May 4, 2024   9:11:29 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ไขปริศนา..หุ้น "TUCC" วิ่ง-สู้-ฟัด
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 08/07/2006 @ 17:13:36
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ตรวจสอบหุ้น ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ เข้าตลาด 7 เดือน ราคาวิ่งขึ้น 70% ผู้บริหาร ยืนยัน กอดหุ้นไม่ขาย..รอกินอนาคต ส่วนวงในชี้หุ้นตัวนี้มี เซียนคุม ระวังรวยแล้วเลิก


บมจ. ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ (TUCC) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สเตนเลสของ ตระกูลงามไกวัล เป็นหุ้นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2548 แต่ราคาหุ้นกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างหวือหวา

เพียงระยะ 7 เดือน ราคาหุ้น TUCC ปรับขึ้นจากราคาจอง 2.70 บาท มาถึงวันนี้ราคาวิ่งขึ้นไปแล้วที่ระดับ 4.64 บาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นกว่า 70% ขณะที่หุ้นตัวนี้เคยทำสถิติราคาสูงสุด 5.45 บาท เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก่อนจะทุบลงไปแถวๆ 3.50 บาท แล้วลากราคาขึ้นมาใหม่ เซียนหุ้นขาใหญ่ ทำกำไรเข้ากระเป๋าแล้วหลายรอบ

ที่สำคัญราคาดังกล่าวสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองไว้ไม่ควรเกิน 4 บาท ทำให้ยิ่งน่าสงสัยว่าหุ้น TUCC มีอะไรดีกันแน่

ทรงชัย ลีละวินิจกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ กล่าวกับ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า ถึงแม้หุ้นบางส่วน 25% ที่ติดไซเลนท์พีเรียด 6 เดือน พ้นระยะห้ามขายไปแล้ว แต่ผู้บริหารก็ไม่คิดที่จะขายหุ้นออก ไม่ว่าจะกี่หุ้น เนื่องจากธุรกิจนี่เป็นธุรกิจที่ตั้งมากับมือ และถือว่ายังมีการเจริญเติบโตที่ดี

ส่วนราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นสูงอยู่ขณะนี้ เนื่องจากว่า นักลงทุนมองเห็นแนวโน้มของธุรกิจ สเตนเลส ที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยราคาสเตนเลสโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก จาก 2,200-2,300 เหรียญสหรัฐต่อตัน มาอยู่ที่ 2,900-3,000 เหรียญสหรัฐต่อตัน

ซึ่งเชื่อว่าไตรมาส 2 ที่กำลังปิดงบอยู่ อาจจะมีข่าวดี

มือการเงิน TUCC บอกว่า อุตสาหกรรมสเตนเลสกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แม้อีกบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดอย่าง ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส (INOX) ในไตรมาสแรกจะขาดทุน แต่เรากับเขาไม่เหมือนกัน ไทยน๊อคซ์ ผลิตสเตนเลสขายอย่างเดียว แต่ของเราหลากหลายกว่า

ทรงชัย กล่าวอ้างว่า แม้เศรษฐกิจจะมีแนวโน้มชะลอตัวลดลง ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท ที่มีออเดอร์ล่วงหน้าทยอยเข้ามาเรื่อยๆ เพราะบริษัทมีสเตนเลสที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภท ทั้งกลุ่มยานยนต์ กลุ่มเครื่องเย็นและห้องเย็น ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ และขยายตัวต่อเนื่อง

รวมไปถึงอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องครัวก็มีการใช้สเตนเลสมากขึ้น แต่ยอมรับว่าการที่ราคาสเตนเลสปรับขึ้นไปมาก อาจจะกดดันให้มีการบริโภคลดลงนิดหน่อย

เขากล่าวว่า ทิศทางการเติบโตของ TUCC ในปี 2549 น่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ คือ มีรายได้ 1,500 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่ทำไว้ 1,235 ล้านบาท และทิศทางการดำเนินงานของบริษัท ยังคงเน้นแนวทางมุ่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมาร์จินสูง เช่น แผ่นสเตนเลสปั๊มลายนูนขัดเงา ซึ่งมีราคาสูงกว่าปกติ 2-3 เท่า

นอกจากนี้ยังจะขยายช่องทางขายไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น ในแถบตะวันออกกลาง เช่น อิหร่าน ดูไบ จอร์แดน และ อินเดีย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

อย่างไรก็ตามสำหรับต้นทุนในปีนี้ อาจจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา จากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงราคาน้ำมัน แต่ต้นทุนในส่วนนี้จะถูกผลักภาระไปให้กับลูกค้า

ส่วนอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นมานั้น ผู้บริหารบริษัท เชื่อว่า มีภาระสูงกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย เนื่องจากได้มีการคืนเงินกู้ไปแล้วส่วนหนึ่ง โดยปัจจุบัน TUCC มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน 1.8 เท่า

ถึงหนี้เราจะสูง แต่บริษัทยังมีศักยภาพในการลงทุนเพิ่มเติม ไม่อยากก่อกำแพงกันตัวเองว่าต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนไว้ที่เท่าไร เพราะจะทำให้เสียโอกาสในการขยายธุรกิจ

ด้านนักวิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าวกับ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า สาเหตุที่ราคาหุ้น TUCC เพิ่มขึ้นมามากนั้น เกิดจากมีการ ปล่อยข่าว ในห้องค้ามาตั้งแต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาว่า จะมีการลากหุ้น (ให้ราคาเป้าหมาย) โดยมีข่าวผลประกอบการที่ดี และการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลออกมาล่อตลอด จนถึงขั้นที่บริษัทจะจ่ายปันผลเป็นหุ้น

ทำให้บริษัทต้องออกมาชี้แจงว่า หากไม่มีการลงทุนเพิ่มเติม บริษัทอาจพิจารณากำหนดนโยบายเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งนโยบายดังกล่าว จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริษัทก่อน ขณะที่การจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญนั้นทางผู้บริหารได้ออกมาปฏิเสธแล้ว

ขณะที่การเล่นหุ้นตัวนี้ก็ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะมีโอกาสสูงที่ รายใหญ่ จะเทขายหุ้นทำกำไรได้ทุกเมื่อ

ด้าน บล.เอเซีย พลัส ประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมของ TUCC ณ สิ้นปี 2549 อยู่ที่ 4 บาท เท่านั้น โดยปีนี้ TUCC ต้องกลับมาเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลหลังจากผลขาดทุนสะสมหมดลงในปี 2548 โดยในงวดไตรมาส 1 ปี 2549 TUCC มีอัตราการใช้กำลังการผลิตรวมเพียง 35% เนื่องจาก TUCC มีการติดตั้งเครื่องผลิตท่อขนาดเล็กกำลังการผลิต 6,150 ตัน/ปี ในช่วงปลายปี 2548 ทำให้ไม่สามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่

แต่คาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นภายหลัง โดยผลประกอบการน่าจะดีขึ้นในไตรมาส 2 จากการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น อาจทำให้ TUCC มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้

************************************************

 กลับขึ้นบน
mr.w
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 490
#1 วันที่: 08/07/2006 @ 20:45:24 : re: ไขปริศนา..หุ้น "TUCC" วิ่ง-สู้-ฟัด
มีคนเคย บอกให้ดูไว้ เหมือน กัน แต่ ไม่เคย เลี้ยวไปมองเลย

จนมาวันนี้ ถึงได้ รุว่า โง่ จิง จิง เลย เรา

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com