?กฎเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านของแบงก์ไม่ได้เปลี่ยนแปลง หรือเข้มงวดมากขึ้น
สิ่งที่เปลี่ยนไปคือตัวลูกค้าเอง มีคำถามว่าทำไมลูกค้าจึงกู้ไม่ผ่าน
ทั้งที่ดูวงเงินเทียบกับรายได้ของลูกค้าน่าจะกู้ได้
แต่เป็นเพราะวันนี้คุณสมบัติด้านอื่นๆ ของลูกค้าเปลี่ยนไป เป็นเหตุผลให้ลูกค้ากู้ไม่ผ่าน?
ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส
ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดสินเชื่อผู้บริโภค
สายงานธุรกิจลูกค้าบุคคลและเครือข่ายบริการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวและว่า

ความไม่นิ่งของดอกเบี้ย กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัว
เพราะเมื่อดอกเบี้ยขึ้น ลูกค้ากลุ่มหนึ่ง จะชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน
ส่วนลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งจะกู้ไม่ผ่าน

อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น 1% จะกระทบการผ่อนของลูกค้าถึง 6%
บวกกับปัจจุบันลูกค้ามีหนี้มากขึ้นจากการผ่อนซื้อสินค้าอื่นๆ
หนี้จากบัตรเครดิต หนี้จากวงเงินส่วนบุคคล ทำให้ความสามารถในการผ่อนบ้านลดน้อยลง
วงเงินที่ขอกู้ซื้อบ้าน ซึ่งเคยเป็นวงเงินที่ลูกค้าขอกู้ได้ หากไม่มีหนี้สินอื่นในสัดส่วนที่สูงเกินไป
แต่เมื่อแบงก์พิจารณาแล้วว่า ลูกค้ามีหนี้สินผูกพันค่อนข้างสูง ก็ไม่สามารถอนุมัติวงเงินกู้ในวงเงินเท่าเดิมได้

ลูกค้าที่กู้ไม่ผ่านสัดส่วน 20-30% เกิดจากปัญหาเรื่องติดเครดิตบูโร
และกลุ่มที่กู้ไม่ผ่านเพราะค่าใช้จ่ายด้านการผ่อนชำระอื่นๆ สูง มีสัดส่วนสูงถึง 30% เช่นกัน

ไม่เพียงแต่ผู้ประกอบการเท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
แต่แบงก์ก็ได้รับผลกระทบในแง่สินเชื่อที่ปล่อยไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เช่นกัน
โดยยอดปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารกสิกรไทยช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่า 5,500 ล้านบาท
คาดว่าสินเชื่อ 6 เดือนจะอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 20%
ซึ่งเดิมคาดการณ์ไว้ว่า สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปีนี้จะลดลงจากปีที่ผ่านมาเพียง 10%
หรือเป้าหมายเดิมของครึ่งปีแรกตั้งไว้ที่ 8,000 ล้านบาท และมีเป้าหมายรวมทั้งปีอยู่ที่ 1.8 แสนล้านบาท

ปัจจัยที่ทำให้การปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มาจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นต่อเนื่องถึง 2% ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง 12%
ราคาน้ำมันทำให้ต้นทุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 6-7%
ผู้ประกอบการจัดสรรเองก็ชะลอการลงทุน

สิ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นใจในการซื้อบ้านได้ คือ ต้องมี เพดานดอกเบี้ย
โดยควรกำหนดทิศทางการปรับขึ้นของดอกเบี้ย ให้ชัดเจนว่า.. จะปรับขึ้นอีกเท่าไร สูงสุดเท่าไร
ซึ่งการที่ดอกเบี้ยปรับขึ้นอย่างไม่มีกำหนด เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจ
และหนึ่งในแนวทางแก้ปัญหาที่ผู้ประกอบการจัดสรรมอง คือ การหา แพ็คเกจอัตราดอกเบี้ยคงที่ ให้ลูกค้า
แต่วิธีการดังกล่าว จะทำให้แบงก์ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

ชาติชาย กล่าวว่า ภาพรวมของการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกไม่เกิน 0.5%
หรือ MLR ไม่เกิน 8% จากปัจจุบัน MLR อยู่ที่ 7.5%
แต่การเรียกความมั่นใจจากลูกค้า ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่จะเป็นความเสี่ยงของแบงก์
เพราะแบงก์จำเป็นต้องใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว
การให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ ทำให้ควบคุมต้นทุนทางการเงินไม่ได้

ปัจจุบัน หลายธนาคารยกเลิกอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่แล้ว หันมาใช้แบบลอยตัว
ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยมีกลุ่มลูกค้าอัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ที่ 30%
ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในโครงการพันธมิตรกับธนาคาร และจัดทำแพ็คเกจร่วมกันอยู่แล้ว

?แบงก์เองต้องสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าเห็นว่า ถ้าเราใช้ดอกเบี้ยลอยตัว ในสถานการณ์นี้
ดอกเบี้ยจะไม่ปรับตัวต่อเนื่องในอัตราที่สูงมากเหมือนที่ผ่านมาอีก
แต่อาจปรับขึ้นอีกเพียงครั้งเดียวในสัดส่วนที่ยังพอรับได้?

กลยุทธ์ที่ธนาคารกสิกรไทย จะช่วยผู้กู้สินเชื่อซื้อบ้านได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
จะไม่นำเรื่อง ?อัตราดอกเบี้ยคงที่? มาเล่น
แต่จะหาวิธีที่จะทำให้ลูกค้า ?มีเงินก้อนเพิ่ม? ขึ้นมาจากทรัพย์สินที่ลูกค้ามีอยู่
โดยเตรียมใช้แคมเปญในลักษณะ ?จำนำรถ ซื้อบ้าน?
ซึ่งจะอาศัยความร่วมมือกับ ?เค ลิสซิ่ง? บริษัทสินเชื่อเพื่อรถยนต์ในเครือของธนาคารกสิกรไทย
ดำเนินการในรูปแบบ ลูกค้าขอกู้ซื้อบ้านกับธนาคารกสิกรไทย
หากผ่านการอนุมัติเงินกู้ในส่วนของซื้อบ้านแล้ว แต่อาจไม่ถึง 100%
หรือต้องการวงเงินสำหรับดาวน์บ้าน ทำให้ลูกค้าต้องการเงินก้อนอีกส่วนหนึ่ง
ธนาคารจะส่งลูกค้ารายนี้ให้กับเค ลิสซิ่ง เพื่อขอเงินกู้เพิ่ม โดยมีรถยนต์เป็นหลักประกัน

ตัวอย่างเช่น ลูกค้าขอกู้ซื้อบ้านยูนิตละ 1 ล้านบาท หากได้รับอนุมัติ 80-90% แล้วลูกค้าไม่มีเงินก้อน
สามารถนำรถยนต์ที่หมดภาระแล้ว หรือใกล้หมดภาระการผ่อนแล้ว
นำทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าวไปจำนำกับเค ลิสซิ่ง
เพื่อให้อนุมัติเงินก้อน ใช้เป็นเงินดาวน์หรือซื้อบ้านได้ ซึ่งจะทำให้เค ลิสซิ่งได้ลูกค้าเพิ่ม
และยังเป็นลูกค้าที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจากฝ่ายอนุมัติสินเชื่อของแบงก์แล้ว
เหมือนเป็นการการันตีลูกค้าให้กับเค ลิสซิ่ง
โดยอัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระให้กับเค ลิสซิ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4-5% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยปกติของกลุ่มลิสซิ่ง

แม้ว่าการจำนำรถในธุรกิจลิสซิ่งของหลายสถาบันการเงิน รวมถึงเค ลิสซิ่งจะเป็นเรื่องปกติ
แต่ดึงสินเชื่อ 2 ส่วนมาเชื่ยมโยงกันระหว่างสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านของแบงก์กสิกรไทย
กับสินเชื่อรถยนต์ของเค ลิสซิ่ง เพื่อหาเงินก้อนสำหรับซื้อบ้าน
นับเป็นแคมเปญใหม่ที่ทำเป็นครั้งแรกของตลาด ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีก 2 เดือนข้างหน้า

แคมเปญทางการตลาดที่นอกเหนือจากการทำแคมเปญร่วมกับเค ลิสซิ่งแล้ว
ครึ่งปีหลังยังมีแคมเปญอื่นๆ อาทิ กู้บ้านแถมยิ้ม, กู้บ้านลุ้นท่องเที่ยวรอบโลก
ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้สินเชื่อที่อยู่อาศัย
เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้มากที่สุดภายหลังจากที่สถานการณ์ของดอกเบี้ยนิ่งขึ้น

ความชัดเจนในเรื่องอัตราดอกเบี้ย
และแนวทางการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยช่วงครึ่งปีหลังของธนาคารกสิกรไทย
คงเป็นคำตอบที่น่าพอใจในระดับหนึ่งให้กับผู้บริโภคที่วางแผนซื้อบ้าน
และอาจช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อให้ดีมานด์ที่ยังมีอยู่ในตลาด ..
และอาจจะมีให้เห็นออกมาอีกหลายแบงก์ ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
เพื่อหนีเกมการแข่งขัน เรื่องอัตราดอกเบี้ยคงที่ ซึ่งทำได้ยากขึ้นในภาวะปัจจุบัน