ผลดังกล่าวทำให้เชื่อว่า นักลงทุนต่างชาติจะยังไม่กลับเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างเต็มตัว
เพราะต้องรอดูทิศทางรอบด้านเป็นใจขนาดไหน
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวยังสามารถทยอยซื้อหุ้นเก็บได้เป็นระยะ
โดยเน้นไปยังหุ้นที่ราคาร่วงหล่นลงมาเยอะ ซึ่งสังเกตได้จากหุ้นที่มีค่าพี/อี ที่ต่ำมากๆ

*ส่วนหุ้นเก็งกำไรสั้นๆ ทั้งหลายแหล่
ถือเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ชอบความเสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ
ส่วนนักลงทุนรายใดที่รู้ว่าตนเองใจไม่ด้านพอ ก็ควรถอยฉากออกนอกตลาดฯ จะเป็นการดีที่สุด

*วันนี้ไม่ขอพูดอะไรให้มากความ เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกล้วนตกอยู่ในภาวะถดถอย
แล้วตลาดหุ้นไทยจะต้านกระแสโลกที่เป็นไปในทิศทางขาลงได้อย่างไรกัน
โมนิก้า จึงไม่ขอพูดถึงหุ้นกลุ่มบลูชิพให้เปลืองพื้นที่กระดาษ
เพราะท้ายที่สุดก็ทำได้แค่ รีบาวนด์เพื่อลงต่อ

*EVER คือตัวอย่างหุ้นที่มีลักษณะ ขึ้นเพื่อลง เหมือนกับที่เดี๊ยนเกริ่นนำไว้ทุกประการ
เพราะถ้าพิจารณาถึงกรอบการวิ่งขึ้น วิ่งลงอย่างละเอียดถี่ถ้วน
จะพบว่า หุ้นตัวนี้โดดเด่นจากแรงเก็งกำไรล้วนๆ
ยิ่งวานนี้กระโดดขึ้นมาถึง 0.65 บาท หรือขึ้นไป 13% ก่อนจะมาปิดที่ 5.65 บาท
ไม่ค่อยโสภาสถาพรสำหรับความเห็นของดิฉัน ส่วนคนอื่นจะมองว่าอย่างไรไม่ทราบ ไม่รู้เจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ ITV มีสารพัดปัญหารุมเร้าเต็มไปหมด
แล้วจะให้เดี๊ยนแนะนำให้ซื้อได้อย่างไรกัน
ส่วนกรณีที่ยี้ห้อยอาสาเข้ามาจัดการปมปัญหาเรื่องสัญญานั้น
มองจากมุมไหนด้านไหน ก็เป็นเพียงการเตะถ่วงเวลาตามสไตล์เนติบริกร
ที่ชอบเล่นกับของร้อน โดยหวังเอาหน้าล้วนๆ

*ฉะนั้นการที่หุ้นเด้งขึ้นมาปิดถึงที่ 2.80 บาท บวกไป 0.12 บาท
จึงไม่มีความหมายใดต่อตัวดิฉันและทีมงาน
หลังของมันเห็นๆ กันอยู่ว่าการขึ้นครั้งนี้ไม่มีนัยสำคัญ
ส่วนคนอื่นจะมีความคิดเห็นเป็นเช่นไร เดี๊ยนไม่สามารถตรัสรู้ได้พะยะค่ะ

*ฤาว่ากระแสควบรวมกิจการจะมาวินจริงๆ
ตามที่นอสตราดามุส ก้องเกียรติโอภาสวงการเจ้าพ่อธุรกิจ M&A เคยทำนายไว้
ด้วยอาศัยฐานข้อมูลลูกค้าที่ตัวเองมีอยู่เป็นตัวแปรหลักในการทำนาย
คำตอบของสมการนี้ถึงได้แม่นยังกับจับวาง
พอพูดว่าจะให้โบรกเกอร์ควบรวมกันตลาดฯก็สนองทันทีทันใดค่ะ

*เริ่มจาก BAY กับ จีอีมันนี่
ล่าสุดก็มีกระแสข่าวเรื่อง IEC กับ BLISSที่พร้อมจะคบหาดูใจ
ส่วนจะแต่งหรือไม่นั้นเป็นอีกเรืองหนึ่ง

วันก่อนโน้นก็ธุรกิจเหล็กอย่าง NSM และGSTEEL
แถมด้วย RRC และATC ที่กะกินรวบกิจการ
ราคาหุ้น 2 นี้เลยวิ่งซะระเบิดเถิดเทิง เพราะเป็นหุ้นฐานะค่อนข้างดี
ประวัติไม่มีด่างพร้อย แถมมีแม่อย่างปตท.ที่ร่ำรวยแบบไม่บันยะบันยัง

*เห็นเค้าควงแขนลั่นระฆังวิวาห์กันหลายคู่แบบนี้
ทำเอา สาวโสด สุดเซ็กซี่อย่างโมนิก้าตาร้อนเป็นไฟค่ะ
ต้องรีบหาน้ำมาดับก่อนจะรุกลามมากไปกว่านี้ ฮิๆๆ
แต่เรามาทายกันสิคะว่า เอเซีย พลัสจะได้เป็นเจ้าภาพที่ปรึกษาในการจับคู่ซักกี่ราย
ได้ข่าวแว่วมาว่ายังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการอีกหลายคู่ค่ะ

*แต่ด้วยวอลุ่มอันน้อยนิดมาหลายวัน
นักลงทุนเลยไม่ได้สนใจรายได้จากการควบรวมกิจการซักเท่าใดนัก
ราคาหุ้น ASP เลยร่วงมาลงมาปิดที่ 3.60 บาท ลดลง 0.04 บาท

แต่ไม่ยอมตายเดี่ยวคะ
งานนี้ขอควงแขน คู่แข่งคนสำคัญอย่าง KEST มาปิดที่ 21.50บาท ลดลง 0.20 บาทด้วย
เห็นหุ้นคุณพี่มนตรีแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่าเคยวิ่งขึ้นไปที่70 กว่าบาทค่ะ