May 7, 2024   4:55:53 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ..............หุ้นราคา 0.10 ตัง อย่าคิดว่าถูก อาจหมดตัวได้
 

nikei
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 692
วันที่: 01/07/2006 @ 21:59:03
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

.0008 ไร้คำบรรยายเรย เจอผู้บริหารแบบนี้ .0008

ฟฟฟฟ1 เช็คสภาพ (ช้ำๆ) ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ เล่นหุ้น ประยุทธ รายย่อย..มีแต่แพ้

ใครเล่นหุ้น ตระกูลมหากิจศิริ แล้วมีกำไร คนนั้นคือ เซียนตัวจริง..เจ้าของรวยอยู่คนเดียว โดยเฉพาะ ไทยฟิล์ม อินดัสตรี่ ที่ปล่อยให้ราคาหุ้นเน่าสนิท แล้วค่อยเดินแผนลดทุน..เข้ามาฟื้นฟูทีหลัง



วันที่ 4 กรกฎาคม นี้ ผู้ที่ยังถือหุ้น บมจ.ไทยฟิล์ม อินดัสตรี่ (TFI) ของ ประยุทธ มหากิจศิริ ก็จะต้องยอมรับสภาพกับจำนวนหุ้นที่จะลดลงอย่างมโหฬาร

...ทุกจำนวน 9.55 หุ้นที่มีอยู่ ณ วันนี้ จะถูกลดเหลือเพียง 1 หุ้นเท่านั้น ตามมติของบริษัทที่ให้ลดทุนจาก 6,781.54 ล้านหุ้น เหลือ 710 ล้านหุ้น

ไทยฟิล์มฯ ให้เหตุผลว่าจะนำไปล้าง ส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น จำนวน 3,882.14 ล้านบาท และลดขาดทุนสะสมจำนวน 2,189.39 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่ง และสามารถจ่ายเงินปันผลตามข้อบังคับของบริษัท ได้เร็วขึ้น เมื่อมีกำไรในอนาคต

โดยจะปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 7 กรกฎาคม 2549 และจะให้ตลาดหลักทรัพย์สั่งพักการซื้อขาย (ขึ้น SP) ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2549 จนกว่าจะดำเนินการจดทะเบียนลดทุนแล้วเสร็จ

แม้ ไทยฟิล์มฯ จะถูกลดทุนอย่างมาก แต่ก็ดูเหมือนว่ายังมีนักลงทุนบางกลุ่มที่ยอมเสี่ยงโชคกับอนาคตใหม่ เข้ามารับซื้อหุ้น TFI ที่ราคา 0.11-0.12 บาท

...คำถาม ก็คือ คุ้มหรือไม่กับการซื้อ ไทยฟิล์มฯ ที่ราคานี้ ?

จากการคำนวณจะพบว่า ผู้ที่ซื้อหุ้น TFI ณ ราคา 0.11 บาท เงินทุกๆ 10,000 บาท จะได้หุ้นมาจำนวน 90,909 หุ้น แต่หลังจากบริษัทลดทุน จำนวนหุ้นจะลดเหลือเพียง 9,519 หุ้นเท่านั้น ขณะที่ต้นทุนในการถือครองหุ้นก็จะเพิ่มเป็นหุ้นละ 1.05 บาททันที

หมายความว่า ภายหลัง ไทยฟิล์มฯ ลดทุนเสร็จ (เหลือ 710 ล้านหุ้น) ก็ต้องวัดดวงอีกว่าราคาหุ้น TFI ต้องปรับตัวขึ้นมาสูงกว่า 1.05 บาทถึงจะมีกำไร แต่ถ้าติดหุ้น TFI ที่ราคาสูงอยู่ก่อนแล้ว ไม่ต้องคำนวณก็รู้ว่า เจ๊ง แบบ หมดตัว ไปเรียบร้อยแล้ว

เกมต่อไปไม่ต้องเดาก็รู้ว่า ไทยฟิล์มฯ จะต้อง เพิ่มทุน อีก 2-3 เท่าตัว เพื่อเอาไปสะสางหนี้ที่ไม่ได้ลดลงไปพร้อมกับทุน (ที่หายไป) ถ้าไม่เพิ่มทุนสัดส่วนหนี้สินต่อทุนจะสูงมากจนไม่มีธนาคารรายไหนกล้าปล่อยเครดิตให้อีก

และถ้าไม่รีบเพิ่มทุน ไทยฟิล์มฯ ก็ไปไม่รอดด้วยประการทั้งปวง เหตุเพราะ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทแทบไม่มีสภาพคล่องเหลืออยู่แล้ว ทั้งยังมีหนี้สินหมุนเวียนสูงถึง 2,923 ล้านบาท แต่มีสินทรัพย์หมุนเวียนเพียง 1,427 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทก็มีหนี้สินรวมสูงถึง 4,184 ล้านบาท และมีส่วนผู้ถือหุ้น 1,094 ล้านบาท กิจการ ขาดทุน ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2547 ถึงปัจจุบัน รวมแล้วกว่า 939.71 ล้านบาท

ถ้าย้อนกลับไปดูปัญหาหนี้จำนวนมหาศาลของ ไทยฟิล์มฯ จะพบว่าเป็นเพราะบริษัทมีการถ่ายโอนเงิน (สด) ไปลงทุนในธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (ไทยคอปเปอร์ อินดัสตรี่ และ ริเวอร์ไซด์ ทาวเวอร์) ซึ่งเกี่ยวโยงกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่

...การเดินเกมแบบนี้ เจ้าของรวยอยู่คนเดียว

นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง เตือนว่า นักลงทุนไม่ควรที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับหุ้นกลุ่มนี้ (TFI และ INOX) เนื่องจากผู้บริหารขาดธรรมาภิบาล ทำให้ยากต่อการคาดเดาทิศทางของบริษัท

ต้องเข้าใจว่าผู้บริหารไม่เคยเข้ามาดูแลหุ้นตัวเองเลย ยกตัวอย่าง INOX (ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส) ตั้งแต่เข้าตลาดมาราคาหุ้นปรับลดลงมาตลอด ส่วนธุรกิจฟิล์มเป็นธุรกิจที่ไม่ควรจะมีหนี้สูงมาก อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจริงๆ ไม่ควรเกิน 1 เท่าด้วยซ้ำ

นักวิเคราะห์รายนี้ เชื่อว่า ไทยฟิล์มฯ จะต้องเพิ่มทุนไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท หรือเป็น 2 เท่าภายหลังการลดทุน ขณะที่ ทุนใหม่ ที่จะใส่เข้ามานั้น จะต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 1 บาท (ไม่ต่ำกว่าราคาพาร์) มิเช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นเกิดขึ้นอีก และก็ต้องให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมซื้อก่อน ขายให้กับนักลงทุนกลุ่มใหม่ (PP)

ในส่วนของเงินทุนก้อนใหม่นั้น สำหรับตระกูลมหากิจศิริ ที่ปัจจุบันถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 70-75% ไม่น่าจะมีปัญหา และเชื่อว่ากลุ่มของ ประยุทธ รอวันที่จะใส่ทุนใหม่เข้ามา เขารวย มีเงินจากการขายหุ้น INOX กว่า 4.5 พันล้าน ถือหุ้น ปตท. ก็เยอะ แค่นี้เล็กน้อย

นักวิเคราะห์ ยังมองว่า เงื่อนไขการเพิ่มทุนที่ไม่ต่ำกว่า 1 บาท จะเป็นชนวนข่าวทางจิตวิทยาที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกัน การที่หุ้นของบริษัทเหลือจำนวนน้อย (710 ล้านหุ้น) ก็จะสามารถทำราคาขึ้นได้ง่าย..ในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม ในการตัดสินใจเข้าลงทุนหรือไม่นั้น นักลงทุนควรให้น้ำหนักที่ปัจจัยพื้นฐาน และเรื่องธรรมาภิบาล เป็นประเด็นหลัก

สำหรับทิศทางราคาฟิล์มที่ดูเหมือนเริ่มจะดี ในปีที่ผ่านมา วันนี้ไม่เป็นดังคาดหมาย ทิศทางเริ่มกลับมาเป็นขาลงอีกครั้ง (Down Turn) ทำให้การดำเนินธุรกิจของไทยฟิล์มฯ จะยากขึ้นอีก โดยราคาฟิล์มที่ลดลง และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ที่ผ่านมาทำให้ ไทยฟิล์มฯ ยกเลิกการส่งสินค้าไปยัง ตลาดจีน แล้ว

ด้าน ไทยฟิล์มฯ กลับยืนยันว่า ราคาฟิล์ม ยังเป็นเทรนด์ขาขึ้น โดยผลการขาดทุนที่เห็นนั้นเกิดจากการที่บริษัทได้ใช้กำลังผลิตที่เหลืออยู่ในไตรมาส 1 ผลิตสินค้าเพื่อรองรับคำสั่งซื้อล่วงหน้าสำหรับไตรมาส 2 ที่มีอยู่แล้วจำนวน 101 ล้านบาท จึงมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น

โดยบริษัทยังคงเชื่อว่า ราคาขาย บีโอพีพีฟิล์ม ยังมีการปรับตัวสูงขึ้นในทิศทางเดียวกันกับราคาวัตถุดิบ (เม็ดพลาสติก พี.พี.) แต่การปรับราคาขายยังคงช้ากว่าการปรับราคาขึ้นของวัตถุดิบ ประมาณ 1-2 เดือน

ถึงตอนนี้..เส้นทางของหุ้น TFI ยังคงน่าติดตาม ภายใต้วิถีทางที่ เจ้าของ มีความพยายามจะนำเงินของบริษัทไปลงทุนในธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักอยู่ตลอดเวลา และเป็นรายการเกี่ยวโยงกับบริษัทในเครือของตัวเอง

...ท้ายที่สุด นักลงทุนรายย่อย ก็มีแต่แพ้กับแพ้ เจ้าของ รวย แมลงเม่า ต้องบินเข้ากองไฟ

ฟฟฟฟ1

 กลับขึ้นบน
mr.w
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 490
#1 วันที่: 01/07/2006 @ 23:07:32 : re: ..............หุ้นราคา 0.10 ตัง อย่าคิดว่าถูก อาจหมดตัวไ
คนใน ไทยหุ้น น่าจะมีบางคนอะพี่ นิค คิดว่า ทามไงดี คิก คิก

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3
 กลับขึ้นบน
nikei
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 692
#2 วันที่: 01/07/2006 @ 23:39:54 : re: ..............หุ้นราคา 0.10 ตัง อย่าคิดว่าถูก อาจหมดตัวไ
.0008 .0008 .0008 .0008 รอดตายไปนานแระ คนนั้นอ่ะ .0008
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#3 วันที่: 02/07/2006 @ 03:11:07 : re: ..............หุ้นราคา 0.10 ตัง อย่าคิดว่าถูก อาจหมดตัวไ
.0001 .0001 .0001 Dont you cry.......................... .0002 .0002 .0002 .0002 .0002 .0002 .0002
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#4 วันที่: 02/07/2006 @ 03:12:34 : re: ..............หุ้นราคา 0.10 ตัง อย่าคิดว่าถูก อาจหมดตัวไ
.0002 .0002 .0002 .0002 .0002 http://www.bbznet.com/scripts3/view.php?user=greenbull&board=13&id=1728&c=1&order=numtopic
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com